คาแรกเตอร์ขายพ่วงขนม กลยุทธ์ใหม่ สร้างมูลค่า “เอเพ็ก ฟูดส์” พบช่องทางใหม่ไปได้สวย เดินหน้าเซ็นสัญญาเพิ่มคาแรกเตอร์อีก 1-2 ตัวปีนี้ หลังเวเฟอร์ตลาดทรงตัว มุ่งส่งออกมากขึ้น ทั้งปีหวังโต 20% แตะ 300 ล้านบาท
นางสาวนุสรา มงคลรัตนชาติ กรรมการ บริษัท เอเพ็กซ์ ฟูดส์ จำกัด เปิดเผย “ASTVผู้จัดการรายวัน” ว่า ปีนี้ถือเป็นปีแรกที่ทางบริษัทฯจะเริ่มรุกทำตลาดอย่างเต็มที่ โดยได้วางงบประมาณไว้กว่า 20 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการทำตลาด จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เน้นบีโลว์ เดอะ ไลน์ มากกว่า อะโบฟ เดอะ ไลน์ เพราะมองว่า การโฆษณาผ่านสื่อจะใช้ไม่ได้ผล เท่าการเข้าถึงลูกค้าโดยตรงอีกทั้งยังเป็นการรองรับในตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้นอีกด้วย
จากเดิมที่บริษัทเข้าสู่ธุรกิจผลิตขนมรูปแบบเวเฟอร์และข้าวโพดมากกว่า 40 ปี ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นจำหน่ายในกลุ่มตลาดล่าง ให้กับยี่ปั๊ว ซาปั๊ว แถวสำเพ็ง หรือในต่างจังหวัดมากกว่า ตั้งแต่สมัยรุ่นแรกของผู้ก่อตั้งกิจการ จึงทำให้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำการตลาดมากนัก
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ตนได้เข้ามาดูแลกิจการในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา จึงได้มีการปรับธุรกิจใหม่ ทั้งการเพิ่มรูปแบบสินค้าใหม่ เพื่อขยายตลาดไปยังกลุ่มโมเดิร์นเทรดมากขึ้น โดยได้ทดลองผลิตขนมที่มุ่งเน้นขายคาแรกเตอร์ แพกเกจจิ้ง โดยมีขนมพ่วงอยู่ด้วย วางจำหน่ายช่องทางโมเดิร์นเทรด และร้านสะดวกซื้อ เป็นหลัก เช่น เซเว่น อีเลฟเว่น, เฟรชมาร์ท,แฟมิลี่มาร์ท, คาร์ฟูร์, บิ๊กซี, เทสโก้ โลตัส, สยาม พารากอน เอ็มโพเรียม และร้านค้าในปั๊มน้ำมัน ปรากฏว่า ได้รับการตอบรับที่ดี จนทำให้ปัจจุบันยอดขายกว่า 50% มาจากสินค้าคาแรกเตอร์ แพกเกจจิ้งและอีก 50% เป็นกลุ่มสินค้าเดิม โดยยอดขายรวมทั้งหมดเป็นการส่งออกราว 20%
“จากการสำรวจ พบว่า ขนมที่ขายพร้อมคาแรกเตอร์ แพกเกจจิ้งนี้ ถือเป็นสินค้าที่ยังมีอนาคตที่ดี การเติบโตน่าสนใจ ลูกค้าให้การตอบรับสูง ขณะที่กลุ่มเวเฟอร์ แต่ละปีมูลค่าตลาดถือว่าทรงตัว”
นางสาวนุสรา กล่าวต่อว่า สินค้าคาแรกเตอร์ แพกเกจจิ้ง นี้ เป็นกลุ่มธุรกิจที่ยังไม่มีผู้เล่นเข้ามาทำอย่างจริงจัง โดยตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นกลุ่มสินค้าที่สร้างผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ แม้จะเป็นการทำงานที่มีหลายขั้นตอน ค่าใช้จ่ายสูง กับลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ที่ขอไลเซ่นมา ซึ่งปัจจุบันมีหลายตัว เช่น คิตตี้, โดราเอมอน, บาร์บี้, หมีพูห์, มิกกี้เม้าท์ และ ลีโลสติช ขณะที่ขนมที่ใส่ในแพกเกจจิ้งเหล่านี้ ได้แก่ ช๊อกโกแลต, คุกกี้ และแคนดี้ต่างๆ โดยในปีนี้ทางบริษัทยังได้มีการเจรจาที่จะเพิ่มคาแรกเตอร์เข้ามาอีก 1-2 ตัว ด้วย
โดยปัจจุบัน กลุ่มขนมเวเฟอร์, ข้าวโพด, ฟู้ดแคนดี้ จะจำหน่ายภายใต้แบรนด์ Yofruit ส่วน ชีอกโกแลต เป็นแบรนด์ Cuspy จำหน่ายในราคา 5,10 และ 20 บาท โดยกลุ่มสินค้าดังกล่าวสร้างยอดขายให้บริษัทกว่า 50% ละอีก 50% เป็นสินค้าคาแรกเตอร์ แพกเกจจิ้ง โดยสิ้นปีนี้เชื่อว่า จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัทมีรายได้เติบโตขึ้นอย่างน้อย 10-20% คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท
นางสาวนุสรา มงคลรัตนชาติ กรรมการ บริษัท เอเพ็กซ์ ฟูดส์ จำกัด เปิดเผย “ASTVผู้จัดการรายวัน” ว่า ปีนี้ถือเป็นปีแรกที่ทางบริษัทฯจะเริ่มรุกทำตลาดอย่างเต็มที่ โดยได้วางงบประมาณไว้กว่า 20 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการทำตลาด จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เน้นบีโลว์ เดอะ ไลน์ มากกว่า อะโบฟ เดอะ ไลน์ เพราะมองว่า การโฆษณาผ่านสื่อจะใช้ไม่ได้ผล เท่าการเข้าถึงลูกค้าโดยตรงอีกทั้งยังเป็นการรองรับในตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้นอีกด้วย
จากเดิมที่บริษัทเข้าสู่ธุรกิจผลิตขนมรูปแบบเวเฟอร์และข้าวโพดมากกว่า 40 ปี ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นจำหน่ายในกลุ่มตลาดล่าง ให้กับยี่ปั๊ว ซาปั๊ว แถวสำเพ็ง หรือในต่างจังหวัดมากกว่า ตั้งแต่สมัยรุ่นแรกของผู้ก่อตั้งกิจการ จึงทำให้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำการตลาดมากนัก
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ตนได้เข้ามาดูแลกิจการในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา จึงได้มีการปรับธุรกิจใหม่ ทั้งการเพิ่มรูปแบบสินค้าใหม่ เพื่อขยายตลาดไปยังกลุ่มโมเดิร์นเทรดมากขึ้น โดยได้ทดลองผลิตขนมที่มุ่งเน้นขายคาแรกเตอร์ แพกเกจจิ้ง โดยมีขนมพ่วงอยู่ด้วย วางจำหน่ายช่องทางโมเดิร์นเทรด และร้านสะดวกซื้อ เป็นหลัก เช่น เซเว่น อีเลฟเว่น, เฟรชมาร์ท,แฟมิลี่มาร์ท, คาร์ฟูร์, บิ๊กซี, เทสโก้ โลตัส, สยาม พารากอน เอ็มโพเรียม และร้านค้าในปั๊มน้ำมัน ปรากฏว่า ได้รับการตอบรับที่ดี จนทำให้ปัจจุบันยอดขายกว่า 50% มาจากสินค้าคาแรกเตอร์ แพกเกจจิ้งและอีก 50% เป็นกลุ่มสินค้าเดิม โดยยอดขายรวมทั้งหมดเป็นการส่งออกราว 20%
“จากการสำรวจ พบว่า ขนมที่ขายพร้อมคาแรกเตอร์ แพกเกจจิ้งนี้ ถือเป็นสินค้าที่ยังมีอนาคตที่ดี การเติบโตน่าสนใจ ลูกค้าให้การตอบรับสูง ขณะที่กลุ่มเวเฟอร์ แต่ละปีมูลค่าตลาดถือว่าทรงตัว”
นางสาวนุสรา กล่าวต่อว่า สินค้าคาแรกเตอร์ แพกเกจจิ้ง นี้ เป็นกลุ่มธุรกิจที่ยังไม่มีผู้เล่นเข้ามาทำอย่างจริงจัง โดยตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นกลุ่มสินค้าที่สร้างผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ แม้จะเป็นการทำงานที่มีหลายขั้นตอน ค่าใช้จ่ายสูง กับลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ที่ขอไลเซ่นมา ซึ่งปัจจุบันมีหลายตัว เช่น คิตตี้, โดราเอมอน, บาร์บี้, หมีพูห์, มิกกี้เม้าท์ และ ลีโลสติช ขณะที่ขนมที่ใส่ในแพกเกจจิ้งเหล่านี้ ได้แก่ ช๊อกโกแลต, คุกกี้ และแคนดี้ต่างๆ โดยในปีนี้ทางบริษัทยังได้มีการเจรจาที่จะเพิ่มคาแรกเตอร์เข้ามาอีก 1-2 ตัว ด้วย
โดยปัจจุบัน กลุ่มขนมเวเฟอร์, ข้าวโพด, ฟู้ดแคนดี้ จะจำหน่ายภายใต้แบรนด์ Yofruit ส่วน ชีอกโกแลต เป็นแบรนด์ Cuspy จำหน่ายในราคา 5,10 และ 20 บาท โดยกลุ่มสินค้าดังกล่าวสร้างยอดขายให้บริษัทกว่า 50% ละอีก 50% เป็นสินค้าคาแรกเตอร์ แพกเกจจิ้ง โดยสิ้นปีนี้เชื่อว่า จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัทมีรายได้เติบโตขึ้นอย่างน้อย 10-20% คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท
