แบรนด์เครื่องไฟ้ฟาจากจีน “มิเดีย” วางแผนว่าจ้างโรงงานแอสเซมบลีย์ในไทย ยันไม่ทำโออีเอ็ม เปิดแผนลุยสินค้ากลุ่มอื่นๆ พร้อมเดินหน้าตลาดพัดลม วางเป้าโค่นแชมป์ฮาตาริ
นายเชาว์ บิน ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไมเดีย เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าครัวเรือนจากประเทศจีน แบรนด์ “มิเดีย” เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนลงทุนและขยายตลาดในไทยต่อเนื่อง หลังจากที่เข้ามาทำตลาดแล้วประมาณ 5 ปี แม้ว่าในช่วงนี้สินค้าประเภทเครื่องใช่ไฟฟ้าครัวเรือนในไทยจะมีอัตราการขยายตัวที่ลดลง โดยมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 35,000 ล้านบาท เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองส่งผลกำลังซื้อลดลงไปด้วย
โดยมีการลงทุน 2 รูปแบบ คือ 1.การสร้างโรงงาน ซึ่งได้เริ่มเปิดโรงงานผลิตพัดลมแล้วที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู เมื่อปลายปีที่แล้ว และ 2.รูปแบบการแอสเซมบลีย์ หรือการว่าจ้างโรงงานอื่นประกอบผลิตภัณฑ์ให้ โดยบริษัทยังคงเป็นผู้นำข้าอุปกรณ์สำคัญจากมิเดียที่จีนเข้ามาเอง
ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาและเจรจากับทางโรงงานหลายแห่ง เพื่อว่าจ้างให้เป็นผู้ประกอบสินค้าให้ อย่างไรก็ตาม บริษัทยืนยันว่าจะไม่ใช้การว่าจ้างผลิตหรือโออีเอ็มแน่นอน โดยปีนี้คาดว่าจะต้องลงทุนอย่างน้อย 50 ล้านบาท ในการทำแอสเซมบลีย์ เพื่อที่จะขยายตลาดสินค้ากลุ่มใหม่ๆ ให้เป็นไปตามแผนโดยปีนี้จะขยายกลุ่มใหม่ เช่น เตาแก๊ส เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องดูดควัน เป็นต้น
ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าทำตลาดในไทยหลายกลุ่ม เช่น เตาแม่เหล็กไฟฟ้า หม้อหุงข้าว เตาอบไมโครเวฟ เครื่องทำน้ำร้อน-เย็น พัดลม เป็นต้น ซึ่งกำหนดว่าภายในปีนี้จะเพิ่มสินค้าให้ครอบคลุมประมาณ 13-15 ประเภท หรือมากกว่า 40 รุ่น จากปัจจุบันที่มีประมาณ 10 ประเภท และมากกว่า 30 รุ่น
สำหรับโรงงานผลิตนั้นมีโรงงานผลิตพัดลมซึ่งเป็นฐานผลิตสำคัญแห่งหนึ่งของมิเดีย และไทยยังเป็นฐานในการพัฒนาโปรเจกต์ต่างๆ ในการออกสินค้าใหม่ (Project Base) อีก 5 กลุ่มสินค้า คือ เตาแม่เหล็กไฟฟ้า หม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ เครื่องทำน้ำร้อนน้ำเย็น โดยใชไทยเป็นฐานในการศึกษาแต่ละโปรเจกต์ แล้วส่งไปให้แต่ละประเทศประยุกต์ใช้กับประเทศตัวเองในเอเชียนี้ เนื่องจากไทยมีการแข่งขันที่รุนแรง มีผู้ประกอบการจำนวนมาก และเป็นอินเตอร์แบรนด์ด้วย อีกทั้งที่ผ่านมาการเติบโตตลาดรวมเป็นไปอย่างมั่นคง จึงน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดี
ทั้งนี้ แผนธุรกิจในสินค้ากลุ่มพัดลมนี้ ปีนี้จะเดินตลาดเต็มที่ หลังจากที่เริ่มผลิตออกตลาดเมื่อปลายปีที่แล้วประมาณ 3 แสนตัว ทำรายได้รวม 20 ล้านบาท วางเป้าหมายปีนี้เพิ่มจำนวนผลิตเป็น 1 ล้านตัว รายได้รวม 100 ล้านบาท และในปี 2553 จะเพิ่มการผลิตเป็น 1.2 ล้านตัว ทำรายได้กว่า 150 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นตัวเลขการส่งออก 30% และจำหน่ายในไทย 70% ตลาดส่งออกที่สำคัญ คือ อินเดีย นอกนั้นคือ ตลาดในอาเซียน
“ประเทศไทยจะเป็นฐานผลิตพัดลมที่สำคัญแห่งหนึ่ง ขณะนี้สินค้าอื่นจะใช้วิธีว่าจ้างโรงงานอื่นประกอบให้ ซึ่งต่างประเทศเรามีฐานผลิตมากมาย เช่น เวียดนาม มี 2 โรงงาน ผลิตหม้อหุงข้าว หม้อแรงดัน เตาแม่เหล็กไฟฟ้า ที่รัสเซีย 1 โรงงาน และจีน 27 โรงงาน”
สำหรับตลาดพัดลมนั้น มีเป้าหมายที่จะครองส่วนแบ่ง 10% ในปีแรก โดยคู่แข่งที่สำคัญ คือ แบรนด์ฮาตาริ ที่มีแชร์มากกว่า 70% ในกลุ่มเป้าหมายระดับบน และคาดว่ าในปีที่สามของการทำตลาดมิเดียจะมีส่วนแบ่งตลาดพัดลมที่ 40% ทั้งนี้ เป้ามหายรายได้รวมบริษัทปีนี้ตั้งไว้ ที่ 175 ล้านบาท มาจากพัดลม 100 ล้านบาท และที่เหลือ 75 ล้านบาท เป็นอื่นๆ
