เดอะมอลล์ กรุ๊ป ชนเซ็นทรัล ทุ่ม 300 ล้านบาท ชูบัตร “เอ็ม การ์ด” ปะทะเดอะวันการ์ด มั่นใจครึ่งปีหลังแนวโน้มดีกว่าปีก่อน หวังยั่วกำลังซื้อครึ่งปีหลังใน 3 ห้าง หวังทั้งปียอดขายโต 5% ตามแผนที่วางไว้ คิดเป็นมูลค่ากว่า 40,000 ล้านบาท
นายชำนาญ เมธปรีชากุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา พบว่า ยอดขายเติบโตขึ้นประมาณ 5% ซึ่งเป็นยอดกำลังซื้อที่เกิดจากการกระตุ้นแคมเปญต่างๆ และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย รวมถึงจากการสวิซชิงของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการทั้ง 3 ห้างในเครือมากขึ้น เห็นได้จากจำนวนรถที่เข้ามาใช้บริการที่เพิ่มขึ้น 5% แต่หากมองในภาพรวมแล้ว เชื่อว่า กำลังซื้อยังไม่มีอารมณ์ในการจับจ่ายมากนัก
สำหรับครึ่งปีหลังนี้ มองว่า แนวโน้มสถานการณ์ต่างๆ น่าจะดีกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน เพราะต้องยอมรับว่าช่วงครึ่งปีหลังของปี 2551 ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นหลายอย่าง โดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ขณะที่ในปีนี้มองว่าสถานกาณ์และแนวโน้มไม่น่าหนักใจอย่างปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการปรับวิธีการทำตลาดเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากยิ่งขึ้น โดยจากเดิมที่มุ่งความเป็นแมส มาร์เก็ตติ้ง จะพยายามเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น ทำการตลาดให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการทำซีอาร์เอ็ม จะเข้มข้นมากขึ้น จะมุ่งสร้างความผูกพัน ความเข้าใจ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้า
ล่าสุด ได้วางงบประมาณกว่า 300 ล้านบาท ในการเปิดตัวบัตร M Card (เอ็ม การ์ด) บัตรเดียวที่สามารถใช้ได้ทั้ง 3 ห้างสรรพสินค้า คือ สยามพารากอน ดิ เอ็มโพเรียม และ เดอะมอลล์ ทุกสาขา ในส่วนของดีพาร์ตเมนต์สโตร์ และซูเปอร์มาร์เก็ต เริ่มเปิดตัวอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.นี้เป็นไป สิ้นปีนี้คาดว่าจะมีสมาชิกกว่า 1.2 ล้านใบ และมียอดการใช้เงินผ่านบัตรราว 20,000 ล้านบาท โดยภายใน 5 ปี เชื่อว่า จะมีฐานสมาชิกกว่า 3 ล้านใบ แอกทีฟที่ 90% ของจำนวนผู้ถือบัตร
สำหรับบัตรเอ็มการ์ดนี้ ถือเป็นบัตรที่มีความสมบูรณ์มากที่สุด เพราะจะรวมอภิสิทธิ์ จากบัตรเดิมของทางเดอะมอลล์ที่เคยเปิดให้บริการมาใช้ได้ในบัตรเดียว ไม่ว่าจะเป็น บัตร City M Visa หรือบัตรแพลทินัม การ์ด โดยลูกค้าที่เป็นสมาชิกอยู่แล้วกว่า 3 แสนราย จะได้รับการเปลี่ยนบัตรโดยอัตโนมัติ มาเป็นบัตรเอ็มการ์ดทันที ซึ่งในส่วนของบัตรเอ็มการ์ดนั้นยังแยกกลุ่มสมาชิกได้เป็น 4 ระดับ คือ 1.M Platinum คือ กลุ่มสมาชิกบัตร Platinum ในปัจจุบัน 2.M Prestige คือ กลุ่มสมาชิกบัตร Prestige ในปัจจุบัน 3.M Expat คือ กลุ่มสมาชิก Expat ในปัจจุบัน และกลุ่มสมาชิกใหม่ และ 4.M Card คือ กลุ่มสมาชิกใหม่ โดยบัตรเอ็มการ์ด เป็นทั้งบัตรส่วนลด และบัตรสะสมแต้ม เริ่มตั้งแต่ซื้อสินค้าในตั้งแต่ 25 บาท รับ 1 แต้ม สะสมครบ 800 แลกเป็นเงินสดได้ 100 บาท หรือนำไปใช้ซื้อสินค้าในส่วนลด
