xs
xsm
sm
md
lg

“คนไทย” เนื้อหอม รพ.เอกชนรุมตอม อัดกลยุทธ์จัดแพกเกจดัมป์ราคาดึงลูกค้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รพ.เอกชนดิ้นสู้ฝ่ามรสุมวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองไทย หันจับลูกค้าตลาดคนไทย และ กลุ่มเอ็กซ์แพค BNH คลอด 50 แพกเกจ ชูราคาประหยัดกว่าปกติ 30% พร้อมผนึกพันธมิตรจัดแคมเปญ ด้านปิยะเวท ดัมป์ราคาค่าห้องพัก 50% ช่วยลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่าย วอนรัฐช่วยเป็นแม่งานเจรจากับรัฐประเทสอื่นๆ ดึงลูกค้าเข้าไทย ขณะที่ รพ.กรุงเทพงัดโครงการ ไทยช่วยไทยฝ่าวิกฤต ภาค 2

พญ.ลินดา ไกรวิทย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบีเอ็นเอช (BNH) สีลม เปิดเผยว่า ทางโรงพยาบาลได้ปรับแผนการตลาดเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก โดยปีนี้จะเน้นจับตลาดกลุ่มคนไทย และชาวต่างชาติที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยเป็นหลัก ซึ่งสัดส่วนลูกค้าของ รพ.BNH แบ่งเป็น คนไทย 70% ต่างชาติ 30% โดยในกลุ่มของต่างชาติแบ่งสัดส่วนเป็นเอ็กแพคหรือชาวต่างชาติที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยเกือบ 90%

ทั้งนี้ ยอมรับว่า ปัจจุบันลูกค้ากลุ่มนักท่องเที่ยวมีเข้ามาใช้บริการลดลง ซึ่งเชื่อว่าทุกโรงพยาบาลจะประสบภาวะเช่นนี้เหมือนกันหมด โดยผู้ป่วยที่เป็นนักท่องเที่ยวซึ่งมีอยู่ 2 ประเภท คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย และเกิดการป่วยอย่างกะทันหัน และ กลุ่มที่เดินทางเข้ามาเพื่อรักษาพยาบาล โดยตัวเลขรวมทั้ง 2 กลุ่มไตรมาสแรกที่ผ่านมาลดลงราว 15%

**จัดแพกเกจราคาประหยัดดูดลูกค้า**
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์หลักที่จะใช้ทำตลาดปีนี้ คือ จัดทำโปรแกรมการรักษานำเสนอในรูปแบบแพกเกจ หรือเหมาจ่าย และการประกาศไม่ปรับขึ้นค่าบริการและราคายา ซึ่งปีนี้จะมีแพกเกจให้บริการลูกค้าถึง 50 แพกเกจ เพิ่มจากปีก่อนที่มีประมาณ 20 แพกเกจเท่านั้น ได้แก่ สูตินรีเวช ผ่าตัด ทำคลอด กระดูกและข้อ ลำไส้ ทางเดินอาหาร ระบบทางเดินปัสสาวะ รวมถึงงานศัลยกรรมทุกรูปแบบ เป็นต้น ราคาแพกเกจเหมาจ่ายนี้จะรวมค่ารักษา ผ่าตัด ค่าห้องพักฟื้น ค่าหมอและอุปกรณ์ทางการแพทย์และค่ายา ซึ่งจะถูกกว่าแบบปกติราว 30% ช่วยลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก

นอกจากนั้น ยังเน้นกลยุทธ์จับมือกับพันธ์มิตรที่เกี่ยวข้องจัดทำโปรโมชันรูปแบบต่างๆ เช่น บริษัทประกันภัย หรือร่วมกับองค์กรต่างๆ เช่น บริษัท ห้างร้าน จัดตรวจสุขภาพพนักงาน หรือนำเสนอในรูปแบบสวัสดิการพนักงาน นอกจากนั้น ยังช่วยเหลือพนักงานบริษัท หรือหน่วยงานต่างๆ ที่องค์กรมีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ด้วยการควบคุมค่าใช้จ่ายให้ โดยคิดค่าบริการรักษาเท่าที่สามารถนำไปเบิกสวัสดิการได้ โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม เป็นต้น

จากแผนงานทั้งหมดที่กล่าวมาตั้งเป้าหมายว่าจะส่งให้ผลประกอบการของ รพ.BNH ปีนี้ เติบโตจากปีก่อน 12% ทั้งจำนวนและรายได้ โดยปี 2551 รพ.BNH มีรายได้ 1,400 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 11% อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ปีนี้โรงพยาบาลเอกชนทุกแห่งต้องปรับตัว เพื่อความอยู่รอด โดยกลยุทธ์หลักที่นำมาใช้ คือ ดูแลค่าใช้จ่ายให้ลูกค้า ขยายตลาดในประเทศและคนไทย งดเก็บค่าใช้จ่ายส่วนเกินเพื่อให้คนไทยเข้าถึงได้

