แอดวานซ์ อินโฟร์ รับครึ่งปีแรกยอดใช้มือถือซบเซากระทบรายได้หดไม่โตตามเป้าที่ 4% เหตุการเมืองวุ่นวาย และมีวันหยุดยาว พร้อมรุกออกโปรโมชั่นจูงใจ ทำการตลาดสร้างรายได้ช่วง 1-2 เดือนที่เหลือของไตรมาส 2 เพื่อกระตุ้นภาพรวม
นายพรรัตน์ เจนจรัสสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนและวิเคราะห์การตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ภาพรวมในช่วงครึ่งปีแรกที่ไม่ดีนักอย่างไรก็ตามยังคงคาดการณ์รายได้ในปีนี้ที่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้คือโต 3-4% จากความคาดหวังว่าช่วงครึ่งปีหลังรายได้จะมีการฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ได้รับผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาการเมืองทำความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง
ทั้งนี้ในครึ่งปีแรกบริษัทคาดว่าจะมีรายได้ต่ำกว่าประมาณที่จะเติบโต 3-4% เนื่องจากไตรมาสแรกมีรายได้ติดลบไปแล้ว 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับช่วงไตรมาส 2 ในเดือนเม.ย.ประเทศไทยเกิดปัญหาการประท้วงทางการเมือง และมีวันหยุดยาวมากกว่าปกติ ทำให้การใช้โทรศัพท์มือถือลดน้อยลงไปด้วย
สำหรับภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีแรกที่ไม่ดี แต่บริษัทยังคงพยายามผลักดันรายได้ช่วง 2 เดือนที่เหลือในไตรมาส 2 ให้เพิ่มขึ้น จากการออกโปรโมชั่นใหม่ๆ และการทำการตลาดที่เน้นสร้างรายได้ระยะ 1-2 เดือนนี้ โดยเชื่อว่าครึ่งปีหลังรายได้จะกลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ซึ่งถือเป็นช่วงที่มีรายได้เติบโตสูงที่สุด อีกทั้งยังคาดการณ์ส่วนแบ่งรายได้ของตลาดในปี 52 ที่จะสามารถรักษาไว้ได้ที่ระดับ 52% รวมถึงคาดการณ์รายรับจากค่าเชื่อมโยงโครงข่าย (IC) อยู่ที่ประมาณ 400-700 ล้านบาท
"เราหวังว่าปีนี้จะสามารถครองส่วนแบ่งทางตลาดประมาณ 52% จากยอดตลาดรวมปีนี้ที่เราจะมีเลขหมายใหม่ออกมาอีก 5 ล้านเลขหมาย เรายอมรับว่าไตรมาส 2 เราคงไม่รอด คงได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านการเมืองและวันหยุดที่มีมากและยาวกว่าปกติ แต่ก็พยายามจะผลักดันช่วง 2 เดือนที่เหลือให้ดีขึ้น แล้วก็หวังว่าทั้งปีจะโตได้ 3-4% ตามเป้าหมาย "นายพรรัตน์ กล่าว
ปัจจุบันบริษัทมีรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย (ARPU) อยู่ที่ 244 บาทในไตรมาส 1/52 ซึ่งเริ่มทรงตัวและเชื่อว่าปีนี้ยอด ARPU จะทรงตัวในระดับนี้ไม่น่าจะมีการลดต่ำลงแล้ว ประกอบกับในปีนี้ได้ตั้งงบลงทุนที่ 1.3-1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมการประมูล 3G บนคลื่น 2.1 เมกะเฮิร์ต โดยเชื่อว่าคณะกรรมการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) จะเปิดประมูลได้ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งช้ากว่าที่คาดการเดิมคือช่วงกันยายน
อย่างไรก็ตาม หากรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ บริษัทจะมีการลดงบในส่วนของค่าใช้จ่ายทางการตลาดลง รวมถึงการจัดแคมเปญและออกโปรโมชั่นกระตุ้นการใช้งานซึ่งน่าจะตอบโจทย์และสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นได้ โดยบริษัทคาดการณ์ว่าในปีนี้จะสามารถจ่ายปันผลที่ 6.30 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่องจากบริษัทยังมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง
ส่วนกระแสข่าวกลุ่มชินคอร์ปจะมีแผนยื่นขอสัมปทานให้บริการโทรศัพท์มือถือในประเทศมอนเตเนโกรนั้น ไม่น่าจะมีความเป็นไปได้ เนื่องจากกลุ่มชินคอร์ปและ ADVANC ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในอำนาจการบริหารธุรกิจแต่อย่างใด รวมทั้งได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นไปนานแล้ว
