เชลล์ รุกหนักตลาดน้ำมันเครื่องทุ่มทุน 270 ล้านบาท ปรับโฉมใหม่ “โปรเซิร์ฟ” เปลี่ยนเครื่องมือ สร้างห้องรับรองใหม่ เน้นความสะดวกสบายมี Wifi หวังโตขึ้น 10% คาดปีนี้ปรับได้ 250 แห่งจากทั้งหมด 360 แห่งทั่วประเทศ ระบุเศรษฐกิจเริ่มมีทิศทางดี
นางพิศวรรณ อัชนะพรกุล ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า การปรับโฉมศูนย์บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องภายในปั๊มเชลล์หรือ โปรเซิร์ฟ(Proserv) เกิดขึ้นเพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการของศูนย์บริการและตอบสนองพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป
การปรับโฉมครั้งนี้ บริษัทฯ ใช้งบลงทุนมูลค่า 270 ล้านบาท แบ่งเป็นงบเพื่อปรับโฉมและยกระดับการให้บริการ 70 ล้านบาทและแคมเปญการตลาด 200 ล้านบาท โดยการปรับโฉมเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปลายปี 2551 จนกระทั่งสำเร็จแล้วราว 220 แห่งและคาดว่าในปีนี้จะมีศูนย์บริการโปรเซิร์ฟโฉมใหม่รวมทั้งสิ้น 250 แห่งจากทั้งหมด 360 แห่งทั่วประเทศ
“จากการสำรวจและวิจัยตลาดของเซลล์ พบว่า พฤติกรรมของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องมีความต้องการที่จะเห็นรถของตนเองว่า ถูกช่างทำอะไรบ้าง ดังนั้นเราจึงต้องสร้างห้องรับรองใหม่ ให้ลูกค้าสามารถเห็นรถตัวเองได้ตลอดเวลา รวมถึงมีบริการเสริมอย่าง Wi-fi รองรับไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ของลูกค้า คาดว่าจะทำให้จำนวนลูกค้าของโปรเซิร์ฟเพิ่มขึ้นราว 10%” นางพิศวรรณ กล่าว
นอกจากการปรับโฉมห้องรับรองลูกค้าแล้วยังมีการเปลี่ยนอุปกรณ์สำหรับเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องใหม่ทั้งหมด โดยจะเป็นเครื่องมือที่ดูดน้ำมันเครื่องออกมาแทนการขันน๊อตใต้ท้องเครื่องมือ ช่วยลดเวลาการทำงานและลดความเสี่ยงต่อการสร้างความเสียหายแก่เครื่องยนต์อีกด้วย
นางพิศวรรณ กล่าวว่า ตลาดน้ำมันเครื่องของไทยปัจจุบันมีประมาณ 450 ล้านลิตรต่อปี แบ่งเป็น 60% สำหรับรถขนาดใหญ่หรือรถบรรทุกหนัก 30%เป็นของยานยนต์รวมทั้ง 2 ล้อและ 4 ล้อ และอีก 10% เป็นน้ำมันหล่อลื่นสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม โดยคาดว่าปีนี้ตลาดน้ำมันเครื่องจะลดลงราว 10%
“ตลาดรวมของน้ำมันเครื่องยานยนต์มีประมาณ 150 ล้านลิตรต่อปี สัดส่วน 30% ของตลาดดังกล่าวจะเป็นลูกค้าที่เปลี่ยนถ่ายกับศูนย์บริการ โดยในส่วนนี้ เชลล์ โปรเซิร์ฟ ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดอยู่จากการสำรวจของเรา ขณะที่อีก 70%นั้น จะเป็นน้ำมันเครื่องที่อู่และลูกค้าซื้อเพื่อนำไปเปลี่ยนเอง”
ทั้งนี้ การลงทุนด้วยงบประมาณที่มากถึง 270 ล้านบาทท่ามกลางภาวะวิกฤตเศรษฐกิจเช่นนี้ บริษัทฯ มองว่า สัญญาณทางเศรษฐกิจต่างๆ เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น ความกังวลเกี่ยวกับการจ้างงานลดลง ดังนั้นคาดว่าไตรมาส 3 เศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับยอดขายรวมของบริษัทฯ 90% จะมาจากน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งเบนซิน ดีเซลและน้ำมันชนิดอื่นๆ ส่วนอีก 10% จะเป็นของร้านสะดวกซื้อ ซีเล็ก และศูนย์บริการโปรเซิร์ฟ นางพิศวรรณกล่าวปิดท้าย
