ทีดีอาร์ไอ หนุนรัฐตั้งกองทุนชราภาพ หลังขอมูลทางเศรษฐศาสตร์บ่งชี้ ไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ตัวเลขประชากรวัยทำงานที่เป็นปัจจัยบวก เริ่มมีจำนวนลดลง แนะฝ่ายบริหารนโยบาย ศก.ต้องมองผู้สูงอายุเป็นสินทรัพย์ โดยมีระบบสะสมเงินออมของผู้สูงอายุรองรับ เพื่อให้ประชากรในวัยชราภาพมีสินทรัพย์ของตัวเอง ไม่ต้องเป็นภาระของสังคม
นายอมรเทพ จาวะลา ผู้เชี่ยวชาญวิจัยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงภาพรวมทิศทางเศรษฐกิจไทยในอนาคต โดยประเมินว่า ในปีหน้าหากมองในทางเศรษฐศาสตร์แล้ว ประเทศไทย เริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งจะมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน เพราะประเทศที่มีประชากรวัยทำงานมาก เศรษฐกิจย่อมจะมีการเติบโตต่อเนื่อง พร้อมมมองว่า ปัจจัยบวกดังกล่าว กำลังหมดไปสำหรับประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้น ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว เพราะถือเป็นเรื่องปกติที่แต่ละสังคมก็ต้องมีวันที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ดังนั้น ฝ่ายบริหารนโยบายเศรษฐกิจต้องมองว่า ผู้สูงอายุเป็นสินทรัพย์ เนื่องจากเมื่อมีระบบสะสมเงินออมของผู้สูงอายุ จะทำผู้สูงอายุมีสินทรัพย์ของตัวเอง ไม่ต้องเป็นภาระของสังคม
ผู้เชี่ยวชาญวิจัยทีดีอาร์ไอ ยังเห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาลที่จะมีการตั้งกองทุนเพื่อวัยชราภาพ ส่งเสริมการออมสำหรับประชาชนอาชีพอิสระให้มีเงินรองรับในยามที่เกษียณ โดยระบุว่า อาจช่วยลดภาระทางการเงินสำหรับรัฐบาล เพราะลำพังเบี้ยยังชีพ 500 บาทสำหรับผู้สูงอายุไม่เพียงพออยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังเสนอว่ารัฐบาลควรวางแผนปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคทั้งหลายให้เอื้ออำนวยต่อการใช้ประโยชน์สำหรับผู้สูงอายุ เช่น ถนนหนทาง รถเมล์ ช่องทางรถเข็น
ทั้งนี้ รัฐบาลต้องทำความเข้าใจกับประชาชน ว่า ในการออมเพื่อรองรับวัยเกษียณอาจเป็นเรื่องลำบากสำหรับประชาชนบางส่วนที่มีปัญหาเรื่องรายได้ แต่เงินสมทบที่รัฐบาลกำหนดไม่ถือว่ามากเกินไป ซึ่งหากมีความเข้าใจประโยชน์เรื่องการออมรายได้จากเงินต้นและอัตราผลตอบแทนการลงทุน ก็น่าจะช่วยให้มีเงินใช้ในวัยเกษียณได้พอเพียง