ผู้บริหาร ธ.กสิกรฯ คาดการณ์ค่าเงินบาทยังผันผวนต่อไปอีก 2-3 ปีตามทิศทางเงินสกุลดอลลาร์ แนะลูกค้าทำประกันความเสี่ยง ป้องกันความผันผวนในระบบอัตราแลกเปลี่ยน มั่นใจแบงก์ชาติเข้าแทรกแซงตลาด เพื่อให้ค่าเงินอยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมยอมรับในบางช่วงเงินบาทแข็งค่ามากกว่าภูมิภาค “ชาติศิริ” เชื่อครึ่งปีหลัง ศก.มีเสถียรภาพนิ่งขึ้น ส่งออกฟื้นตัว
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK กล่าวถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง โดยระบุว่า ค่าเงินบาทคงจะผันผวนต่อไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปี ตามทิศทางของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งช่วงที่ผ่านมาดอลลาร์ได้ผันผวนมาเป็นระยะอยู่แล้ว
ดังนั้น ธนาคารแนะนำให้ลูกค้าทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อรับมือกับความผันผวนดังกล่าว ซึ่งขณะนี้จากมูลค่าการค้าระหว่างประเทศที่หดตัวลง ทำให้การทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนก็ลดลงไปด้วย
ทั้งนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐยังเป็นเงินสกุลหลักที่ใช้ในระบบการค้าระหว่างประเทศ ดังนั้น เมื่อเกิดความตื่นตระหนกก็จะมีการเข้ามาซื้อดอลลาร์เก็บจึงทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และเมื่อคลายความตระหนกก็ขายดอลลาร์ออกมา ซึ่งมองว่าหากมีการเข้าไปซื้อดอลลาร์จำนวนมาก ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และอาจเกิดเงินเฟ้อได้
นายประสารกล่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะธนาคารกลาง ก็คงพยายามดูแลให้เงินบาทเคลื่อนไหวในระดับกลางๆ เมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้าและเงินสกุลหลักในเอเชีย และไม่ให้ประเทศเสียเปรียบในด้านการแข่งขัน แต่ก็ยอมรับว่าบางช่วงเงินบาทก็แข็งค่ามากกว่าภูมิภาค
ขณะที่ นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สภาพเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ คงจะมีเสถียรภาพมากขึ้น และความต้องการจากต่างประเทศจะเริ่มทรงตัว ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทย แต่อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของไทยยังคงต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัว โดยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ น่าจะติดลบอยู่ที่ร้อยละ 2-3
นอกจากนี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หัวใจสำคัญสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ว่าสภาพเศรษฐกิจของประเทศใหญ่นั้นเป็นอย่างไร