บีทูเอสเล็งทำตลาดสินค้านำเข้าเอ็กซ์คลูซีฟ นำร่องสินค้าเครื่องเขียนแดนกิมจิ-ปลาดิบ อิงเทรนด์ไลฟ์สไตล์ เผยปีนี้เปิด 3 สาขา พร้อมทุ่มงบตลาด 80 ล้านบาทลุยต่อเนื่อง ซุ่มอีเวนต์ใหญ่ 10 งาน
นายดีน ทอมป์สัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีทูเอส จำกัด ในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป เปิดเผยว่า กลยุทธ์ตลาดปีนี้บริษัทมีแผนที่จะทำตลาดสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟนำเข้าจากต่างประเทศ โดยช่วงแรกนี้เน้นไปที่สินค้านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีเทรนด์เข้ากับไลฟ์สไตล์ โดยเริ่มที่กลุ่มสินค้าเครื่องเขียนก่อนเพราะเป็นหมวดที่ขายดีที่สุด มีสัดส่วน 47% จากยอดขายรวม รองลงมือ หนังสือ 35% และอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มนำเข้ามาจำหน่ายบ้างแล้ว
อย่างไรก็ตาม บีทูเอสไม่ได้ปิดกั้นสินค้าจากประเทศอื่น เป็นการเปิดกว้าง แต่การนำเข้ามานั้นจะขึ้นอยู่กับระดับราคาที่เหมาะสม ความต้องการของตลาด และล่าสุดก็จะมีงานเอ็กซ์โปเกี่ยวกับเครื่องเขียนที่ฮ่องกง เราก็ส่งทีมจัดซื้อไปดูงาน เพื่อที่จะคัดเลือกสินค้าเข้ามาจำหน่าย
สำหรับแผนลงทุนปีนี้ยังคงขยายสาขาต่อเนื่อง ประมาณ 3 สาขา ใช้งบลงทุน 50-100 ล้านบาทต่อสาขาขนาดใหญ่ ซึ่งต้นปีนี้เปิดไปแล้วที่เซ็นทรัลพัทยาบีช และปลายเดือนหน้าจะเปิดที่เซ็นทรัลชลบุรี และปลายปีเปิดที่เซ็นทรัลขอนแก่น โดยเป็น 3 สาขาที่มีพื้นที่แน่นอนแล้ว แต่เมื่อได้พื้นที่ใหม่ที่มีความเหมาะสมเพิ่มเติมเข้ามาก็จะพิจารณาเปิดอีก ซึ่งปกติเปิด 5-10 แห่งต่อปี นอกจากนั้นยังมีแผนรีโนเวตสาขาเก่าอีกใช้งบกว่า 50 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทมีสาขาบีทูเอสขนาดใหญ่ 100-2,200 ตารางเมตร จำนวน 67 สาขา (รวมเซ็นทรัลเวิลด์ที่มีพื้นที่ 4,500 ตารางเมตรด้วย) และรูปแบบบีทูเอสแมกกาซีนคอร์เนอร์ พื้นที่ 10-30 ตารางเมตร จำนวน 24 สาขา
สำหรับงบการตลาดปีนี้ตั้งไว้ที่ 80 ล้านบาท แบ่งเป็นรายไตรมาสละ 20 ล้านบาท ล่าสุดจัดแคมเปญ “Back to School” มีสินค้าอุปกรณ์การเรียนกว่า 2,000 รายการเข้าร่วม และมีสินค้ามากกว่า 250 รายการที่โปรโมชันซื้อ 1 แถม 1 และสินค้าแพ็กราคาประหยัด ที่ทุกสาขา นอกจากนั้น ยังมีแผนจัดอีเวนต์กว่า 10 งาน นำโดยงาน “B2S Expo 2009” มหกรรมเครื่องเขียนและอุปกรณ์การเรียน วันที่ 6-12 พฤษภาคม ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว
ทั้งนี้ บีทูเอสมีรายได้รวมเมื่อปีที่แล้วประมาณ 3,000 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาสแรกปี 2552 นี้มีรายได้รวม 730 ล้านบาท และคาดว่าไตรมาสสองปีนี้จะเติบโต 6% หรือมีรายได้ 850 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันค่าใช้จ่ายของลูกค้าเข้าร้านเฉลี่ย 210 บาทต่อบิล เพิ่มจากเดิมประมาณ 7% ขณะที่ลูกค้าจากฐานเดอะวันการ์ดนั้นมีการใช้จ่ายมากกว่าลูกค้าทั่วไปเท่าตัว
