รมว.อุตฯ หวังเงินกู้รัฐบาล 8 แสนล้าน ต่อลมหายใจภาคอุตสาหกรรมได้ พร้อมคาดหวังให้การอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว พร้อมมั่นใจยอดขอส่งเสริมบีโอไอ ยังเป็นไปตามเป้าหมาย
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ขณะนี้ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) และพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ 800,000 ล้านบาทของกระทรวงการคลัง ได้ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสามารถที่จะระดมเงินไปใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามแผนที่วางไว้ โดยเม็ดเงินที่ได้รับการอัดฉีดสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศจำนวนมากถึง 800,000 ล้านบาทนี้ จะมีส่วนช่วยทำให้อุตสาหกรรมเข้าสู่การแข่งขันในทุกด้าน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า งบกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเมื่ออัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจะทำให้เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่ 3 และไตรมาส 4 ปีนี้กระเตื้องขึ้น การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดีขึ้น ช่วยให้เศรษฐกิจขยายได้มากขึ้น
ส่วนกรณีที่ภาคอุตสาหกรรมหลายอุตสาหกรรมลดกำลังการผลิตลงร้อยละ 20-25 ของกำลังการผลิตรวมจนทำให้มีการหวั่นเกรงว่าจะมีการปลดคนงานออกนั้น รัฐบาลมีนโยบายดูแลอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจร่วมกับภาคเอกชนมาอย่างต่อเนื่อง
ขณะนี้ อุตสาหกรรมหลัก เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์เริ่มฟื้นตัวบ้างแล้ว และไม่ได้มีการปลดคนงานอย่างที่วิตกกันมากในช่วงก่อนหน้านี้ ปริมาณการจ้างงานของอุตสาหกรรมรถยนต์ยังอยู่ในลักษณะทรงตัวจากที่คาดว่าจะลดคนงานลง
นายชาญชัยยังกล่าวถึงยอดการขอรับการส่งเสริมการลงทุนของนักลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) โดยระบุว่าตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมตั้งเป้าหมายไว้ว่าปีนี้จะมียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวม 400,000 ล้านบาทนั้น ขณะนี้มียอดคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนแล้วประมาณ 300,000 ล้านบาท จึงเชื่อมั่นว่ายอดการขอรับการส่งเสริมการลงทุนผ่านบีโอไอตลอดปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 400,000 ล้านบาท
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวหลังเปิดงานโพรแพก เอเชีย 2009 โดยระบุว่า ธุรกิจแพกเกจจิ้งในประเทศไทยขณะนี้มีมูลค่าประมาณ 500,000 ล้านบาท ซึ่งการจัดงานระหว่าง วันที่ 17-20 มิถุนายน 2552 นี้ มีขนาดใหญ่รองจากญี่ปุ่น มีผู้นำสินค้ามาแสดงถึง 39 ประเทศ 785 ราย และแม้อยู่ในช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังฟื้นฟู แต่เชื่อว่าการจัดงานครั้งนี้จะสร้างยอดขายในช่วงการจัดงานประมาณ 3,000 ล้านบาท และหลังจากงานต่อเนื่องไปอีกประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงาน 30,000 คน
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ขณะนี้ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) และพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ 800,000 ล้านบาทของกระทรวงการคลัง ได้ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสามารถที่จะระดมเงินไปใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามแผนที่วางไว้ โดยเม็ดเงินที่ได้รับการอัดฉีดสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศจำนวนมากถึง 800,000 ล้านบาทนี้ จะมีส่วนช่วยทำให้อุตสาหกรรมเข้าสู่การแข่งขันในทุกด้าน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า งบกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเมื่ออัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจะทำให้เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่ 3 และไตรมาส 4 ปีนี้กระเตื้องขึ้น การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดีขึ้น ช่วยให้เศรษฐกิจขยายได้มากขึ้น
ส่วนกรณีที่ภาคอุตสาหกรรมหลายอุตสาหกรรมลดกำลังการผลิตลงร้อยละ 20-25 ของกำลังการผลิตรวมจนทำให้มีการหวั่นเกรงว่าจะมีการปลดคนงานออกนั้น รัฐบาลมีนโยบายดูแลอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจร่วมกับภาคเอกชนมาอย่างต่อเนื่อง
ขณะนี้ อุตสาหกรรมหลัก เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์เริ่มฟื้นตัวบ้างแล้ว และไม่ได้มีการปลดคนงานอย่างที่วิตกกันมากในช่วงก่อนหน้านี้ ปริมาณการจ้างงานของอุตสาหกรรมรถยนต์ยังอยู่ในลักษณะทรงตัวจากที่คาดว่าจะลดคนงานลง
นายชาญชัยยังกล่าวถึงยอดการขอรับการส่งเสริมการลงทุนของนักลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) โดยระบุว่าตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมตั้งเป้าหมายไว้ว่าปีนี้จะมียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวม 400,000 ล้านบาทนั้น ขณะนี้มียอดคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนแล้วประมาณ 300,000 ล้านบาท จึงเชื่อมั่นว่ายอดการขอรับการส่งเสริมการลงทุนผ่านบีโอไอตลอดปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 400,000 ล้านบาท
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวหลังเปิดงานโพรแพก เอเชีย 2009 โดยระบุว่า ธุรกิจแพกเกจจิ้งในประเทศไทยขณะนี้มีมูลค่าประมาณ 500,000 ล้านบาท ซึ่งการจัดงานระหว่าง วันที่ 17-20 มิถุนายน 2552 นี้ มีขนาดใหญ่รองจากญี่ปุ่น มีผู้นำสินค้ามาแสดงถึง 39 ประเทศ 785 ราย และแม้อยู่ในช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังฟื้นฟู แต่เชื่อว่าการจัดงานครั้งนี้จะสร้างยอดขายในช่วงการจัดงานประมาณ 3,000 ล้านบาท และหลังจากงานต่อเนื่องไปอีกประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงาน 30,000 คน
