เอ.ดี.ไทม์ จากมาเลเซีย รุกหนักตลาดนาฬิกาเอเชีย ล่าสุดสยายปีกเข้าไทย เจาะตลาดนาฬิกาแฟชั่น ขน 11 แบรนด์ลิขสิทธิ์ลุย ก่อนเพิ่มเป็น 30 แบรนด์อีก 2 ปี หน้า ตั้งเป้าขายปีแรก 200 ล้านบาท
นายฟิลลิก แยบ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ.ดี.ไทม์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายนาฬิกาแฟชั่นกว่า 11 แบรนด์ และเป็นบริษัทในเครือของ บริษัท เอ.ดี.ไทม์ มาเลเซีย จำกัด กล่าวว่า บริษัทแม่มีนโยบายที่จะขยายธุรกิจการจัดจัดจำหน่ายนาฬิกาไปต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศในภาคพื้นเอเชีย โดยวางแผนจะทำตลาดในประเทศจีนและฮ่องกง ในปีหน้าส่วนตลาดที่ดำเนินการแล้วเช่น บรูไน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม ไต้หวัน ล่าสุดคือ การเข้ามาทำธุรกิจในไทยด้วยการเปิดบริษัทเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
นายษาณฑ์ วงศ์ทองมาก ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เอ.ดี.ไทม์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า เนื่องจากการศึกษาพฤติกรรมของคนไทยในการบริโภคนาฬิกาแล้ว พบว่า นาฬิกาแฟชั่นเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีสถานภาพ อีกทั้งคนไทยมักจะเปลี่ยนนาฬิกาบ่อยๆ สอดคล้องกับสินค้าที่บริษัทแม่ได้รับลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายรวมกว่า 30 แบรนด์ ขณะที่บริษัทเริ่มมีความมั่นใจกับสถานการณ์การเมืองของไทยที่เริ่มนิ่งแล้ว รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้น
สำหรับแผนดำเนินงานไทยนั้น นายษาณฑ์กล่าวว่า ช่วงแรกจะนำเข้ามาจำหน่ายเพียง 11 แบรนด์ก่อน เช่น โอดี เอ็ม ลีวายส์ เอสปรี โบเนีย อเลนเดอลอง ร็อกซี่ ควิกซิลเวอร์ เอ็ดฮาร์ดี้ อินวิคต้า รีเพลย์ และโดซ่า ระดับราคาจะอยู่ที่ 1,850 บาท - 40,000 กว่าบาท จับกลุ่มเป้าหมายทั้งนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน ที่รายได้ระดับกลางถึงบน และคาดว่าภายใน 2 ปีจากนี้ จะนำเข้ามาจำหน่ายครบทุกแบรนด์ที่มีบริษัทฯแม่ได้รับลิขสิทธิ์กว่า 30 แบรนด์ โดยตั้งเป้ายอดขายช่วงปีแรกของการดำเนินธุรกิจ (มิ.ย. 52- มิ.ย. 53) ประมาณ 200 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 500 ล้านบาทในอีก 2 ปี และตั้งเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำ 1 ใน 3 อันดับแรกของตลาดนาฬิกาแฟชั่นไทยในปีแรกด้วยกลยุทธ์ราคาและกลยุทธ์ตัวสินค้า
“ถึงแม้จะมีปัจจัยลบทางการเมือง เศรษฐกิจและปัจจัยอื่นๆที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่เชื่อว่าในช่วงหลังยังคงจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทได้ใช้กลยุทธ์ทางด้านราคามาโดยตลอดซึ่งเริ่มจากปี 2552 ไปจนถึง ปี2553 และได้มีการขยายแบรนด์เข้ามาเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าช่วงภายในปีหน้า จะสามารถกระตุ้นตลาดของนาฬิกาให้เติบโตได้มากขึ้น”
ขณะที่จุดจำหน่ายนั้นบริษัทฯได้จับมือร่วมกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำในประเทศไทย อาทิเช่น The Mall, Robinson, Istetan หรือ Flag Ship store อาทิเช่น Loft @ Siam Discovery นำผลิตภัณฑ์เข้าไปจำหน่าย นอกจากนี้บริษัทฯ ทุ่มงบกว่า 25 ล้านบาท โดยเป้นงบตลาด 5 ล้านบาท และอักว่วนงบเปิดสาขา โดยแบ่งใช้งบกว่า 10 ล้านบาท เปิดช็อปตามศูนย์การค้าชั้นนำทั่วไปด้วยเงินลงทุนช็อปละ 1 ล้านบาท อาทิเช่น มาบุญครอง ฟิวเจอร์พารค์รังสิต เอสพลานาด เซ็นทรัล พลาซ่า นอกจากนี้ยังมีที่โรงภาพยนตร์ชั้นนำ เช่น SF Cinema, Major Cineplex โดยมี concept store ชื่อว่า “MAD TIMING” โดยย่อมากจาคำว่า My A.D. Time โดยจะมีแบรนด์นาฬิกาทั้งหมด 11 แบรนด์เข้าไปจำหน่าย ซึ่งสาขาแรกจะเปิดที่ ห้างมาบุญครอง ชั้น 7 ในเดือนสิงหาคมนี้ และสาขา Esplanade สาขาแจ้งวัฒนะจะเปิดในเดือนกันยายนในปีนี้เช่นเดียวกัน ตั้งเป้าปีนี้เปิด 4 - 5 แห่ง