นายเชาว์ บิน ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไมเดีย เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าครัวเรือนจากประเทศจีน แบรนด์ “มิเดีย” เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนลงทุนและขยายตลาดในไทยต่อเนื่อง หลังจากที่เข้ามาทำตลาดแล้วประมาณ 5 ปี แม้ว่าในช่วงนี้สินค้าประเภทเครื่องใช่ไฟฟ้าครัวเรือนในไทยจะมีอัตราการขยายตัวที่ลดลง โดยมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 35,000 ล้านบาท เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองส่งผลกำลังซื้อลดลงไปด้วย
โดยมีการลงทุน 2 รูปแบบ คือ 1.การสร้างโรงงาน ซึ่งได้เริ่มเปิดโรงงานผลิตพัดลมแล้วที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู เมื่อปลายปีที่แล้ว และ 2.รูปแบบการแอสเซมบลีย์ หรือการว่าจ้างโรงงานอื่นประกอบผลิตภัณฑ์ให้ โดยบริษัทยังคงเป็นผู้นำข้าอุปกรณ์สำคัญจากมิเดียที่จีนเข้ามาเอง
ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาและเจรจากับทางโรงงานหลายแห่ง เพื่อว่าจ้างให้เป็นผู้ประกอบสินค้าให้ อย่างไรก็ตาม บริษัทยืนยันว่าจะไม่ใช้การว่าจ้างผลิตหรือโออีเอ็มแน่นอน โดยปีนี้คาดว่าจะต้องลงทุนอย่างน้อย 50 ล้านบาท ในการทำแอสเซมบลีย์ เพื่อที่จะขยายตลาดสินค้ากลุ่มใหม่ๆ ให้เป็นไปตามแผนโดยปีนี้จะขยายกลุ่มใหม่ เช่น เตาแก๊ส เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องดูดควัน เป็นต้น
ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าทำตลาดในไทยหลายกลุ่ม เช่น เตาแม่เหล็กไฟฟ้า หม้อหุงข้าว เตาอบไมโครเวฟ เครื่องทำน้ำร้อน-เย็น พัดลม เป็นต้น ซึ่งกำหนดว่าภายในปีนี้จะเพิ่มสินค้าให้ครอบคลุมประมาณ 13-15 ประเภท หรือมากกว่า 40 รุ่น จากปัจจุบันที่มีประมาณ 10 ประเภท และมากกว่า 30 รุ่น
สำหรับโรงงานผลิตนั้นมีโรงงานผลิตพัดลมซึ่งเป็นฐานผลิตสำคัญแห่งหนึ่งของมิเดีย และไทยยังเป็นฐานในการพัฒนาโปรเจกต์ต่างๆ ในการออกสินค้าใหม่ (Project Base) อีก 5 กลุ่มสินค้า คือ เตาแม่เหล็กไฟฟ้า หม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ เครื่องทำน้ำร้อนน้ำเย็น โดยใชไทยเป็นฐานในการศึกษาแต่ละโปรเจกต์ แล้วส่งไปให้แต่ละประเทศประยุกต์ใช้กับประเทศตัวเองในเอเชียนี้ เนื่องจากไทยมีการแข่งขันที่รุนแรง มีผู้ประกอบการจำนวนมาก และเป็นอินเตอร์แบรนด์ด้วย อีกทั้งที่ผ่านมาการเติบโตตลาดรวมเป็นไปอย่างมั่นคง จึงน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดี
ทั้งนี้ แผนธุรกิจในสินค้ากลุ่มพัดลมนี้ ปีนี้จะเดินตลาดเต็มที่ หลังจากที่เริ่มผลิตออกตลาดเมื่อปลายปีที่แล้วประมาณ 3 แสนตัว ทำรายได้รวม 20 ล้านบาท วางเป้าหมายปีนี้เพิ่มจำนวนผลิตเป็น 1 ล้านตัว รายได้รวม 100 ล้านบาท และในปี 2553 จะเพิ่มการผลิตเป็น 1.2 ล้านตัว ทำรายได้กว่า 150 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นตัวเลขการส่งออก 30% และจำหน่ายในไทย 70% ตลาดส่งออกที่สำคัญ คือ อินเดีย นอกนั้นคือ ตลาดในอาเซียน
“ประเทศไทยจะเป็นฐานผลิตพัดลมที่สำคัญแห่งหนึ่ง ขณะนี้สินค้าอื่นจะใช้วิธีว่าจ้างโรงงานอื่นประกอบให้ ซึ่งต่างประเทศเรามีฐานผลิตมากมาย เช่น เวียดนาม มี 2 โรงงาน ผลิตหม้อหุงข้าว หม้อแรงดัน เตาแม่เหล็กไฟฟ้า ที่รัสเซีย 1 โรงงาน และจีน 27 โรงงาน”
สำหรับตลาดพัดลมนั้น มีเป้าหมายที่จะครองส่วนแบ่ง 10% ในปีแรก โดยคู่แข่งที่สำคัญ คือ แบรนด์ฮาตาริ ที่มีแชร์มากกว่า 70% ในกลุ่มเป้าหมายระดับบน และคาดว่ าในปีที่สามของการทำตลาดมิเดียจะมีส่วนแบ่งตลาดพัดลมที่ 40% ทั้งนี้ เป้ามหายรายได้รวมบริษัทปีนี้ตั้งไว้ ที่ 175 ล้านบาท มาจากพัดลม 100 ล้านบาท และที่เหลือ 75 ล้านบาท เป็นอื่นๆ