ประธานบอร์ด ททท.หวั่นน้ำมันแพงกระทบท่องเที่ยว ชี้ ถ้าแตะลิตรละ 30 บาท อาจมีผลด้านจิตวิทยาคนไทยชะลอเดินทาง เตรียมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนจังหวัดและสทน. หาแผนรับมือระยะสั้น พร้อมต่อยอดโครงการพลังงานหารร้อย หนุนใช้บริการรถบขส.ต่อด้วยรถโดยสารสาธารณะระดับจังหวัด หวังปรับพฤติกรรมคนไทยเทียบในต่างประเทศ
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.อยู่ระหว่างการเฝ้าดูการปรับขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะหากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับขึ้นไปถึงที่ลิตรละ 30 บาท อาจมีผลกระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยได้ เนื่องจากจะกระทบในเรื่องของจิตวิทยาให้คนชะลอเรื่องการจับจ่าย รวมถึงปรับลดความถี่ในการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวัดหยุดสุดสัปดาห์
ดังนั้น จึงเตรียมที่จะหารือร่วมกับรองผู้ว่าการฝ่ายตลาดในประเทศ และ สมาคมท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เตรียมแผนรับมือในระยะสั้น เพื่อไม่ให้การเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยต้องหยุดชะงัก หรือขาดตอน เพราะในปีนี้เราต้องหันมาพึ่งตลาดในประเทศให้เดินทางท่องเที่ยวกันมากขึ้น เพื่อมาทดแทนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดน้อยลงไปจากกำลังซื้อที่หดหายเพราะผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก อีกทั้งความวุ่นวายของการเมืองภายในประเทศไทยเอง
เบื้องต้นมีแนวคิดว่าจะนำโครงการ “พลังงานหารร้อย” ที่ฝ่ายตลาดในประเทศได้เริ่มทำไปแล้ว ด้วยการส่งเสริมให้คนไทยใช้รถสาธารณะในการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น เช่น การเดินทางด้วยรถไฟ การเดินทางเป็นหมู่คณะโดยใช้รถตู้ หรือรถบัส แทนรถส่วนตัว เป็นต้น โดยแนวคิดที่จะทำต่อ คือการส่งเสริมให้คนเดินทางท่องเที่ยวโดยใช้บริการรถ บขส.ประจำทาง ซึ่งมีให้บริการวิ่งออกจากกรุงเทพฯไปหลายเส้นทางครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย จากนั้นคงต้องขอความร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัด องค์กรบริหารส่วนจังหวัด ให้จัดรถโดยสารประจำทางให้เข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงที่เป็นฤดูกาลท่องเที่ยว
“ในต่างประเทศเขาก็เดินทางท่องเที่ยวโดยใช้บริการรถสาธารณะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเกือบทุกแหล่งท่องเที่ยวจะมีไว้คอยบริการ ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความสะดวกสบาย ทำให้การท่องเที่ยวเป็นเรื่องง่ายขึ้น และเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางถูกลง ซึ่งประเทศไทยคงต้องเริ่มทำบ้างเพราะถ้ามีรถสาธารณะที่สะดวกและเป็นระบบชาวต่างชาติก็สามารถใช้บริการได้ด้วยและยังขยายฐานนักท่องเที่ยวคนไทยในระดับกลางลงไปได้มีโอกาสเที่ยวได้หลากหลายขึ้น”
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า เป็นเรื่องยากที่จะให้มีรถสาธารณะเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้ทุกแห่ง เพราะหากไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวก็จะมีผู้ใช้บริการน้อยทำให้เอกชนที่ลงทุนไม่สามารถอยู่ได้ ดังนั้น จึงต้องหารือกับหลายฝ่ายเพื่อหาทางออก
ทางด้าน นายวันเสด็จ ถาวรสุข รองผู้ว่าการฝ่ายตลาดในประเทศ ททท. กล่าวยอมรับว่าราคาน้ำมันที่จะปรับตัวสูงขึ้นมีผลกระทบด้านจิตวิทยาของนักท่องเที่ยว และหากสายการบิน เพิ่มการเก็บค่าธรรมเนียมน้ำมัน ขึ้นค่าโดยสารรถประจำทาง ทำให้คนอาจเที่ยวลดลง แต่ทั้งนี้ ททท.ก็พยายามสร้างกิจกรรมมากระตุ้นเชิญชวนคนไทยให้ออกมาเที่ยวอย่างต่อเนื่องและกระจายไปในทุกภูมิภาค โดยต้องรณรงค์ภายใต้สโลแกนที่ ททท.ได้ตั้งไว้คือเที่ยวไทยช่วยชาติ