นายฟิลลิก แยบ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ.ดี.ไทม์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายนาฬิกาแฟชั่นกว่า 11 แบรนด์ และเป็นบริษัทในเครือของ บริษัท เอ.ดี.ไทม์ มาเลเซีย จำกัด กล่าวว่า บริษัทแม่มีนโยบายที่จะขยายธุรกิจการจัดจัดจำหน่ายนาฬิกาไปต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศในภาคพื้นเอเชีย โดยวางแผนจะทำตลาดในประเทศจีนและฮ่องกง ในปีหน้าส่วนตลาดที่ดำเนินการแล้วเช่น บรูไน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม ไต้หวัน ล่าสุดคือ การเข้ามาทำธุรกิจในไทยด้วยการเปิดบริษัทเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
นายษาณฑ์ วงศ์ทองมาก ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เอ.ดี.ไทม์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า เนื่องจากการศึกษาพฤติกรรมของคนไทยในการบริโภคนาฬิกาแล้ว พบว่า นาฬิกาแฟชั่นเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีสถานภาพ อีกทั้งคนไทยมักจะเปลี่ยนนาฬิกาบ่อยๆ สอดคล้องกับสินค้าที่บริษัทแม่ได้รับลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายรวมกว่า 30 แบรนด์ ขณะที่บริษัทเริ่มมีความมั่นใจกับสถานการณ์การเมืองของไทยที่เริ่มนิ่งแล้ว รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้น
สำหรับแผนดำเนินงานไทยนั้น นายษาณฑ์กล่าวว่า ช่วงแรกจะนำเข้ามาจำหน่ายเพียง 11 แบรนด์ก่อน เช่น โอดี เอ็ม ลีวายส์ เอสปรี โบเนีย อเลนเดอลอง ร็อกซี่ ควิกซิลเวอร์ เอ็ดฮาร์ดี้ อินวิคต้า รีเพลย์ และโดซ่า ระดับราคาจะอยู่ที่ 1,850 บาท - 40,000 กว่าบาท จับกลุ่มเป้าหมายทั้งนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน ที่รายได้ระดับกลางถึงบน และคาดว่าภายใน 2 ปีจากนี้ จะนำเข้ามาจำหน่ายครบทุกแบรนด์ที่มีบริษัทฯแม่ได้รับลิขสิทธิ์กว่า 30 แบรนด์ โดยตั้งเป้ายอดขายช่วงปีแรกของการดำเนินธุรกิจ (มิ.ย. 52- มิ.ย. 53) ประมาณ 200 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 500 ล้านบาทในอีก 2 ปี และตั้งเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำ 1 ใน 3 อันดับแรกของตลาดนาฬิกาแฟชั่นไทยในปีแรกด้วยกลยุทธ์ราคาและกลยุทธ์ตัวสินค้า
“ถึงแม้จะมีปัจจัยลบทางการเมือง เศรษฐกิจและปัจจัยอื่นๆที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่เชื่อว่าในช่วงหลังยังคงจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทได้ใช้กลยุทธ์ทางด้านราคามาโดยตลอดซึ่งเริ่มจากปี 2552 ไปจนถึง ปี2553 และได้มีการขยายแบรนด์เข้ามาเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าช่วงภายในปีหน้า จะสามารถกระตุ้นตลาดของนาฬิกาให้เติบโตได้มากขึ้น”
ขณะที่จุดจำหน่ายนั้นบริษัทฯได้จับมือร่วมกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำในประเทศไทย อาทิเช่น The Mall, Robinson, Istetan หรือ Flag Ship store อาทิเช่น Loft @ Siam Discovery นำผลิตภัณฑ์เข้าไปจำหน่าย นอกจากนี้บริษัทฯ ทุ่มงบกว่า 25 ล้านบาท โดยเป้นงบตลาด 5 ล้านบาท และอักว่วนงบเปิดสาขา โดยแบ่งใช้งบกว่า 10 ล้านบาท เปิดช็อปตามศูนย์การค้าชั้นนำทั่วไปด้วยเงินลงทุนช็อปละ 1 ล้านบาท อาทิเช่น มาบุญครอง ฟิวเจอร์พารค์รังสิต เอสพลานาด เซ็นทรัล พลาซ่า นอกจากนี้ยังมีที่โรงภาพยนตร์ชั้นนำ เช่น SF Cinema, Major Cineplex โดยมี concept store ชื่อว่า “MAD TIMING” โดยย่อมากจาคำว่า My A.D. Time โดยจะมีแบรนด์นาฬิกาทั้งหมด 11 แบรนด์เข้าไปจำหน่าย ซึ่งสาขาแรกจะเปิดที่ ห้างมาบุญครอง ชั้น 7 ในเดือนสิงหาคมนี้ และสาขา Esplanade สาขาแจ้งวัฒนะจะเปิดในเดือนกันยายนในปีนี้เช่นเดียวกัน ตั้งเป้าปีนี้เปิด 4 - 5 แห่ง