“หัวม้าลาย” โอดต้นทุนพุ่ง 30% เผย วัตถุดิบจ่อคิวขึ้นอีก หลังราคานิกเกิลพุ่งขึ้น 2 เท่าแล้ว ลั่นยืนราคาสินค้าเดิมได้ถึงแค่สิ้นปีเท่านั้น อั้นไม่ไหวปรับราคาอีกแน่ ยังกัดฟันสู้ลุ้นปีนี้โตตามเป้า 10%
นายเอกชัย ยังวาณิช รองกรมการบริหาร บริษัท เสถียรสเตนเลสสตีล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องครัวสเตนเลสสตีลตรา “หัวม้าลาย” เปิดเผยว่า ขณะนี้ต้นทุนการผลิตของบริษัทได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 30% แล้ว ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาถึงแนวทางดำเนินการต่างๆ เพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าวหลังจากที่ไม่นานนี้ บริษัทเพิ่งทำการปรับลดราคาสินค้าลงมาประมาณ 10% ไปแล้ว เพราะวัตถุดิบราคาตกลง
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เปลี่ยน เนื่องมาจากปัญหาราคาวัตถุดิบที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะ ราคาเหล็กและสเตนเลสสตีล ขยับขึ้นมากกว่า 30% รวมทั้งนิกเกิ้ลที่ขณะนี้มีราคาประมาณ 19,000 เหรียญดอลลาร์ จากเดิมเมื่อช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาราคาอยู่ที่ประมาณ 9,000 กว่าเหรียญดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งบริษัทสั่งซื้อกับทางไทยน็อกสตีลเป็นหลัก ทั้งนี้ สัดส่วนต้นทุนการผลิตที่สำคัญของบริษัทแบ่งเป็น นิกเกิล 8% โครเมียม 18% เหล็กและคาร์บอนประมาณ 74%
สำหรับสินค้าในสต๊อกที่ผลิตจากต้นทุนวัตถุดิบเดิมนั้น ยังพอมีเหลืออีกประมาณ 4-5 เดือน ใช้ได้ถึงปลายปีนี้ จากนั้นไปจะกลายเป็นสินค้าที่มีราคาต้นทุนที่สูงขึ้น หรือหมายความว่า บริษัทสามารถตรึงราคาได้ถึงสิ้นปีนี้
นอกจากนั้น ยังมีสินค้าเครื่องครัวจากประเทศจีน ที่ยังมีผู้นำเข้ามาจำหน่ายซึ่งกระทบกับผู้ประกอบการในวงการนี้ เพราะอาศัยสินค้าราคาต่ำ ซึ่งคุณภาพก็ต่ำตามไปด้วย เข้ามาแบ่งตลาด โดยปัจจุบันตลาดรวมเครื่องครัวสเตนเลสสตีลในไทยมีมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี ตราหัวม้าลายมีส่วนแบ่งเป็นผู้นำตลาดด้วยแชร์มากกว่า 60%
ขณะเดียวกัน บริษัทก็หาวิธีลดต้นทุนดำเนินการ แต่ไม่ลดด้านคุณภาพ เช่น การประหยัดด้านพลังงาน จากเดิมปั๊มลมใช้ 5 ตัวก็ลดเหลือ 3 ตัว หรือเปลี่ยนมาใช้พลังงานก๊าซแทนดีเซล เป็นต้น
“เราคงต้องจับตาดูว่าราคานิกเกิลเป็นอย่างไร ราคาน้ำมันเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้รู้ว่ามีการปั่นราคากัน เก็งกำไรกัน ทำให้ราคายังไม่นิ่ง เราคงต้องดูแนวโน้มอีกทีว่าเป็นอย่างไร เพราะถ้าขึ้นราคาสินค้าตอนนี้ก็คงกระทบกับผู้บริโภคอีก”
นายเอกชัย ยอมรับว่า ช่วงครึ่งปีแรกนี้ ผลประกอบการรวมบริษัทฯเติบโตเพียง 5% เท่านั้น ขณะที่ทั้งปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 10% ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลักดันยอดขายรวมให้เติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ โดยงบตลาดที่ใช้ทั้งปี 15-20 ล้านบาท สัดส่วนรายได้มาจากในประเทศ 70% และต่างประเทศ 30% อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่าในสิ้นปีนี้จะมีรายได้รวมเติบโตประมาณ 10% หรือมีรายได้ 1,500 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ล่าสุด ได้ลงทุนขยายพื้นที่โรงงานเพิ่มขึ้นรองรับผลิตสินค้าไลน์ใหม่ๆ ด้วย โดยลงทุนก่อสร้างตัวอาคารกว่า 40 ล้านบาท คาดว่า จะเสร็จเดือนตุลาคมนี้ พื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 10,000 กว่าตารางเมตร ส่วนเครื่องจักรอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ขายเครื่องจักร ซึ่งจะทำให้มีกำลังผลิตเพิ่มขึ้นอีก 15% จากเดิมที่ผลิตวันละประมาณ 6,000 ตันเท่านั้น
ล่าสุด เพื่อรองรับกับความต้องการของหม้อก๋วยเตี๋ยวสเตนเลสสตีลไร้สารตะกั่ว ที่เติบโตมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ.มีมติเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2550 ประกาศห้ามใช้ ห้ามจำหน่าย ห้ามขาย และซ่อมแซม ภาชนะที่ใช้ตะกั่วบัดกรีตัวถัง เพราะมีสารตะกั่วมีผลกระทบกับสุขภาพ ทำให้คาดว่าจะต้องมีการเปลี่ยนหม้อก๋วยเตี๋ยวในท้องตลาดรวมกว่า 2 ล้านใบ บริษัทจึงใช้งบ 10 ล้านบาท พัฒนาสินค้าหม้อก๋วยเตี๋ยวสเตนเลสสตีลไร้สารตะกั่ว ใช้วัสดุตรงตามที่ สคบ.กำหนด
