นางสุจิตรา วุฒิธำรง กรรมการผู้จัดการ บริษัท รักลูก ฮิวแมน แอนด์ โซเชียล อินโนเวชั่น จำกัด และบริษัท รักลูก ออร์แกไนเซอร์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัดในเครือ รักลูก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ปัจจุบันเจ้าของสินค้าและบริการต่างๆต้องการใช้งบการตลาดที่ระมัดระวังและให้เกิดประโยชน์คุ้มค่ามากที่สุด เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถจดจำแบรนด์ได้อย่างดี และต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงที่สุด ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจยังชะลอตัวอยู่
โดยในตลาดนี้คู่แข่งที่ทำอีเวนต์แบบเดียวกับรักลูกกรุ๊ปที่เน้นกลุ่มแม่และเด็กยังมีอยู่น้อย จึงทำให้ช่วงที่ผ่านมาธุรกิจอีเวนต์ของบริษัทมีอัตราการเติบโตมากกว่า 50%
ทั้งนี้ ส่งผลให้ในปีนี้บริษัทฯจึงตั้งเป้าหมายของธุรกิจการรับจัดงานนี้มีรายได้ประมาณ 145 ล้านบาท หรือมีการเติบโต 20% ซึ่งเมื่อช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมานี้มีรายได้แล้วประมาณ 100 กว่าล้านบาท โดยกลุ่มสินค้าที่หันมาใช้งบประเภทนี้กันมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้วคือ สินค้าที่เกี่ยวข้องกับเด็ก และครอบครัวประเภทต่างๆ ทั้ง ผลิตภัณฑ์นม เครื่องใช้สำหรับเด็ก ประกันชีวิต รถยนต์
การรุกตลาดหนักครั้งนี้เป็นผลมาจากการที่เมื่อช่วงต้นปีนี้ บริษัทได้ทำการปรับโครงสร้างหน่วยธุรกิจหรือบียูใหม่ ด้วยการควบรวมหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วย ซีเอสอาร์ องค์กร การตลาด และการจัดงาน รวมเป็นยูนิตเดียวกัน เพื่อให้การทำงานมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น และยังเป็นการเตรียมแผนการรองรับในการต่อยอดธุรกิจออกไปให้กว้างขึ้นด้วย จากเดิมที่มีจุดแข็งทางด้านการจัดบริหารงานเกี่ยวกับเด็กและครอบครัว
โดยปัจจุบันบริษัทมีการรับจัดงาน 3 รูปแบบ คือ 1.อีเวนต์มาร์เก็ตติ้ง หรือการรับจ้างจัดงานให้กับบริษัท และองค์กรต่างๆ จากภายนอกที่น่าสนใจ โดยจับกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นครอบครัว ซึ่งขณะนี้มีลูกค้ามากกว่า 30 รายแล้ว
2.คอร์ปอเรต อีเวนต์ หรือการจัดงานที่เป็นของบริษัทเอง ไม่ว่าจะเป็นงาน รักลูก เฟสติวัล เป็นต้น จับกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่คุณแม่ตั้งครรภ์ถึงลูกที่ก่อนวัยเรียน ล่าสุดนี้ บริษัทฯเตรียมจะจัดงาน แบงค็อก เลิร์นนิง เอ็กซ์โป" ระหว่างวันที่ 24-26 ก.ค.นี้ เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายเด็กก่อนเข้าเรียนอนุบาล ขณะนี้มีกลุ่มโรงเรียนอนุบาลร่วมเป็นพันธมิตรแล้วมากกว่า 80 แห่ง
3. คอร์ปอเรต อีเวนต์ เป็นการจับกลุ่มพ่อแม่สมัยใหม่ หรือที่เรียกว่ากลุ่มโมเดิร์นมัม มีอายุระหว่าง 27 ปีขึ้นไป ที่ต้องการจับจ่ายสินค้าที่ดีที่สุดให้กับลูก
นางสุจิตรา กล่าวต่อว่า นอกจากธุรกิจอีเวนต์การจัดงานที่จะขยายตัวแล้ว ล่าสุดนี้ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของตลาดที่จะเปิดตัวนิตยสารหัวใหม่ที่เป็นลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุโดยเฉพาะ หรือมีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งกลุ่มดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะเป็นกลุ่มใหญ่ในอนาคต และเป็นกลุ่มที่สำคัญเพราะมีกำลังซื้อมากด้วย ซึ่งขณะนี้ในต่างประเทศเริ่มมีหนังสือประเภทดังกล่าวมากขึ้นแล้วและได้รับความนิยมด้วย
จากการสำรวจพบว่า กลุ่มนี้มีฐานเงินเดือนประมาณ 4-5 หมื่นบาทขึ้นไป อยู่ในระดับผู้บริหาร ซึ่งสินค้าที่อยู่ในอันดับต้นๆที่กลุ่มนี้ยินยอมที่จะจ่ายเช่น ด้านสุขภาพ การดูแลตัวเอง การออกกำลังกาย ความสวยงาม การท่องเที่ยว และการเรียนรู้ควบคู่ธรรม เป็นต้น ขณะเดียวกันนอกจากการเตรียมเปิดหัวนิตยสารใหม่แล้วยังเตรียมที่จะต่อยอดไปยังธุรกิจอีเวนต์ เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุนี้ อย่างไรก็ตาม คาดว่า แผนดังกล่าวจะชัดเจนเป็นรูปเป็นร่างภายในปีหน้า