นางพิศวรรณ อัชนะพรกุล ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า การปรับโฉมศูนย์บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องภายในปั๊มเชลล์หรือ โปรเซิร์ฟ(Proserv) เกิดขึ้นเพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการของศูนย์บริการและตอบสนองพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป
การปรับโฉมครั้งนี้ บริษัทฯ ใช้งบลงทุนมูลค่า 270 ล้านบาท แบ่งเป็นงบเพื่อปรับโฉมและยกระดับการให้บริการ 70 ล้านบาทและแคมเปญการตลาด 200 ล้านบาท โดยการปรับโฉมเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปลายปี 2551 จนกระทั่งสำเร็จแล้วราว 220 แห่งและคาดว่าในปีนี้จะมีศูนย์บริการโปรเซิร์ฟโฉมใหม่รวมทั้งสิ้น 250 แห่งจากทั้งหมด 360 แห่งทั่วประเทศ
“จากการสำรวจและวิจัยตลาดของเซลล์ พบว่า พฤติกรรมของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องมีความต้องการที่จะเห็นรถของตนเองว่า ถูกช่างทำอะไรบ้าง ดังนั้นเราจึงต้องสร้างห้องรับรองใหม่ ให้ลูกค้าสามารถเห็นรถตัวเองได้ตลอดเวลา รวมถึงมีบริการเสริมอย่าง Wi-fi รองรับไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ของลูกค้า คาดว่าจะทำให้จำนวนลูกค้าของโปรเซิร์ฟเพิ่มขึ้นราว 10%” นางพิศวรรณ กล่าว
นอกจากการปรับโฉมห้องรับรองลูกค้าแล้วยังมีการเปลี่ยนอุปกรณ์สำหรับเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องใหม่ทั้งหมด โดยจะเป็นเครื่องมือที่ดูดน้ำมันเครื่องออกมาแทนการขันน๊อตใต้ท้องเครื่องมือ ช่วยลดเวลาการทำงานและลดความเสี่ยงต่อการสร้างความเสียหายแก่เครื่องยนต์อีกด้วย
นางพิศวรรณ กล่าวว่า ตลาดน้ำมันเครื่องของไทยปัจจุบันมีประมาณ 450 ล้านลิตรต่อปี แบ่งเป็น 60% สำหรับรถขนาดใหญ่หรือรถบรรทุกหนัก 30%เป็นของยานยนต์รวมทั้ง 2 ล้อและ 4 ล้อ และอีก 10% เป็นน้ำมันหล่อลื่นสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม โดยคาดว่าปีนี้ตลาดน้ำมันเครื่องจะลดลงราว 10%
“ตลาดรวมของน้ำมันเครื่องยานยนต์มีประมาณ 150 ล้านลิตรต่อปี สัดส่วน 30% ของตลาดดังกล่าวจะเป็นลูกค้าที่เปลี่ยนถ่ายกับศูนย์บริการ โดยในส่วนนี้ เชลล์ โปรเซิร์ฟ ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดอยู่จากการสำรวจของเรา ขณะที่อีก 70%นั้น จะเป็นน้ำมันเครื่องที่อู่และลูกค้าซื้อเพื่อนำไปเปลี่ยนเอง”
ทั้งนี้ การลงทุนด้วยงบประมาณที่มากถึง 270 ล้านบาทท่ามกลางภาวะวิกฤตเศรษฐกิจเช่นนี้ บริษัทฯ มองว่า สัญญาณทางเศรษฐกิจต่างๆ เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น ความกังวลเกี่ยวกับการจ้างงานลดลง ดังนั้นคาดว่าไตรมาส 3 เศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับยอดขายรวมของบริษัทฯ 90% จะมาจากน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งเบนซิน ดีเซลและน้ำมันชนิดอื่นๆ ส่วนอีก 10% จะเป็นของร้านสะดวกซื้อ ซีเล็ก และศูนย์บริการโปรเซิร์ฟ นางพิศวรรณกล่าวปิดท้าย