นายเอกชัย ยังวาณิช รองกรมการบริหาร บริษัท เสถียรสเตนเลสสตีล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องครัวสเตนเลสสตีลตรา “หัวม้าลาย” เปิดเผยว่า ขณะนี้ต้นทุนการผลิตของบริษัทได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 30% แล้ว ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาถึงแนวทางดำเนินการต่างๆ เพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าวหลังจากที่ไม่นานนี้ บริษัทเพิ่งทำการปรับลดราคาสินค้าลงมาประมาณ 10% ไปแล้ว เพราะวัตถุดิบราคาตกลง
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เปลี่ยน เนื่องมาจากปัญหาราคาวัตถุดิบที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะ ราคาเหล็กและสเตนเลสสตีล ขยับขึ้นมากกว่า 30% รวมทั้งนิกเกิ้ลที่ขณะนี้มีราคาประมาณ 19,000 เหรียญดอลลาร์ จากเดิมเมื่อช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาราคาอยู่ที่ประมาณ 9,000 กว่าเหรียญดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งบริษัทสั่งซื้อกับทางไทยน็อกสตีลเป็นหลัก ทั้งนี้ สัดส่วนต้นทุนการผลิตที่สำคัญของบริษัทแบ่งเป็น นิกเกิล 8% โครเมียม 18% เหล็กและคาร์บอนประมาณ 74%
สำหรับสินค้าในสต๊อกที่ผลิตจากต้นทุนวัตถุดิบเดิมนั้น ยังพอมีเหลืออีกประมาณ 4-5 เดือน ใช้ได้ถึงปลายปีนี้ จากนั้นไปจะกลายเป็นสินค้าที่มีราคาต้นทุนที่สูงขึ้น หรือหมายความว่า บริษัทสามารถตรึงราคาได้ถึงสิ้นปีนี้
นอกจากนั้น ยังมีสินค้าเครื่องครัวจากประเทศจีน ที่ยังมีผู้นำเข้ามาจำหน่ายซึ่งกระทบกับผู้ประกอบการในวงการนี้ เพราะอาศัยสินค้าราคาต่ำ ซึ่งคุณภาพก็ต่ำตามไปด้วย เข้ามาแบ่งตลาด โดยปัจจุบันตลาดรวมเครื่องครัวสเตนเลสสตีลในไทยมีมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี ตราหัวม้าลายมีส่วนแบ่งเป็นผู้นำตลาดด้วยแชร์มากกว่า 60%
ขณะเดียวกัน บริษัทก็หาวิธีลดต้นทุนดำเนินการ แต่ไม่ลดด้านคุณภาพ เช่น การประหยัดด้านพลังงาน จากเดิมปั๊มลมใช้ 5 ตัวก็ลดเหลือ 3 ตัว หรือเปลี่ยนมาใช้พลังงานก๊าซแทนดีเซล เป็นต้น
“เราคงต้องจับตาดูว่าราคานิกเกิลเป็นอย่างไร ราคาน้ำมันเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้รู้ว่ามีการปั่นราคากัน เก็งกำไรกัน ทำให้ราคายังไม่นิ่ง เราคงต้องดูแนวโน้มอีกทีว่าเป็นอย่างไร เพราะถ้าขึ้นราคาสินค้าตอนนี้ก็คงกระทบกับผู้บริโภคอีก”
นายเอกชัย ยอมรับว่า ช่วงครึ่งปีแรกนี้ ผลประกอบการรวมบริษัทฯเติบโตเพียง 5% เท่านั้น ขณะที่ทั้งปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 10% ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลักดันยอดขายรวมให้เติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ โดยงบตลาดที่ใช้ทั้งปี 15-20 ล้านบาท สัดส่วนรายได้มาจากในประเทศ 70% และต่างประเทศ 30% อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่าในสิ้นปีนี้จะมีรายได้รวมเติบโตประมาณ 10% หรือมีรายได้ 1,500 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ล่าสุด ได้ลงทุนขยายพื้นที่โรงงานเพิ่มขึ้นรองรับผลิตสินค้าไลน์ใหม่ๆ ด้วย โดยลงทุนก่อสร้างตัวอาคารกว่า 40 ล้านบาท คาดว่า จะเสร็จเดือนตุลาคมนี้ พื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 10,000 กว่าตารางเมตร ส่วนเครื่องจักรอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ขายเครื่องจักร ซึ่งจะทำให้มีกำลังผลิตเพิ่มขึ้นอีก 15% จากเดิมที่ผลิตวันละประมาณ 6,000 ตันเท่านั้น
ล่าสุด เพื่อรองรับกับความต้องการของหม้อก๋วยเตี๋ยวสเตนเลสสตีลไร้สารตะกั่ว ที่เติบโตมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ.มีมติเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2550 ประกาศห้ามใช้ ห้ามจำหน่าย ห้ามขาย และซ่อมแซม ภาชนะที่ใช้ตะกั่วบัดกรีตัวถัง เพราะมีสารตะกั่วมีผลกระทบกับสุขภาพ ทำให้คาดว่าจะต้องมีการเปลี่ยนหม้อก๋วยเตี๋ยวในท้องตลาดรวมกว่า 2 ล้านใบ บริษัทจึงใช้งบ 10 ล้านบาท พัฒนาสินค้าหม้อก๋วยเตี๋ยวสเตนเลสสตีลไร้สารตะกั่ว ใช้วัสดุตรงตามที่ สคบ.กำหนด