xs
xsm
sm
md
lg

TOA ชี้ตลาดสีเมืองไทยอิ่มตัว เบนเขมลุยตลาดอาเซียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ทีโอเอ” อิ่มตัวตลาดเมืองไทย หันบุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงไต้ ล่าสุดผุดโรงงานประเทศพม่าส่งแบรนด์ แมนดาริน ดักซ์ บุกตลาดกลาง-ล่าง ปีหน้าลุยต่อประเทศอินเดีย ปากีสถาน จีน ล่าสุดจับมือกรมพัฒนาฝีมือแรงงานปั้นช่างทาสีฝีมือดีป้อนตลาดบ้านรีนูเวส

นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดสีทาอาคารในปีนี้ทรงตัวมีอัตราการเติบโตไม่มาก โดยในครึ่งปีแรกบริษัทสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยทั้งปีตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 9,500 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามต้องลงทุนทำการตลาดมากกว่าทุกปีเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขาย

ด้านแหล่งข่าวระดับสูงจาก ทีโอเอ เปิดเผยว่า ในประเทศไทยสีทีโอเอครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่ง ซึ่งตลาดสีในประเทศไทยขยายตัวได้ไม่มากเท่าที่ควร โดยคาดว่าจะเริ่มอิ่มตัวในอีก 3-4 ปีข้างหน้า ดังนั้นเพื่อเป็นการขยายฐานธุรกิจออกไปมากขึ้นจึงจำเป็นต้องไปรุกตลาดต่างประเทศ โดยก่อนหน้านี้ได้ลงทุนสร้างโรงงานผลิตที่ประเทศ ลาว, เวียดนาม และกัมพูชา

ล่าสุดได้เข้าไปลงทุนสร้างโรงงานผลิตสีในประเทศพม่า โดยร่วมกับกลุ่มบริษัท GMG ซึ่งเป็นของนักธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนในเวียดนามมากว่า 20-30 ปี ทำธุรกิจเกี่ยวกับ น้ำดื่ม เวชภัณฑ์ยา นอกจากนี้ยังเคยเป็นตัวแทนจำหน่ายสีของทีโอเออีกด้วย อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อรัฐบาลทหารพม่า ทำให้บริษัทมีความเชื่อมั่นในด้านความมั่นคง โรงงานดังกล่าวคาดว่าจะสามารถเดินเครื่องผลิตได้ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้านี้

สำหรับการทำตลาดในต่างประเทศนั้นจะต้องมีความเข้าใจในวัฒนธรรม การบริโภคของประชากรในประเทศนั้นๆ รวมไปถึงกฎหมายและการเมืองด้วย ซึ่งประเทศพม่าเองเป็นประเทศปิดทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก และตลาดสียังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก

อย่างไรก็ดีพม่ายังล้าหลังกว่าไทย 10-20 ปี ฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่เป็นตลาดกลาง-ล่าง ซึ่งที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นแฟลตของเอกชนลงทุนขาย ดังนั้นบริษัทจึงใช้สินค้าในแบรนด์ระดับล่างเพื่อทำตลาด คือ แมนดาริน ดักส์ หรือ MD Duck ซึ่งเป็นแบรนด์เก่าที่เคยทำตลาดในเมืองไทยเมื่อนานมาแล้ว แต่ได้ยกเลิกไป แต่ในกลุ่มประเทศตะวันออกเฉียงใต้ยังคงนำไปทำการตลาดอยู่ นอกจากนี้ ในปีหน้าบริษัทยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนไปยังประเทศอินเดีย ปากีสถานและจีนอีกด้วย
 
**จับมือแรงงานฝืกช่างสีมืออาชีพ**
นายจตุภัทร์ กล่าวว่า ตลาดสีทาอาคารในประเทศไทย แม้ว่าภาพรวมของตลาดบ้านใหม่จะชะลอตัว แต่ตลาดซ่อมแซมบ้านยังมีการเติบโตที่ดี อย่างไรก็ตามในขณะนี้ในอุตสาหกรรมสียังขาดแคลนช่างฝีมือแรงงานที่มีคุณภาพ ที่จะเข้าไปรับงานทาสีตามบ้านเรือนทั่วไป ดังนั้น บริษัทจึงได้ร่วมกับ กรมพัฒนาฝีมีแรงงาน กระทรวงแรงงาน จัดทำ โครงการ “ปั้นช่างสี ยกดีกรีฝีมือช่างไทย” ในการจัดอบรมหลักสูตรช่างทาสี

โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ หลักสูตรพื้นฐานเตรียมเข้าทำงานเป็นช่างสีมืออาชีพ สำหรับบุคคลทั่วไประยะเวลาฝึกอบรม 120 ชั่วโมง 2. หลักสูตรยกระดับทาสีตกแต่งอาคารด้วยเทคนิคชั้นสูง สำหรับช่างสี หรือช่างก่อสร้างที่มีประสบการณ์ 2-3 ปี ระยะเวลาฝึกอบรม 35 ชั่วโมง และ 3. หลักสูตรช่างสีเศรษฐีใหม่ สำหรับช่างทาสีที่มีประสบการณ์ 3-5 ปี ที่ต้องการพัฒนาไปสู่การเป็นผู้ประกอบการช่างสีรายย่อย สอนเทคนิคการนำเสนองาน บริหารจัดการเงิน การสร้างทีมและอื่นๆ ระยะเวลาฝึก 35 ชั่วโมง หลักสูตรดังกล่าวมีระยะเวลา 1 ปี และคาดว่าจะมีผู้ผ่านการฝึกอบรมทั่วประเทศประมาณ 2,000 คน สำหรับผู้สมัคร 100 คนแรกจะได้รับเครืองมือช่าง ชุดฟร์อมมูลค่า 5,000 บาทฟรีจากสีทีโอเอ
 
“ปัจจุบันตลาดซ่อมแซมบ้านมีขนาดใหญ่มาก แต่สักษณะงานเป็นการทาหลังเดียว ซึ่งหากเป็นผู้ประกอบการทาสีมักจะไม่รับเล็กๆ ดังนั้นเราจึงเห็นว่าควรฝึกช่างฝีมือขึ้นมาเพื่อรับงานทาสีตามบ้านรองรับลูกค้าของทีโอเอ และยังเป็นการช่วยเพิ่มช่างฝีมือให้แก่ประเทศไทยอีกด้วย”

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว คาดว่าจะมีแรงงานสู่ธุรกิจรับเหมาทั่วประเทศราว 10,000 รายทั่วประเทศ และบริษัทคาดว่าจะเพิ่มตำแหน่งงานหัวหน้าช่างหรือเฮดแมนได้อีก 500 ราย นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรที่เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัทรับเหมาก่อสร้างอีกจำนวนมากที่ต้องการช่างทาสีมืออาชีพ โดยบริษัทจะมีงานทาสีจากโครงการต่างๆไปป้อนให้ อย่างไรก็ตาม โครงการเป็น 1 ในการพัฒนาฝีมือแรงงานตามโครงการต้นกล้าอาชีพ ของกระทรวงแรงงาน ซึ่งผู้ที่เข้าฝึกอบรมจะมีรายได้ต่อคนตามนโยบายรัฐบาลประกาศไว้
กำลังโหลดความคิดเห็น