อะเมซิ่งไทยแลนด์แกรนด์เซล คึกคัก ผู้ประกอบการแห่ร่วมโครงการแน่นกว่า 2,000 ราย ททท.ใจดีไฟเขียวรับสมัครแบบไม่จำกัด หวังสร้างกระแสการจับจ่าย คาดเงินสะพัดกว่า 10,000 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนเท่าตัว ททท.เตรียมสร้างกิจกรรมหนุน เชิญสื่อต่างประเทศแข่งขันชอปปิ้ง เน้นกลุ่มเอเชีย หวังอานิสงส์ช่วยฟื้นตลาดกลับมาโดยเร็ว
นายอักกพล พฤกษะวัน รองผู้ว่าการด้านสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีภาคเอกชนสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการ อะเมซิ่งไทยแลนด์ แกรนด์เซล 2009 จำนวนมาก โดยคาดว่า จะมากกว่าทุกๆ ปีที่เคยจัดงานมา ทั้งนี้ เป็นผลจากสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมายิ่งฉุดให้สถานการณ์ท่องเที่ยวของไทยซบเซาหนักขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีผู้ประกอบการแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 2,000 ราย ได้แก่ กลุ่ม โรงแรมที่พัก ห้างสรรพสินค้า สปา กอล์ฟ บริษัทนำเที่ยว สายการบิน ผู้จำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับ โดยขณะนี้ก็ยังมีผู้ประกอบการติดต่อเข้ามาอีกเรื่อยๆ สำหรับการจัดโปรโมชั่นของผู้ขาย ส่วนใหญ่เน้นเรื่องการลดราคาตั้งแต่ 10-80% ซึ่งมากกว่าทุกปีที่จะลดสูงสุดเพียง 70% เท่านั้น โดยห้างสรรพสินค้าคือกลุ่มที่ลดสูงสุด 80%
“จำนวนผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการที่มากกว่าปีก่อนถึงเท่าตัว ทำให้ต่างต้องใช้กลยุทธ์ราคาเป็นสิ่งจูงใจลูกค้าให้มากกว่าเดิมและ ปีนี้ ททท.ก็เริ่มประชาสัมพันธ์โครงการเร็วขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวเร่งตัดสินใจเดินทางเข้ามาจับจ่ายในประเทศไทยในช่วงระหว่างที่จัดงาน มิถุนายน-สิงหาคมนี้”
ทั้งนี้ ประเมินว่า โครงการอะเมซิ่งไทยแลนด์แกนด์เซลปีนี้ จะสร้างรายได้เข้าประเทศได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนเท่าตัว ที่เคยสร้างได้ไว้ที่ 4,000-5,000 ล้านบาท
นายอักกพล กล่าวว่า ททท.ยินดีเปิดรับผู้ประกอบการที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ต่อไปเรื่อย เพราะถือเป็นการช่วยเหลือเอกชน แต่ที่ต้องปิดชั่วคราวช่วงปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เพราะเตรียมพิมพ์แผ่นพับวางแจกนักท่องเที่ยวภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งหากผู้ประกอบการจะเข้าร่วมหลังจากนี้ ททท.ก็สามารถนำข้อมูลโปรโมชั่นของผู้ประกอบการไปเพิ่มในเว็บไซต์ได้ตลอดเวลา แต่ถ้าผู้ประกอบการจัดพิมพ์โบรชัวร์มาเอง ททท.ก็ยินดีที่จะนำไปแจกจ่ายให้
ทางด้าน นายสันติชัย เอื้อจงประสิทธิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดต่างประเทศ ททท.กล่าวว่า การจัดโครงการ อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์เซล 2009 ปีนี้จะมีสีสันเพิ่มขึ้น ล่าสุด สั่งให้สำนักงาน ททท.ในต่างประเทศคัดเลือกตัวแทนสื่อต่างประเทศ หรือผู้แทนจากรายการโทรทัศน์ต่างประเทศ ให้มาเข้าร่วมแข่งขันชอปปิ้งในไทย วันที่ 1 ก.ค.นี้ ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาที่จัดโครงการ เน้นกลุ่มเป้าหมายตลาดเอเชีย เพราะระยะทางใกล้สามารถตัดสินใจเดินทางมาได้รวดเร็ว และพฤติกรรมก็ชอบการชอปปิ้งอยู่แล้ว ประเทศเป้าหมาย ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย เวียดนาม และไต้หวัน การแข่งขันชอปปิ้งครั้งนี้จะช่วยสะท้อนภาพประเทศไทยในย่านธุรกิจและชอปปิ้งได้ดีว่าเป็นปกติแล้วสามารถเดินทางเข้ามาเที่ยวได้
อย่างไรก็ตาม นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ททท. กล่าวว่า ภาพลักษณ์ประเทศไทยในเรื่องของการชอปปิ้งยังไม่โดดเด่นมากนัก ทำให้การจัดงานปีนี้จะต้องเพิ่มสีสันให้มากกว่าเดิม เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เห็นภาพของความเป็นศูนย์กลางการชอปปิ้งที่มีความหลากหลายทั้งสินค้าแบรนด์เนม และสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย รอคอยนักท่องเที่ยวมาจับจ่าย
