เป็นไปตามคาด ที่ประชุมบอร์ด ททท.เตะถ่วง ดัน 4 แนวทางตัดสินอีลิทการ์ดให้ “ชุมพล” ตัดสินอ้างทุกแนวทางมีผลกระทบ ต้องตัดสินด้วยความสมดุล พร้อมอนุมัติงบ 30 ล้าน ให้ไทยแอร์เอเชีย ใช้จัดโปรโมชันดึงต่างชาติเที่ยวไทย ตั้งเป้าเพิ่มนักท่องเที่ยวเอเชียอีก 2 แสนคน ในเวลา 5 เดือน ไฟเขียวทุกสายการบินมีสิทธิ์ขอ ด้านสหภาพ ททท.ยื่นขอศาลแรงงาน โขกดอกเบี้ย 15% กับฝ่ายบริหารโทษฐานจ่ายเงินช้า
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานกรรมการ (บอร์ด) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบ 4 แนวทางเลือก ที่จะดำเนินการกับบริษัท ไทยแลนด์ พรีวิเลจ คาร์ด (ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์อีลิท ได้แก่ 1.เลิกกิจการโดยสิ้นเชิง พร้อมจ่ายค่าชดเชยให้แก่สมาชิกและพนักงาน 2.ดำเนินการต่อไปโดยปรับโครงการทำงานใหม่ทั้งหมด 3.เปิดให้เอกชนเข้ามาถือหุ้น และ 4.โอนภารกิจให้ ททท.ไปบริหารโดยตั้งเป็นหน่วยงานหนึ่งขององค์กร
ทั้งนี้ ที่ประชุมไม่ได้ตัดสินใจเลือกแนวทางใดแนวทางหนึ่ง เพราะทุกแนวทางมีผลที่จะตามมาทั้งหมด โดยต้องการเสนอให้ นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯได้ศึกษาข้อมูลและตัดสินใจ ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้รับทราบและร่วมตัดสินขั้นเด็ดขาด
“ที่ต้องให้ฝ่ายนโยบายเป็นผู้ตัดสินใจ เพราะเป็นเรื่องอ่อนไหว การพิจารณาจึงต้องอยู่ในความสมดุล ด้วยการประเมินในเรื่องของภาพลักษณ์และเรื่องธุรกิจไปพร้อมกันว่าจะเป็นสัดส่วนเท่าใด เพราะการตัดสินใจไม่ว่าจะเลือกรูปแบบแนวทางใด ก็ต้องมีเรื่องของรายละเอียดในการดำเนินการมารองรับการตัดสินใจทุกแนวทางอยู่แล้ว “
***หนุนแอร์เอเชีย 30 ลบ.ดึงนักท่องเที่ยว***
นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ดยังได้พิจารณาอนุมัติงบ 30 ล้านบาท จากงบกระตุ้นพิเศษ ให้แก่สายการบินไทยแอร์เอเชีย ใช้ในการทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาด และซัปพอร์ตการออกโปรโมชันตั๋วเครื่องบินราคาถูกเป็นพิเศษ เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติในเส้นทางที่ไทยแอร์เอเชียให้บริการอนยู่ได้เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นตลาดเอเชียและเอเชียตะวันออก โดยไทยแอร์เอเชียเสนอเงื่อนไขว่า วงเงินดังกล่าวจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วงเดือน ส.ค.-ธ.ค.2552 ให้เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยได้เพิ่มขึ้นอีก 2 แสนคน ซึ่งหากไม่จัดโปรโมชั่นคาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวไทยแอร์เอเชียจะมีโหลดแฟกเตอร์ที่ 55.7% หรือราว 4 แสนคน แต่หากมีงบมาซัพพอร์ตให้จัดโปรโมชั่น และกิจกรรมทางการตลาดได้เพิ่มขึ้น จะได้โหลดแฟกเตอร์เพิ่มเป็น 83% หรือราว 6 แสนคน
อย่างไรก็ตาม บอร์ด ททท.เห็นชอบว่า การให้เงินสนับสนุนภาคเอกชนในรูปแบบนี้เป็นแนวทางที่ดี จึงเปิดโอกาสให้ทุกสายการบินที่สนใจทำหนังสือมาของรับเงินสนับสนุนได้ โดยยื่นผ่าน ททท.พร้อมบอกรายละเอียดโครงการ และเป้าหมายที่ชัดเจนด้วย เพื่อประกอบการตัดสินใจของคณะกรรมการ
**สหภาพเรียกดอกเบี้ย 15%**
นอกจากนั้น ยังได้รับรายงานจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ททท.ว่า ล่าสุด ได้ไปยื่นคำร้องเพิ่มเติมต่อศาลแรงงาน ขอเรียกดอกเบี้ยจากการไม่จ่ายค่าตอบแทนของฝ่ายบริหารอีก 15% ในทุก 7 วัน โดยมีผลย้อนหลังตั้งแต่ ปี 2550 ถึงปัจจุบันรวมเป็นเงินกว่า 70 ล้านบาท จากวงเงินต้นที่เป็นค่าตอบแทนที่จะต้องจ่ายให้แก่พนักงาน กว่า 100 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมบอร์ดไม่ได้มีการรับพิจารณาในแนวทางดังกล่าว โดยขอให้มีการสอบถามและได้รับคำแนะนำจากอัยการ ก่อนตัดสินใจ โดยจะพิจารณาว่าแนวทางใด ททท.จะได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งศาลแรงงานได้มีการนัดไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 11 ส.ค.นี้ ทั้งนี้ บอร์ดมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเรื่องของคู่ความ คือ ฝ่ายบริหาร และ สหภาพ ททท.เท่านั้น
