ภาคเอกชน ฝากความหวัง พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้าน คาดจะผ่านการพิจารณาของศาล รธน.วอนฝ่ายค้านกลับใจ หันร่วมมือผลักดันเศรษฐกิจ หลัง พ.ร.ก.กู้เงินมีผลบังคับใช้
นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าไทย คาดว่า พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เงินกู้ 400,000 ล้านบาท จะผ่านการพิจาณาของศาลรัฐธรรมนูญ และหลังจากนั้น รัฐบาลและฝ่ายค้าน ควรร่วมกันผลักดันให้มีการนำงบประมาณดังกล่าวมากระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะทุกฝ่ายทราบดีว่า สถานการณ์ปัจจุบัน ภาครัฐจะต้องเข้ามาลงทุน
โดย 2 เดือนที่ผ่านมาถือว่าเป็นเรื่องดีที่มีการติติง และสร้างความชัดเจนเรื่องกฎหมาย แต่หลังจากนี้ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกัน ไม่เช่นนั้นจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว หากไทยไม่ใช้เงินดังกล่าวพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ ก็จะพลาดโอกาสฟื้นตัวทันกับโลก
“คาดว่า เงินจากนโยบายดังกล่าว จะเข้าสู่ระบบในไตรมาส 3-4 ทำให้ไตรมาส 4 จีดีพีน่าจะกลับมาเป็นบวกได้ และส่งผลดีต่อปีจีดีพีปี 2553 ให้เติบโตได้ จากที่ปีนี้คงติดลบแน่นอน”
ประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า เป็นห่วงเงินบาทที่แข็งค่า และอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลให้เกิดความสมดุลอย่างแท้จริง โดยเปรียบเทียบกับคู่แข่ง เช่น เวียดนาม อินเดีย เกาหลีใต้ เพราะขณะนี้เงินบาทแข็งค่ากว่า และมีผลต่อการส่งออก ส่วนเรื่องคำสั่งซื้อสินค้าที่กลับมา ต้องยอมรับว่า เป็นคำสั่งซื้อระยะสั้น เพราะผู้นำเข้ายังไม่มั่นใจว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะเป็นระยะยาว