***แนะรัฐช่วยหาตลาดแบจีทูจี**
นพ.นพดล นพคุณ ผอ.โรงพยาบาลปิยะเวท กล่าวว่า สำหรับ รพ.ปิยะเวท ปีนี้ มีการปรับหลายอย่าง เช่น ครึ่งปีแรกนี้ ออกโปรโมชันลดค่าห้องลง 50% เพราะเห็นว่าเป็นวิธีที่ไม่ทำให้คุณภาพของการรักษาลดลง เรายังใช้เครื่องมือและยาคุณภาพตามเดิม ในราคาห้องพักฟื้นที่ถูกลงก็ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้คนไข้ได้ นอกจากนั้น เน้นเรื่องการรักษาฐานลูกค้าเก่าและขยายตลาดใหม่แต่เน้นเป็นกลุ่มตลาดคนไทย เพราะขณะนี้จากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก และ ความวุ่นวายของการเมืองไทย ทำให้ลูกค้าชาวต่างชาติลดจำนวนลง เชื่อว่า ทุก รพ.ต้องยอมหั่นลดกำไรลง 30-50% เพื่อประคองธุรกิจให้อยู่รอด

อย่างไรก็ตาม ต้องการให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของการเจรจากับรัฐบาลของประเทศที่มีรัฐสวัสดิการในรูปแบบ จี ทู จี โดยเสนอให้เขาสนับสนุนประชาชนให้เข้ามาตรวจสุขภาพและรักษาพยาบาลที่ประเทศไทย ใช้กลยุทธ์วิกฤตสร้างโอกาส ชูจุดขายของประเทศไทยที่ ค่าบริการไม่แพง แต่มีศักยภาพการให้บริการทางการแพทย์อยู่ในระดับสากลเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ หากรัฐบาลเป็นผู้นำร่อง ภาคเอกชนก็จะเข้าไปบุกตลาดได้ง่ายขึ้น

สำหรับ รพ.ปิยะเวท ปัจจุบันมีลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติราว 20-30% ของลูกค้าทั้งหมด ก่อเกิดรายได้เข้าองค์กรต่อปีในสัดส่วน 40% ของรายได้ทั้งหมด ลูกค้าตลาดหลักที่มาใช้บริการได้แก่ กลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง กลุ่มเอเชีย จีน ญี่ปุ่น กลุ่มยุโรป และอเมริกา ส่วนใหญ่เข้ามารักษาโรค มากกว่าทำศัลยกรรมความงาม แต่ยอมรับว่าจากวิกฤตเศรษฐกิจอาจทำให้ตลาดลูกค้าต่างชาติหายไป 10-20% โดยบางคนหันไปใช้บริการในประเทศอินเดีย ซึ่งมีค่าบริการที่ถูกกว่าไทยเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย สำหรับปีนี้ รพ.ปิยะเวท ตั้งเป้าเติบโตจากปีก่อน 7-10% ซึ่งเป็นการเติบโตที่ลดลงจากทุกปีจะโตเฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 10%

**รพ.กรุงเทพ เปิดโครงการไทยช่วยไทย***
ด้าน โรงพยาบาลกรุงเทพ นพ.ชาตรี ดวงเนตร ประธานคณะผู้บริหาร ศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า ล่าสุด ได้ออกโครงการ “ไทยช่วยไทยฝ่าวิกฤต” เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลโดยคิดค่าบริการรถพยาบาลฉุกเฉินทั่วไทย ในราคา 100 บาท นอกจากนี้ ยังมอบส่วนลดค่าห้องพักผู้ป่วยใน 50% และส่วนลด 10% สำหรับค่ายา ค่าเวชภัณฑ์ และค่าบริการอื่นๆ ใช้บริการได้ตั้งแต่วันนี้-30 มิถุนายน 2552
 
โครงการดังกล่าว จัดขึ้นเนื่องจากภาวะทางเศรษฐกิจในประเทศไทย มีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัว และมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวเช่นนี้ตลอดทั้งปี 2552 ทางโรงพยาบาลจึงสานต่อโครงการ “ไทยช่วยไทยฝ่าวิกฤต” ที่เคยจัดทำมาแล้วครั้งหนึ่ง และได้รับกระแสตอบรับดีถือเป็นหนึ่งในโครงการรับผิดชอบสังคมไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น