นายดีน ทอมป์สัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีทูเอส จำกัด ในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป เปิดเผยว่า กลยุทธ์ตลาดปีนี้บริษัทมีแผนที่จะทำตลาดสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟนำเข้าจากต่างประเทศ โดยช่วงแรกนี้เน้นไปที่สินค้านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีเทรนด์เข้ากับไลฟ์สไตล์ โดยเริ่มที่กลุ่มสินค้าเครื่องเขียนก่อนเพราะเป็นหมวดที่ขายดีที่สุด มีสัดส่วน 47% จากยอดขายรวม รองลงมือ หนังสือ 35% และอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มนำเข้ามาจำหน่ายบ้างแล้ว
อย่างไรก็ตาม บีทูเอสไม่ได้ปิดกั้นสินค้าจากประเทศอื่น เป็นการเปิดกว้าง แต่การนำเข้ามานั้นจะขึ้นอยู่กับระดับราคาที่เหมาะสม ความต้องการของตลาด และล่าสุดก็จะมีงานเอ็กซ์โปเกี่ยวกับเครื่องเขียนที่ฮ่องกง เราก็ส่งทีมจัดซื้อไปดูงาน เพื่อที่จะคัดเลือกสินค้าเข้ามาจำหน่าย
สำหรับแผนลงทุนปีนี้ยังคงขยายสาขาต่อเนื่อง ประมาณ 3 สาขา ใช้งบลงทุน 50-100 ล้านบาทต่อสาขาขนาดใหญ่ ซึ่งต้นปีนี้เปิดไปแล้วที่เซ็นทรัลพัทยาบีช และปลายเดือนหน้าจะเปิดที่เซ็นทรัลชลบุรี และปลายปีเปิดที่เซ็นทรัลขอนแก่น โดยเป็น 3 สาขาที่มีพื้นที่แน่นอนแล้ว แต่เมื่อได้พื้นที่ใหม่ที่มีความเหมาะสมเพิ่มเติมเข้ามาก็จะพิจารณาเปิดอีก ซึ่งปกติเปิด 5-10 แห่งต่อปี นอกจากนั้นยังมีแผนรีโนเวตสาขาเก่าอีกใช้งบกว่า 50 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทมีสาขาบีทูเอสขนาดใหญ่ 100-2,200 ตารางเมตร จำนวน 67 สาขา (รวมเซ็นทรัลเวิลด์ที่มีพื้นที่ 4,500 ตารางเมตรด้วย) และรูปแบบบีทูเอสแมกกาซีนคอร์เนอร์ พื้นที่ 10-30 ตารางเมตร จำนวน 24 สาขา
สำหรับงบการตลาดปีนี้ตั้งไว้ที่ 80 ล้านบาท แบ่งเป็นรายไตรมาสละ 20 ล้านบาท ล่าสุดจัดแคมเปญ “Back to School” มีสินค้าอุปกรณ์การเรียนกว่า 2,000 รายการเข้าร่วม และมีสินค้ามากกว่า 250 รายการที่โปรโมชันซื้อ 1 แถม 1 และสินค้าแพ็กราคาประหยัด ที่ทุกสาขา นอกจากนั้น ยังมีแผนจัดอีเวนต์กว่า 10 งาน นำโดยงาน “B2S Expo 2009” มหกรรมเครื่องเขียนและอุปกรณ์การเรียน วันที่ 6-12 พฤษภาคม ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว
ทั้งนี้ บีทูเอสมีรายได้รวมเมื่อปีที่แล้วประมาณ 3,000 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาสแรกปี 2552 นี้มีรายได้รวม 730 ล้านบาท และคาดว่าไตรมาสสองปีนี้จะเติบโต 6% หรือมีรายได้ 850 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันค่าใช้จ่ายของลูกค้าเข้าร้านเฉลี่ย 210 บาทต่อบิล เพิ่มจากเดิมประมาณ 7% ขณะที่ลูกค้าจากฐานเดอะวันการ์ดนั้นมีการใช้จ่ายมากกว่าลูกค้าทั่วไปเท่าตัว