นายพรรัตน์ เจนจรัสสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนและวิเคราะห์การตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ภาพรวมในช่วงครึ่งปีแรกที่ไม่ดีนักอย่างไรก็ตามยังคงคาดการณ์รายได้ในปีนี้ที่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้คือโต 3-4% จากความคาดหวังว่าช่วงครึ่งปีหลังรายได้จะมีการฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ได้รับผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาการเมืองทำความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง
ทั้งนี้ในครึ่งปีแรกบริษัทคาดว่าจะมีรายได้ต่ำกว่าประมาณที่จะเติบโต 3-4% เนื่องจากไตรมาสแรกมีรายได้ติดลบไปแล้ว 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับช่วงไตรมาส 2 ในเดือนเม.ย.ประเทศไทยเกิดปัญหาการประท้วงทางการเมือง และมีวันหยุดยาวมากกว่าปกติ ทำให้การใช้โทรศัพท์มือถือลดน้อยลงไปด้วย
สำหรับภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีแรกที่ไม่ดี แต่บริษัทยังคงพยายามผลักดันรายได้ช่วง 2 เดือนที่เหลือในไตรมาส 2 ให้เพิ่มขึ้น จากการออกโปรโมชั่นใหม่ๆ และการทำการตลาดที่เน้นสร้างรายได้ระยะ 1-2 เดือนนี้ โดยเชื่อว่าครึ่งปีหลังรายได้จะกลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ซึ่งถือเป็นช่วงที่มีรายได้เติบโตสูงที่สุด อีกทั้งยังคาดการณ์ส่วนแบ่งรายได้ของตลาดในปี 52 ที่จะสามารถรักษาไว้ได้ที่ระดับ 52% รวมถึงคาดการณ์รายรับจากค่าเชื่อมโยงโครงข่าย (IC) อยู่ที่ประมาณ 400-700 ล้านบาท
"เราหวังว่าปีนี้จะสามารถครองส่วนแบ่งทางตลาดประมาณ 52% จากยอดตลาดรวมปีนี้ที่เราจะมีเลขหมายใหม่ออกมาอีก 5 ล้านเลขหมาย เรายอมรับว่าไตรมาส 2 เราคงไม่รอด คงได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านการเมืองและวันหยุดที่มีมากและยาวกว่าปกติ แต่ก็พยายามจะผลักดันช่วง 2 เดือนที่เหลือให้ดีขึ้น แล้วก็หวังว่าทั้งปีจะโตได้ 3-4% ตามเป้าหมาย "นายพรรัตน์ กล่าว
ปัจจุบันบริษัทมีรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย (ARPU) อยู่ที่ 244 บาทในไตรมาส 1/52 ซึ่งเริ่มทรงตัวและเชื่อว่าปีนี้ยอด ARPU จะทรงตัวในระดับนี้ไม่น่าจะมีการลดต่ำลงแล้ว ประกอบกับในปีนี้ได้ตั้งงบลงทุนที่ 1.3-1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมการประมูล 3G บนคลื่น 2.1 เมกะเฮิร์ต โดยเชื่อว่าคณะกรรมการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) จะเปิดประมูลได้ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งช้ากว่าที่คาดการเดิมคือช่วงกันยายน
อย่างไรก็ตาม หากรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ บริษัทจะมีการลดงบในส่วนของค่าใช้จ่ายทางการตลาดลง รวมถึงการจัดแคมเปญและออกโปรโมชั่นกระตุ้นการใช้งานซึ่งน่าจะตอบโจทย์และสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นได้ โดยบริษัทคาดการณ์ว่าในปีนี้จะสามารถจ่ายปันผลที่ 6.30 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่องจากบริษัทยังมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง
ส่วนกระแสข่าวกลุ่มชินคอร์ปจะมีแผนยื่นขอสัมปทานให้บริการโทรศัพท์มือถือในประเทศมอนเตเนโกรนั้น ไม่น่าจะมีความเป็นไปได้ เนื่องจากกลุ่มชินคอร์ปและ ADVANC ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในอำนาจการบริหารธุรกิจแต่อย่างใด รวมทั้งได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นไปนานแล้ว