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานกรรมการ (บอร์ด) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบ 4 แนวทางเลือก ที่จะดำเนินการกับบริษัท ไทยแลนด์ พรีวิเลจ คาร์ด (ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์อีลิท ได้แก่ 1.เลิกกิจการโดยสิ้นเชิง พร้อมจ่ายค่าชดเชยให้แก่สมาชิกและพนักงาน 2.ดำเนินการต่อไปโดยปรับโครงการทำงานใหม่ทั้งหมด 3.เปิดให้เอกชนเข้ามาถือหุ้น และ 4.โอนภารกิจให้ ททท.ไปบริหารโดยตั้งเป็นหน่วยงานหนึ่งขององค์กร
ทั้งนี้ ที่ประชุมไม่ได้ตัดสินใจเลือกแนวทางใดแนวทางหนึ่ง เพราะทุกแนวทางมีผลที่จะตามมาทั้งหมด โดยต้องการเสนอให้ นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯได้ศึกษาข้อมูลและตัดสินใจ ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้รับทราบและร่วมตัดสินขั้นเด็ดขาด
“ที่ต้องให้ฝ่ายนโยบายเป็นผู้ตัดสินใจ เพราะเป็นเรื่องอ่อนไหว การพิจารณาจึงต้องอยู่ในความสมดุล ด้วยการประเมินในเรื่องของภาพลักษณ์และเรื่องธุรกิจไปพร้อมกันว่าจะเป็นสัดส่วนเท่าใด เพราะการตัดสินใจไม่ว่าจะเลือกรูปแบบแนวทางใด ก็ต้องมีเรื่องของรายละเอียดในการดำเนินการมารองรับการตัดสินใจทุกแนวทางอยู่แล้ว “
***หนุนแอร์เอเชีย 30 ลบ.ดึงนักท่องเที่ยว***
นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ดยังได้พิจารณาอนุมัติงบ 30 ล้านบาท จากงบกระตุ้นพิเศษ ให้แก่สายการบินไทยแอร์เอเชีย ใช้ในการทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาด และซัปพอร์ตการออกโปรโมชันตั๋วเครื่องบินราคาถูกเป็นพิเศษ เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติในเส้นทางที่ไทยแอร์เอเชียให้บริการอนยู่ได้เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นตลาดเอเชียและเอเชียตะวันออก โดยไทยแอร์เอเชียเสนอเงื่อนไขว่า วงเงินดังกล่าวจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วงเดือน ส.ค.-ธ.ค.2552 ให้เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยได้เพิ่มขึ้นอีก 2 แสนคน ซึ่งหากไม่จัดโปรโมชั่นคาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวไทยแอร์เอเชียจะมีโหลดแฟกเตอร์ที่ 55.7% หรือราว 4 แสนคน แต่หากมีงบมาซัพพอร์ตให้จัดโปรโมชั่น และกิจกรรมทางการตลาดได้เพิ่มขึ้น จะได้โหลดแฟกเตอร์เพิ่มเป็น 83% หรือราว 6 แสนคน
อย่างไรก็ตาม บอร์ด ททท.เห็นชอบว่า การให้เงินสนับสนุนภาคเอกชนในรูปแบบนี้เป็นแนวทางที่ดี จึงเปิดโอกาสให้ทุกสายการบินที่สนใจทำหนังสือมาของรับเงินสนับสนุนได้ โดยยื่นผ่าน ททท.พร้อมบอกรายละเอียดโครงการ และเป้าหมายที่ชัดเจนด้วย เพื่อประกอบการตัดสินใจของคณะกรรมการ
**สหภาพเรียกดอกเบี้ย 15%**
นอกจากนั้น ยังได้รับรายงานจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ททท.ว่า ล่าสุด ได้ไปยื่นคำร้องเพิ่มเติมต่อศาลแรงงาน ขอเรียกดอกเบี้ยจากการไม่จ่ายค่าตอบแทนของฝ่ายบริหารอีก 15% ในทุก 7 วัน โดยมีผลย้อนหลังตั้งแต่ ปี 2550 ถึงปัจจุบันรวมเป็นเงินกว่า 70 ล้านบาท จากวงเงินต้นที่เป็นค่าตอบแทนที่จะต้องจ่ายให้แก่พนักงาน กว่า 100 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมบอร์ดไม่ได้มีการรับพิจารณาในแนวทางดังกล่าว โดยขอให้มีการสอบถามและได้รับคำแนะนำจากอัยการ ก่อนตัดสินใจ โดยจะพิจารณาว่าแนวทางใด ททท.จะได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งศาลแรงงานได้มีการนัดไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 11 ส.ค.นี้ ทั้งนี้ บอร์ดมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเรื่องของคู่ความ คือ ฝ่ายบริหาร และ สหภาพ ททท.เท่านั้น