น้ำปลาหอยนางรม อัดกลยุทธ์ขยายวิธีการใช้ ปลุกตลาดน้ำปลาลา 5,000 ล้านบาท คึกหลังตลาดอิ่มตัวผู้ประกอบการระเบิดสงครามราคา เดินหน้าแตกโปรดักส์ไลน์รอบ 72 ปี ปั้นน้ำปลาพริก- น้ำปลาราดปลาทอด พร้อมรีเฟรชแบรนด์ หวังทะลวงแม่บ้านรุ่นใหม่ ปีหน้าส่งกะปิเหลวลงตลาด อัดฉีด 100 ล้านบาท ขยายกำลังผลิตรองรับนโยบายขยายอาณาจักรเครื่องปรุงรสตอบโจทย์ความสะดวกจับคนรุ่นใหม่ ดันรายได้โต 10-15% หลังที่ผ่านมารายได้นิ่งโต 5-7%
นายพันธ์ชนะ รัตนประสิทธิ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท น้ำปลาพิไชย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำปลาตราหอยนางรม เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทจากนี้ มุ่งการขยายโปรดักส์ไลน์ใหม่ ในกลุ่มเครื่องปรุงรสในเชิงรุกมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้รายได้ของบริษัทมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น หลังจากดำเนินธุรกิจน้ำปลาภายใต้หอยนางรมมาร่วม 72 ปี พบว่าตลาดน้ำปลามูลค่า 5,000 ล้านบาท เริ่มอิ่มตัว โดยมีอัตราการเติบโต 2-3% เนื่องจากตลาดไม่ค่อยมีสินค้าใหม่ หรือนวัตกรรมมาขยายการใช้ใหม่และกระตุ้นตลาดให้เติบโต ขณะเดียวกันผู้ประกอบการในตลาด เน้นกลยุทธ์ราคา โดยจากราคา 21-22 บาท เหลือ 16-18 บาท เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด
ล่าสุดบริษัทได้ขยายโปรดักส์ไลน์ใหม่ครั้งแรกในรอบ 72 ปี ด้วยการเปิดตัวน้ำปลาพริก และน้ำปลาราดปลาทอด ภายใต้แนวคิด ประหยัดเวลา สะดวก และสะอาด ทั้งนี้เพื่อขยายฐานลูกค้าสู่แม่บ้านรุ่นใหม่อายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป พร้อมกันนี้บริษัทรีเฟรชแบรนด์ใหม่ โดยได้ปรับฉลากผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อให้มีความทันสมัยและสดใสมากขึ้น เนื่องจากพบว่าที่ผ่านมาฐานลูกค้าหลักของน้ำปลาหอยนางรมมีอายุ 40 ปีขึ้นไป และในปีหน้านี้ช่วงไตรมาสแรก บริษัทยังเตรียมเปิดตัวสินค้าแคธิกอรี่ใหม่นอกเหนือจากน้ำปลา และเป็นเซกเมนต์ใหม่ในตลาด คือ กะปิเหลว
"ที่ผ่านมาบริษัทได้พัฒนาสินค้านำร่องหลากหลายตัว ได้แก่ น้ำปลาพริก พริกน้ำส้ม ชนิดซองเจาะช่องทางร้านอาหาร นอกจากนี้ในช่วงเทศกาลกินเจ ยังเปิดตัวซีอิ้ว เจ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทเรามีความพร้อมด้านการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ นอกเหนือจากน้ำปลา โดยจากนี้ไปบริษัทจะเปิดตัวสินค้าใหม่ 1-2 ตัวต่อปี เพื่อผลักดันรายได้ให้เติบโต 10-15% ต่อปีจากปีที่ผ่านมารายได้ของบริษัทเติบโต 5-7% อย่างไรก็ตามจากการขยายการใช้น้ำปลาในรูปแบบใหม่ ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะผลักดันให้ตลาดน้ำปลาเติบโต 5-7%"
พร้อมกันนี้บริษัทได้ทุ่มงบ 100 ล้านบาท สร้างบ่อหมักน้ำปลาเพิ่ม 1,500-2,000 บ่อ ที่ โรงงานศรีราชา ซึ่งปัจจุบันมี 3,000 บ่อ จากปัจจุบันกำลังการผลิตเริ่มเต็มแล้ว ทั้งนี้เพื่อรองรับการขยายโปรดักส์ไลน์ใหม่ของบริษัทในอนาคต และการขยายตลาดต่างประเทศ จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ 25% ซึ่งมองว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพมาก โดยมาจากการกระแสครัวไทยสู่ครัวโลกทำให้ต่างประเทศนิยมทำอาหารไทยมากขึ้น ขณะที่เครื่องปรุงอย่างน้ำปลาได้พลอยได้รับอานิสงส์ดังกล่าว แม้ว่าผลพวงวิกฤติเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อการส่งออกบ้างในขณะนี้ก็ตาม โดยพบว่ามีการชะลอการสั่งซื้อสินค้า รายได้จากการส่งออกของบริษัทในช่วง 6 เดือน ไม่เติบโต และทั้งปีตั้งเป้าโต 3-5% จากเดิมโต10%