นายอักกพล พฤกษะวัน รองผู้ว่าการด้านสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีภาคเอกชนสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการ อะเมซิ่งไทยแลนด์ แกรนด์เซล 2009 จำนวนมาก โดยคาดว่า จะมากกว่าทุกๆ ปีที่เคยจัดงานมา ทั้งนี้ เป็นผลจากสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมายิ่งฉุดให้สถานการณ์ท่องเที่ยวของไทยซบเซาหนักขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีผู้ประกอบการแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 2,000 ราย ได้แก่ กลุ่ม โรงแรมที่พัก ห้างสรรพสินค้า สปา กอล์ฟ บริษัทนำเที่ยว สายการบิน ผู้จำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับ โดยขณะนี้ก็ยังมีผู้ประกอบการติดต่อเข้ามาอีกเรื่อยๆ สำหรับการจัดโปรโมชั่นของผู้ขาย ส่วนใหญ่เน้นเรื่องการลดราคาตั้งแต่ 10-80% ซึ่งมากกว่าทุกปีที่จะลดสูงสุดเพียง 70% เท่านั้น โดยห้างสรรพสินค้าคือกลุ่มที่ลดสูงสุด 80%
“จำนวนผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการที่มากกว่าปีก่อนถึงเท่าตัว ทำให้ต่างต้องใช้กลยุทธ์ราคาเป็นสิ่งจูงใจลูกค้าให้มากกว่าเดิมและ ปีนี้ ททท.ก็เริ่มประชาสัมพันธ์โครงการเร็วขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวเร่งตัดสินใจเดินทางเข้ามาจับจ่ายในประเทศไทยในช่วงระหว่างที่จัดงาน มิถุนายน-สิงหาคมนี้”
ทั้งนี้ ประเมินว่า โครงการอะเมซิ่งไทยแลนด์แกนด์เซลปีนี้ จะสร้างรายได้เข้าประเทศได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนเท่าตัว ที่เคยสร้างได้ไว้ที่ 4,000-5,000 ล้านบาท
นายอักกพล กล่าวว่า ททท.ยินดีเปิดรับผู้ประกอบการที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ต่อไปเรื่อย เพราะถือเป็นการช่วยเหลือเอกชน แต่ที่ต้องปิดชั่วคราวช่วงปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เพราะเตรียมพิมพ์แผ่นพับวางแจกนักท่องเที่ยวภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งหากผู้ประกอบการจะเข้าร่วมหลังจากนี้ ททท.ก็สามารถนำข้อมูลโปรโมชั่นของผู้ประกอบการไปเพิ่มในเว็บไซต์ได้ตลอดเวลา แต่ถ้าผู้ประกอบการจัดพิมพ์โบรชัวร์มาเอง ททท.ก็ยินดีที่จะนำไปแจกจ่ายให้
ทางด้าน นายสันติชัย เอื้อจงประสิทธิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดต่างประเทศ ททท.กล่าวว่า การจัดโครงการ อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์เซล 2009 ปีนี้จะมีสีสันเพิ่มขึ้น ล่าสุด สั่งให้สำนักงาน ททท.ในต่างประเทศคัดเลือกตัวแทนสื่อต่างประเทศ หรือผู้แทนจากรายการโทรทัศน์ต่างประเทศ ให้มาเข้าร่วมแข่งขันชอปปิ้งในไทย วันที่ 1 ก.ค.นี้ ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาที่จัดโครงการ เน้นกลุ่มเป้าหมายตลาดเอเชีย เพราะระยะทางใกล้สามารถตัดสินใจเดินทางมาได้รวดเร็ว และพฤติกรรมก็ชอบการชอปปิ้งอยู่แล้ว ประเทศเป้าหมาย ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย เวียดนาม และไต้หวัน การแข่งขันชอปปิ้งครั้งนี้จะช่วยสะท้อนภาพประเทศไทยในย่านธุรกิจและชอปปิ้งได้ดีว่าเป็นปกติแล้วสามารถเดินทางเข้ามาเที่ยวได้
อย่างไรก็ตาม นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ททท. กล่าวว่า ภาพลักษณ์ประเทศไทยในเรื่องของการชอปปิ้งยังไม่โดดเด่นมากนัก ทำให้การจัดงานปีนี้จะต้องเพิ่มสีสันให้มากกว่าเดิม เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เห็นภาพของความเป็นศูนย์กลางการชอปปิ้งที่มีความหลากหลายทั้งสินค้าแบรนด์เนม และสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย รอคอยนักท่องเที่ยวมาจับจ่าย