เศรษฐกิจทรุด “บิ๊ก คาเมร่า” แตะเบรกรายการโทรทัศน์ มุ่งอีเวนต์หนัก เพิ่มจำนวนสาขา อีก 10 แห่ง มั่นใจโตสวนตลาดกล้อง ทั้งปีกวาดรายได้ 1,800 ล้านบาท
นายชาญ เธียรกาญจนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิ๊ก คาเมร่า จำกัด ตัวแทนจำหน่ายกล้อง ภายใต้ร้าน บิ๊ก คาเมร่า เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดกล้องมูลค่า 10,000 ล้านบาท ในปีนี้ เชื่อว่าจะตกลงอีก 20% ในแง่มูลค่า ส่วนในแง่ยูนิต คาดว่าจะตกลง 10% เช่นกัน ทั้งนี้ เนื่องจากในส่วนของกล้องคอมแพคดิจิตอล เริ่มจะอิ่มตัวแล้ว ขณะที่ในกลุ่มกล้อง DSLR ที่กำลังมีการเติบโตก็ตกลงเล็กน้อย
ในส่วนของ บิ๊ก คาเมร่า ได้มีการปรับตัวรองรับสถานการณ์ ในปีนี้ ตั้งแต่ปลายปี 2551 ที่ผ่านมา โดยปีนี้ยังคงใช้งบการตลาดที่ 30 ล้านบาทเท่าปีก่อน มุ่งในเรื่องของการจัดอีเวนต์ หรือบีโลว์เดอะไลน์ เป็นหลัก ในสัดส่วน 60% และ อะโบฟเดอะไลน์ 40% ซึ่งในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา บริษัทยังมียอดการเติบโตถึง 10% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน โดยการเติบโตที่เกิดขึ้นมาจากการที่บริษัทให้ความสำคัญ ในเรื่องการอบรมพนักงานขาย และเพิ่มช่องทางชอป บิ๊ก คาเมร่า
โดยในส่วนของการขยายชอป ปีนี้มีแผนจะขยายเพียง 10 สาขา ซึ่งจะเปิดไปกับศูนย์การค้าและโมเดิร์นเทรดทั้งหมดซึ่งปีนี้มีชะลอการเปิดลดลง ภายใต้งบการลงทุนที่ 40 ล้านบาท ที่จะนำไปใช้ในการรีโนเวตในบางสาขาด้วย รวมแล้วสิ้นปีนี้เชื่อว่าจะมีบิ๊กคาเมร่าทั้งหมด 150 สาขา และทั้งปีมั่นใจว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้น 20% หรือกว่า 1,700-1,800 ล้านบาท
นายชิตชัย เธียรกาญจนวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บิ๊ก คาเมร่า จำกัด กล่าวว่า ครึ่งปีหลังนี้ เชื่อว่า หลายแบรนด์จะมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา พร้อมทั้งออกกล้องรุ่นใหม่ๆเข้ามากระตุ้นตลาด ซึ่งน่าจะช่วยให้ยอดการขายครึ่งปีหลังดีขึ้น ภายในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ต้องดูกันต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วนของ บิ๊ก คาเมร่า ยอมรับว่า ปลายปีก่อน มีแผนที่จะต่อยอดธุรกิจให้เกิดรายได้มากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของ รายการโทรทัศน์ ซึ่งได้มีการพูดคุยกับเจ้าของแบรนด์กล้องหลายๆ ยี่ห้อ แต่เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี จึงต้องมีการเบรกแผนนี้ไว้ก่อน เชื่อว่าหากปีหน้าสถานการณ์กลับมาดีขึ้น รายการโทรทัศน์เกี่ยวกับการถ่ายภาพ ที่จะทำนั้น
จะถูกนำมากลับมาพิจารณาอีกครั้ง
ล่าสุด บริษัทได้ร่วมกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาท จัดงาน BIG PRO DAY ครั้งที่3 เพื่อคนรักการถ่ายภาพด้วย คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานไม่ต่ำกว่า 3 แสนคน หรือมียอดขายภายในงานราว 30 ล้านบาท ซึ่งงานนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 ก.ค.2552 บริเวณ Central Court, Eden, Atrium1 และ Atrium2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