นอกจากนี้ ทางบริษัทจะเน้นทำกิจกรรมพิเศษร่วมกับกลุ่มสมาชิกบัตรเอ็มการ์ดให้มากขึ้น เฉลี่ยเดือนละครั้ง เพื่อสร้างความใกล้ชิดและเข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้นเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้ามีความถี่ในการซื้อของเพิ่มขึ้น จากปกติอยู่ที่ 2 ครั้งต่อเดือน แม้ว่ายอดการใช้จ่ายต่อครั้งจะไม่สูงขึ้นก็ตาม โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 600-800 บาท ในส่วนของซูเปอร์มาเก็ตและที่ 1,000-2,000 บาท ในส่วนของดีพาร์ตเมนต์สโตร์ แต่มั่นใจว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าจงรักภักดีในการเข้ามาใช้บริการภายในทั้ง 3 ห้างสรรพสินค้าในเครือ และจะลดการสวิซชิ่งไปใช้ในบริการในห้างสรรพสินค้าอื่นแทน และที่สำคัญจะช่วยให้ครึ่งปีหลังยอดรายได้ยังเติบโตที่ 5% หรือทั้งปีบริษัทมั่นใจว่าจะยังมีรายได้ตามแผนที่วางไว้ 40,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 5%
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การทำกลยุทธ์บัตรองเดอะมอลล์กรุ๊ปในครั้งนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับกลุ่มเซ็นทรัลที่ทำเดอะวันการ์ดมาก่อนหน้านี้กว่า 3 ปีแล้ว เป็นบัตรสะสมแต้มและสามารถกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี เพราะมีสิทธิพิเศษและส่วนลดมาก คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีสมาชิกถือบัตรกว่า 2.5 ล้านราย ซึ่งคาดว่าจากนี้ไปเกมทำตลาดบัตรของทั้งสองค่ายจะเข้มข้นมากขึ้น
นายชำนาญ เมธปรีชากุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา พบว่า ยอดขายเติบโตขึ้นประมาณ 5% ซึ่งเป็นยอดกำลังซื้อที่เกิดจากการกระตุ้นแคมเปญต่างๆ และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย รวมถึงจากการสวิซชิงของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการทั้ง 3 ห้างในเครือมากขึ้น เห็นได้จากจำนวนรถที่เข้ามาใช้บริการที่เพิ่มขึ้น 5% แต่หากมองในภาพรวมแล้ว เชื่อว่า กำลังซื้อยังไม่มีอารมณ์ในการจับจ่ายมากนัก
สำหรับครึ่งปีหลังนี้ มองว่า แนวโน้มสถานการณ์ต่างๆ น่าจะดีกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน เพราะต้องยอมรับว่าช่วงครึ่งปีหลังของปี 2551 ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นหลายอย่าง โดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ขณะที่ในปีนี้มองว่าสถานกาณ์และแนวโน้มไม่น่าหนักใจอย่างปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการปรับวิธีการทำตลาดเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากยิ่งขึ้น โดยจากเดิมที่มุ่งความเป็นแมส มาร์เก็ตติ้ง จะพยายามเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น ทำการตลาดให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการทำซีอาร์เอ็ม จะเข้มข้นมากขึ้น จะมุ่งสร้างความผูกพัน ความเข้าใจ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้า
ล่าสุด ได้วางงบประมาณกว่า 300 ล้านบาท ในการเปิดตัวบัตร M Card (เอ็ม การ์ด) บัตรเดียวที่สามารถใช้ได้ทั้ง 3 ห้างสรรพสินค้า คือ สยามพารากอน ดิ เอ็มโพเรียม และ เดอะมอลล์ ทุกสาขา ในส่วนของดีพาร์ตเมนต์สโตร์ และซูเปอร์มาร์เก็ต เริ่มเปิดตัวอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.นี้เป็นไป สิ้นปีนี้คาดว่าจะมีสมาชิกกว่า 1.2 ล้านใบ และมียอดการใช้เงินผ่านบัตรราว 20,000 ล้านบาท โดยภายใน 5 ปี เชื่อว่า จะมีฐานสมาชิกกว่า 3 ล้านใบ แอกทีฟที่ 90% ของจำนวนผู้ถือบัตร
สำหรับบัตรเอ็มการ์ดนี้ ถือเป็นบัตรที่มีความสมบูรณ์มากที่สุด เพราะจะรวมอภิสิทธิ์ จากบัตรเดิมของทางเดอะมอลล์ที่เคยเปิดให้บริการมาใช้ได้ในบัตรเดียว ไม่ว่าจะเป็น บัตร City M Visa หรือบัตรแพลทินัม การ์ด โดยลูกค้าที่เป็นสมาชิกอยู่แล้วกว่า 3 แสนราย จะได้รับการเปลี่ยนบัตรโดยอัตโนมัติ มาเป็นบัตรเอ็มการ์ดทันที ซึ่งในส่วนของบัตรเอ็มการ์ดนั้นยังแยกกลุ่มสมาชิกได้เป็น 4 ระดับ คือ 1.M Platinum คือ กลุ่มสมาชิกบัตร Platinum ในปัจจุบัน 2.M Prestige คือ กลุ่มสมาชิกบัตร Prestige ในปัจจุบัน 3.M Expat คือ กลุ่มสมาชิก Expat ในปัจจุบัน และกลุ่มสมาชิกใหม่ และ 4.M Card คือ กลุ่มสมาชิกใหม่ โดยบัตรเอ็มการ์ด เป็นทั้งบัตรส่วนลด และบัตรสะสมแต้ม เริ่มตั้งแต่ซื้อสินค้าในตั้งแต่ 25 บาท รับ 1 แต้ม สะสมครบ 800 แลกเป็นเงินสดได้ 100 บาท หรือนำไปใช้ซื้อสินค้าในส่วนลด
นอกจากนี้ ทางบริษัทจะเน้นทำกิจกรรมพิเศษร่วมกับกลุ่มสมาชิกบัตรเอ็มการ์ดให้มากขึ้น เฉลี่ยเดือนละครั้ง เพื่อสร้างความใกล้ชิดและเข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้นเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้ามีความถี่ในการซื้อของเพิ่มขึ้น จากปกติอยู่ที่ 2 ครั้งต่อเดือน แม้ว่ายอดการใช้จ่ายต่อครั้งจะไม่สูงขึ้นก็ตาม โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 600-800 บาท ในส่วนของซูเปอร์มาเก็ตและที่ 1,000-2,000 บาท ในส่วนของดีพาร์ตเมนต์สโตร์ แต่มั่นใจว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าจงรักภักดีในการเข้ามาใช้บริการภายในทั้ง 3 ห้างสรรพสินค้าในเครือ และจะลดการสวิซชิ่งไปใช้ในบริการในห้างสรรพสินค้าอื่นแทน และที่สำคัญจะช่วยให้ครึ่งปีหลังยอดรายได้ยังเติบโตที่ 5% หรือทั้งปีบริษัทมั่นใจว่าจะยังมีรายได้ตามแผนที่วางไว้ 40,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 5%
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การทำกลยุทธ์บัตรองเดอะมอลล์กรุ๊ปในครั้งนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับกลุ่มเซ็นทรัลที่ทำเดอะวันการ์ดมาก่อนหน้านี้กว่า 3 ปีแล้ว เป็นบัตรสะสมแต้มและสามารถกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี เพราะมีสิทธิพิเศษและส่วนลดมาก คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีสมาชิกถือบัตรกว่า 2.5 ล้านราย ซึ่งคาดว่าจากนี้ไปเกมทำตลาดบัตรของทั้งสองค่ายจะเข้มข้นมากขึ้น