บริษัทได้ทุ่มงบการตลาด 30 ล้านบาท ในกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำปลาหอยนางรม ซึ่งวางตำแหน่งเป็นน้ำปลาระดับพรีเมียม และน้ำปลาไส้ตัน เป็นไฟท์ติ้งแบรนด์ในระดับกลาง ซึ่งขณะนี้ได้รุกตลาดด้วยการขยายช่องทางสู่โมเดิร์นเทรดมากขึ้นสัดส่วน 30% จากเดิมเน้นเทรดิชันนัลเทรดเป็นหลัก ส่วนงบอีก 10 ล้านบาท ใช้ในกลุ่มสินค้าใหม่น้ำปลาพริก และน้ำปลาราดปลาทอดซึ่งจะวางจำหน่ายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด 80-90% ส่วนเทรดิชันนัลเทรด 10-20% โดยขนาด 250-300 กรัม ราคา 25 บาท และยังเตรียมนำสินค้าใหม่ส่งออกในตลาดต่างประเทศ กำลังอยู่ระหว่างเจรจา 5-6 ราย
สำหรับตลาดน้ำปลามูลค่า 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ระดับพรีเมียม 10% หรือ 500 ล้านบาท เติบโต 10% โดยไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ส่วนน้ำปลาระดับกลาง 40% หรือ 2,000 ล้านบาท พบว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคหันไปใช้สินค้าระดับล่างมูลค่า 2,500 ล้านบาท หรือสัดส่วน 50% มากขึ้นทำให้ตลาดระดับกลางไม่เติบโต
โดยปัจจุบันน้ำปลาหอยนางรม มีส่วนแบ่ง 10% ในตลาดโดยรวม เป็นอันดับ 3 รองจากน้ำปลาตราปลาหมึก 20% และทิพรส 30% ซึ่งน้ำปลาหอยนางรม เป็นผู้นำตลาดพรีเมียมครองส่วนแบ่ง 40% และจากการสินค้าใหม่สร้างยอดขาย 15-20ล้านบาท ผลักดันส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 50% ตามด้วยตราชั่งและเมกะเชฟ ส่วนไส้ตัน มีส่วนแบ่ง 10% เป็นอันดับ 3 ของตลาด
นายพันธ์ชนะ รัตนประสิทธิ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท น้ำปลาพิไชย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำปลาตราหอยนางรม เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทจากนี้ มุ่งการขยายโปรดักส์ไลน์ใหม่ ในกลุ่มเครื่องปรุงรสในเชิงรุกมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้รายได้ของบริษัทมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น หลังจากดำเนินธุรกิจน้ำปลาภายใต้หอยนางรมมาร่วม 72 ปี พบว่าตลาดน้ำปลามูลค่า 5,000 ล้านบาท เริ่มอิ่มตัว โดยมีอัตราการเติบโต 2-3% เนื่องจากตลาดไม่ค่อยมีสินค้าใหม่ หรือนวัตกรรมมาขยายการใช้ใหม่และกระตุ้นตลาดให้เติบโต ขณะเดียวกันผู้ประกอบการในตลาด เน้นกลยุทธ์ราคา โดยจากราคา 21-22 บาท เหลือ 16-18 บาท เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด
ล่าสุดบริษัทได้ขยายโปรดักส์ไลน์ใหม่ครั้งแรกในรอบ 72 ปี ด้วยการเปิดตัวน้ำปลาพริก และน้ำปลาราดปลาทอด ภายใต้แนวคิด ประหยัดเวลา สะดวก และสะอาด ทั้งนี้เพื่อขยายฐานลูกค้าสู่แม่บ้านรุ่นใหม่อายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป พร้อมกันนี้บริษัทรีเฟรชแบรนด์ใหม่ โดยได้ปรับฉลากผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อให้มีความทันสมัยและสดใสมากขึ้น เนื่องจากพบว่าที่ผ่านมาฐานลูกค้าหลักของน้ำปลาหอยนางรมมีอายุ 40 ปีขึ้นไป และในปีหน้านี้ช่วงไตรมาสแรก บริษัทยังเตรียมเปิดตัวสินค้าแคธิกอรี่ใหม่นอกเหนือจากน้ำปลา และเป็นเซกเมนต์ใหม่ในตลาด คือ กะปิเหลว