นายชาญ เธียรกาญจนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิ๊ก คาเมร่า จำกัด ตัวแทนจำหน่ายกล้อง ภายใต้ร้าน บิ๊ก คาเมร่า เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดกล้องมูลค่า 10,000 ล้านบาท ในปีนี้ เชื่อว่าจะตกลงอีก 20% ในแง่มูลค่า ส่วนในแง่ยูนิต คาดว่าจะตกลง 10% เช่นกัน ทั้งนี้ เนื่องจากในส่วนของกล้องคอมแพคดิจิตอล เริ่มจะอิ่มตัวแล้ว ขณะที่ในกลุ่มกล้อง DSLR ที่กำลังมีการเติบโตก็ตกลงเล็กน้อย
ในส่วนของ บิ๊ก คาเมร่า ได้มีการปรับตัวรองรับสถานการณ์ ในปีนี้ ตั้งแต่ปลายปี 2551 ที่ผ่านมา โดยปีนี้ยังคงใช้งบการตลาดที่ 30 ล้านบาทเท่าปีก่อน มุ่งในเรื่องของการจัดอีเวนต์ หรือบีโลว์เดอะไลน์ เป็นหลัก ในสัดส่วน 60% และ อะโบฟเดอะไลน์ 40% ซึ่งในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา บริษัทยังมียอดการเติบโตถึง 10% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน โดยการเติบโตที่เกิดขึ้นมาจากการที่บริษัทให้ความสำคัญ ในเรื่องการอบรมพนักงานขาย และเพิ่มช่องทางชอป บิ๊ก คาเมร่า
โดยในส่วนของการขยายชอป ปีนี้มีแผนจะขยายเพียง 10 สาขา ซึ่งจะเปิดไปกับศูนย์การค้าและโมเดิร์นเทรดทั้งหมดซึ่งปีนี้มีชะลอการเปิดลดลง ภายใต้งบการลงทุนที่ 40 ล้านบาท ที่จะนำไปใช้ในการรีโนเวตในบางสาขาด้วย รวมแล้วสิ้นปีนี้เชื่อว่าจะมีบิ๊กคาเมร่าทั้งหมด 150 สาขา และทั้งปีมั่นใจว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้น 20% หรือกว่า 1,700-1,800 ล้านบาท
นายชิตชัย เธียรกาญจนวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บิ๊ก คาเมร่า จำกัด กล่าวว่า ครึ่งปีหลังนี้ เชื่อว่า หลายแบรนด์จะมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา พร้อมทั้งออกกล้องรุ่นใหม่ๆเข้ามากระตุ้นตลาด ซึ่งน่าจะช่วยให้ยอดการขายครึ่งปีหลังดีขึ้น ภายในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ต้องดูกันต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วนของ บิ๊ก คาเมร่า ยอมรับว่า ปลายปีก่อน มีแผนที่จะต่อยอดธุรกิจให้เกิดรายได้มากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของ รายการโทรทัศน์ ซึ่งได้มีการพูดคุยกับเจ้าของแบรนด์กล้องหลายๆ ยี่ห้อ แต่เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี จึงต้องมีการเบรกแผนนี้ไว้ก่อน เชื่อว่าหากปีหน้าสถานการณ์กลับมาดีขึ้น รายการโทรทัศน์เกี่ยวกับการถ่ายภาพ ที่จะทำนั้น
จะถูกนำมากลับมาพิจารณาอีกครั้ง
ล่าสุด บริษัทได้ร่วมกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาท จัดงาน BIG PRO DAY ครั้งที่3 เพื่อคนรักการถ่ายภาพด้วย คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานไม่ต่ำกว่า 3 แสนคน หรือมียอดขายภายในงานราว 30 ล้านบาท ซึ่งงานนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 ก.ค.2552 บริเวณ Central Court, Eden, Atrium1 และ Atrium2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