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.อยู่ระหว่างการเฝ้าดูการปรับขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะหากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับขึ้นไปถึงที่ลิตรละ 30 บาท อาจมีผลกระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยได้ เนื่องจากจะกระทบในเรื่องของจิตวิทยาให้คนชะลอเรื่องการจับจ่าย รวมถึงปรับลดความถี่ในการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวัดหยุดสุดสัปดาห์
ดังนั้น จึงเตรียมที่จะหารือร่วมกับรองผู้ว่าการฝ่ายตลาดในประเทศ และ สมาคมท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เตรียมแผนรับมือในระยะสั้น เพื่อไม่ให้การเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยต้องหยุดชะงัก หรือขาดตอน เพราะในปีนี้เราต้องหันมาพึ่งตลาดในประเทศให้เดินทางท่องเที่ยวกันมากขึ้น เพื่อมาทดแทนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดน้อยลงไปจากกำลังซื้อที่หดหายเพราะผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก อีกทั้งความวุ่นวายของการเมืองภายในประเทศไทยเอง
เบื้องต้นมีแนวคิดว่าจะนำโครงการ “พลังงานหารร้อย” ที่ฝ่ายตลาดในประเทศได้เริ่มทำไปแล้ว ด้วยการส่งเสริมให้คนไทยใช้รถสาธารณะในการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น เช่น การเดินทางด้วยรถไฟ การเดินทางเป็นหมู่คณะโดยใช้รถตู้ หรือรถบัส แทนรถส่วนตัว เป็นต้น โดยแนวคิดที่จะทำต่อ คือการส่งเสริมให้คนเดินทางท่องเที่ยวโดยใช้บริการรถ บขส.ประจำทาง ซึ่งมีให้บริการวิ่งออกจากกรุงเทพฯไปหลายเส้นทางครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย จากนั้นคงต้องขอความร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัด องค์กรบริหารส่วนจังหวัด ให้จัดรถโดยสารประจำทางให้เข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงที่เป็นฤดูกาลท่องเที่ยว
“ในต่างประเทศเขาก็เดินทางท่องเที่ยวโดยใช้บริการรถสาธารณะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเกือบทุกแหล่งท่องเที่ยวจะมีไว้คอยบริการ ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความสะดวกสบาย ทำให้การท่องเที่ยวเป็นเรื่องง่ายขึ้น และเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางถูกลง ซึ่งประเทศไทยคงต้องเริ่มทำบ้างเพราะถ้ามีรถสาธารณะที่สะดวกและเป็นระบบชาวต่างชาติก็สามารถใช้บริการได้ด้วยและยังขยายฐานนักท่องเที่ยวคนไทยในระดับกลางลงไปได้มีโอกาสเที่ยวได้หลากหลายขึ้น”
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า เป็นเรื่องยากที่จะให้มีรถสาธารณะเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้ทุกแห่ง เพราะหากไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวก็จะมีผู้ใช้บริการน้อยทำให้เอกชนที่ลงทุนไม่สามารถอยู่ได้ ดังนั้น จึงต้องหารือกับหลายฝ่ายเพื่อหาทางออก
ทางด้าน นายวันเสด็จ ถาวรสุข รองผู้ว่าการฝ่ายตลาดในประเทศ ททท. กล่าวยอมรับว่าราคาน้ำมันที่จะปรับตัวสูงขึ้นมีผลกระทบด้านจิตวิทยาของนักท่องเที่ยว และหากสายการบิน เพิ่มการเก็บค่าธรรมเนียมน้ำมัน ขึ้นค่าโดยสารรถประจำทาง ทำให้คนอาจเที่ยวลดลง แต่ทั้งนี้ ททท.ก็พยายามสร้างกิจกรรมมากระตุ้นเชิญชวนคนไทยให้ออกมาเที่ยวอย่างต่อเนื่องและกระจายไปในทุกภูมิภาค โดยต้องรณรงค์ภายใต้สโลแกนที่ ททท.ได้ตั้งไว้คือเที่ยวไทยช่วยชาติ