"ที่ผ่านมาบริษัทได้พัฒนาสินค้านำร่องหลากหลายตัว ได้แก่ น้ำปลาพริก พริกน้ำส้ม ชนิดซองเจาะช่องทางร้านอาหาร นอกจากนี้ในช่วงเทศกาลกินเจ ยังเปิดตัวซีอิ้ว เจ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทเรามีความพร้อมด้านการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ นอกเหนือจากน้ำปลา โดยจากนี้ไปบริษัทจะเปิดตัวสินค้าใหม่ 1-2 ตัวต่อปี เพื่อผลักดันรายได้ให้เติบโต 10-15% ต่อปีจากปีที่ผ่านมารายได้ของบริษัทเติบโต 5-7% อย่างไรก็ตามจากการขยายการใช้น้ำปลาในรูปแบบใหม่ ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะผลักดันให้ตลาดน้ำปลาเติบโต 5-7%"
พร้อมกันนี้บริษัทได้ทุ่มงบ 100 ล้านบาท สร้างบ่อหมักน้ำปลาเพิ่ม 1,500-2,000 บ่อ ที่ โรงงานศรีราชา ซึ่งปัจจุบันมี 3,000 บ่อ จากปัจจุบันกำลังการผลิตเริ่มเต็มแล้ว ทั้งนี้เพื่อรองรับการขยายโปรดักส์ไลน์ใหม่ของบริษัทในอนาคต และการขยายตลาดต่างประเทศ จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ 25% ซึ่งมองว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพมาก โดยมาจากการกระแสครัวไทยสู่ครัวโลกทำให้ต่างประเทศนิยมทำอาหารไทยมากขึ้น ขณะที่เครื่องปรุงอย่างน้ำปลาได้พลอยได้รับอานิสงส์ดังกล่าว แม้ว่าผลพวงวิกฤติเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อการส่งออกบ้างในขณะนี้ก็ตาม โดยพบว่ามีการชะลอการสั่งซื้อสินค้า รายได้จากการส่งออกของบริษัทในช่วง 6 เดือน ไม่เติบโต และทั้งปีตั้งเป้าโต 3-5% จากเดิมโต10%
บริษัทได้ทุ่มงบการตลาด 30 ล้านบาท ในกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำปลาหอยนางรม ซึ่งวางตำแหน่งเป็นน้ำปลาระดับพรีเมียม และน้ำปลาไส้ตัน เป็นไฟท์ติ้งแบรนด์ในระดับกลาง ซึ่งขณะนี้ได้รุกตลาดด้วยการขยายช่องทางสู่โมเดิร์นเทรดมากขึ้นสัดส่วน 30% จากเดิมเน้นเทรดิชันนัลเทรดเป็นหลัก ส่วนงบอีก 10 ล้านบาท ใช้ในกลุ่มสินค้าใหม่น้ำปลาพริก และน้ำปลาราดปลาทอดซึ่งจะวางจำหน่ายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด 80-90% ส่วนเทรดิชันนัลเทรด 10-20% โดยขนาด 250-300 กรัม ราคา 25 บาท และยังเตรียมนำสินค้าใหม่ส่งออกในตลาดต่างประเทศ กำลังอยู่ระหว่างเจรจา 5-6 ราย
สำหรับตลาดน้ำปลามูลค่า 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ระดับพรีเมียม 10% หรือ 500 ล้านบาท เติบโต 10% โดยไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ส่วนน้ำปลาระดับกลาง 40% หรือ 2,000 ล้านบาท พบว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคหันไปใช้สินค้าระดับล่างมูลค่า 2,500 ล้านบาท หรือสัดส่วน 50% มากขึ้นทำให้ตลาดระดับกลางไม่เติบโต
โดยปัจจุบันน้ำปลาหอยนางรม มีส่วนแบ่ง 10% ในตลาดโดยรวม เป็นอันดับ 3 รองจากน้ำปลาตราปลาหมึก 20% และทิพรส 30% ซึ่งน้ำปลาหอยนางรม เป็นผู้นำตลาดพรีเมียมครองส่วนแบ่ง 40% และจากการสินค้าใหม่สร้างยอดขาย 15-20ล้านบาท ผลักดันส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 50% ตามด้วยตราชั่งและเมกะเชฟ ส่วนไส้ตัน มีส่วนแบ่ง 10% เป็นอันดับ 3 ของตลาด