ออสซิโน บุกหนักขั้นที่สอง ทำตลาดเซ็กเมนเตชัน หลังจาก 3 ปีแรกเน้นแบรนด์อย่างหนัก เล็งช่องทางใหม่ๆ พร้อมบุกหนัก ฮิปโฮเต็ล มั่นใจปีนี้ เติบโต 15% รายได้ทะลุ 40 ล้านบาท
นางนนทกานต์ ทัพพะรังสี อึง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค เอ็น เค เอ็น รีเทล จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายชุดเครื่องนอนออสซิโน (AUSSINO) จากออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเน้นการสร้างแบรนด์ด้วยการทำตลาดแบบเซ็กเมนเตชันมากขึ้นจากซับแบรนด์ที่มีอยู่กว่า 7-8 แบรนด์ หลังจากช่วง 3 ปีแรก เน้นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รับรู้ก่อนแล้ว
โดยในกลุ่มลักชัวรี มีแบรนด์ รอยัล และ ไซโน มีสัดส่วนยอดขาย 15% จากยอดขายรวมบริษัท, กลุ่มบิวตี้และโรมานซ์ สัดส่วนยอดขาย 20% รวมทั้งกลุ่มซิมพลิซิตี้และสไตล์ลิซ มีแบรนด์ ออสซิโน สัดส่วน 25%, กลุ่มเทรนด์ดี้มีแบรนด์ อินสไพร์ สัดส่วน 10% และกลุ่มเด็ก สัดส่วน 10% กลุ่มบรรจุใหญ่มีแบรนด์ออสซิโนไวท์ สัดส่วน 15% และ กลุ่มสินค้าเสริมเช่นผ้าขนหนู สัดส่วน 5%ด้วยการนำเสนอสินค้าแต่ละกลุ่มที่มีความแตกต่างและหลากหลายทั้งรูปแบบ และความต้องการของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งสินค้านำเข้ามาจากออสเตรเลียทั้งหมด
สำหรับราคาของชุดที่นอนของออสซิโนนั้น ราคาต่ำสุดก็อยู่ที่ประมาณ 2,780 บาทต่อชุดของยี่ห้ออินสไพร์ รุ่นทวิน ขนาด 3 ฟุตครึ่ง ส่วนที่มีราคาสูงเช่น แบรนด์ไซโนรุ่นลักชัวรี ราคา 11,080 บาท ขนาด 6 ฟุต จำนวน 8 ชิ้น
ส่วนช่องทางการจำหน่ายนั้น ปัจจุบันมี ชอปของบริษัทเอง 3 ชอป มี 3 รูปแบบคือ แบบสแตนด์อโลนที่ซอยชิดลม และชอปอินชอปที่เซ็นทรัลลาดพร้าว และแฟชั่นไอส์แลนด์ นอกนั้นก็มีขายที่อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ และที่เอ็มโพเรียม สยามพารากอน ซึ่งปีหน้ามีแผนที่จะเปิดชอปแบบชอปอินชอปอีกเช่นกัน อยู่ระหว่างการหาทำเลที่เหมาะสมพื้นที่เฉลี่ย 100-150 ตารางเมตรลงทุนเฉลี่ย 5 ล้านบาทต่อสาขา
อย่างไรก็ตาม บริษัทเองก็มีการศึกษาช่องทางการจำหน่ายไว้หลากหลายทั้ง ไดเร็กเมล ผ่านอินเทอร์เน็ต หรือการขายตรง เป็นต้นว่า แต่ละรูปแบบจะต้องมีรูปแบบการดำเนินงานอย่างไร ขั้นตอนการทำงาน ข้อดีข้อเสียต่างๆ ขณะเดียวกัน ยังมีความสนใจที่จะรุกเข้าช่องทางขายตรงเข้าโครงการด้วยเช่น โรงแรมบูติกขนาดเล็กและคอนโดมิเนียม
ซึ่งจะทำตลาดผ่านทางบริษัทสถาปนิกเป็นหลัก ที่จะนำสินค้าของบริษัทฯไปร่วมในการออกแบบตกแต่งบ้านและคอนโดมิเนียมด้วย ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้มีบทบาทสำคัญที่ทำให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราได้รับรู้คุณภาพสินค้าเราว่ามีความแตกต่างจากรายอื่นอย่างไรบ้าง
“การทำตลาดในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เราเน้นการทำให้แบรนด์ออสซิโนเป็นที่รู้จักมากขึ้น นำไปสู่การดึงกลุ่มเป้าหมายในทุกกลุ่มทุกอายุและไลฟ์สไตล์ มาซื้อสินค้าภายในแฟลกชิปสโตร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะทำให้เกิดการตัดสินใจซื้ออย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ส่งผลให้ออสซิโนมีส่วนแบ่งในตลาดเพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้งการทำโปรโมชั่นต่อเนื่อง เช่นตอนนี้ เมื่อซื้อสินค้า 1 ชิ้นลด 20% เมื่อซื้อชิ้นที่ 2 ลด 60% และยังรวมส่วนลด 10% จากบัตรสมาชิกได้อีกด้วยเป็น 70%”
นางนนทกานต์ กล่าวต่อว่า สำหรับผลประกอบการปี 2553 ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 40 ล้านบาท เติบโต 15% จากปี 2551 ส่วนปี 2551 มีรายได้ 35 ล้านบาท เติบโตจากปี 2550 ประมาณ 21% โดยช่วงครึ่งปีแรกนี้ เติบโต 30% ส่วนมูลค่าตลาดรวมกว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี ซึ่งออสซิโนมีส่วนแบ่ง 5%
นางนนทกานต์ ทัพพะรังสี อึง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค เอ็น เค เอ็น รีเทล จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายชุดเครื่องนอนออสซิโน (AUSSINO) จากออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเน้นการสร้างแบรนด์ด้วยการทำตลาดแบบเซ็กเมนเตชันมากขึ้นจากซับแบรนด์ที่มีอยู่กว่า 7-8 แบรนด์ หลังจากช่วง 3 ปีแรก เน้นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รับรู้ก่อนแล้ว
โดยในกลุ่มลักชัวรี มีแบรนด์ รอยัล และ ไซโน มีสัดส่วนยอดขาย 15% จากยอดขายรวมบริษัท, กลุ่มบิวตี้และโรมานซ์ สัดส่วนยอดขาย 20% รวมทั้งกลุ่มซิมพลิซิตี้และสไตล์ลิซ มีแบรนด์ ออสซิโน สัดส่วน 25%, กลุ่มเทรนด์ดี้มีแบรนด์ อินสไพร์ สัดส่วน 10% และกลุ่มเด็ก สัดส่วน 10% กลุ่มบรรจุใหญ่มีแบรนด์ออสซิโนไวท์ สัดส่วน 15% และ กลุ่มสินค้าเสริมเช่นผ้าขนหนู สัดส่วน 5%ด้วยการนำเสนอสินค้าแต่ละกลุ่มที่มีความแตกต่างและหลากหลายทั้งรูปแบบ และความต้องการของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งสินค้านำเข้ามาจากออสเตรเลียทั้งหมด
สำหรับราคาของชุดที่นอนของออสซิโนนั้น ราคาต่ำสุดก็อยู่ที่ประมาณ 2,780 บาทต่อชุดของยี่ห้ออินสไพร์ รุ่นทวิน ขนาด 3 ฟุตครึ่ง ส่วนที่มีราคาสูงเช่น แบรนด์ไซโนรุ่นลักชัวรี ราคา 11,080 บาท ขนาด 6 ฟุต จำนวน 8 ชิ้น
ส่วนช่องทางการจำหน่ายนั้น ปัจจุบันมี ชอปของบริษัทเอง 3 ชอป มี 3 รูปแบบคือ แบบสแตนด์อโลนที่ซอยชิดลม และชอปอินชอปที่เซ็นทรัลลาดพร้าว และแฟชั่นไอส์แลนด์ นอกนั้นก็มีขายที่อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ และที่เอ็มโพเรียม สยามพารากอน ซึ่งปีหน้ามีแผนที่จะเปิดชอปแบบชอปอินชอปอีกเช่นกัน อยู่ระหว่างการหาทำเลที่เหมาะสมพื้นที่เฉลี่ย 100-150 ตารางเมตรลงทุนเฉลี่ย 5 ล้านบาทต่อสาขา
อย่างไรก็ตาม บริษัทเองก็มีการศึกษาช่องทางการจำหน่ายไว้หลากหลายทั้ง ไดเร็กเมล ผ่านอินเทอร์เน็ต หรือการขายตรง เป็นต้นว่า แต่ละรูปแบบจะต้องมีรูปแบบการดำเนินงานอย่างไร ขั้นตอนการทำงาน ข้อดีข้อเสียต่างๆ ขณะเดียวกัน ยังมีความสนใจที่จะรุกเข้าช่องทางขายตรงเข้าโครงการด้วยเช่น โรงแรมบูติกขนาดเล็กและคอนโดมิเนียม
ซึ่งจะทำตลาดผ่านทางบริษัทสถาปนิกเป็นหลัก ที่จะนำสินค้าของบริษัทฯไปร่วมในการออกแบบตกแต่งบ้านและคอนโดมิเนียมด้วย ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้มีบทบาทสำคัญที่ทำให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราได้รับรู้คุณภาพสินค้าเราว่ามีความแตกต่างจากรายอื่นอย่างไรบ้าง
“การทำตลาดในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เราเน้นการทำให้แบรนด์ออสซิโนเป็นที่รู้จักมากขึ้น นำไปสู่การดึงกลุ่มเป้าหมายในทุกกลุ่มทุกอายุและไลฟ์สไตล์ มาซื้อสินค้าภายในแฟลกชิปสโตร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะทำให้เกิดการตัดสินใจซื้ออย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ส่งผลให้ออสซิโนมีส่วนแบ่งในตลาดเพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้งการทำโปรโมชั่นต่อเนื่อง เช่นตอนนี้ เมื่อซื้อสินค้า 1 ชิ้นลด 20% เมื่อซื้อชิ้นที่ 2 ลด 60% และยังรวมส่วนลด 10% จากบัตรสมาชิกได้อีกด้วยเป็น 70%”
นางนนทกานต์ กล่าวต่อว่า สำหรับผลประกอบการปี 2553 ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 40 ล้านบาท เติบโต 15% จากปี 2551 ส่วนปี 2551 มีรายได้ 35 ล้านบาท เติบโตจากปี 2550 ประมาณ 21% โดยช่วงครึ่งปีแรกนี้ เติบโต 30% ส่วนมูลค่าตลาดรวมกว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี ซึ่งออสซิโนมีส่วนแบ่ง 5%