xs
xsm
sm
md
lg

“เซ็นทรัล-มอลล์” เทหมดหน้าตักปรับแผนโหมอีเวนต์-ซบคนไทยชงรัฐ 4 ข้อกู้ภาพลักษณ์-ฟื้นเชื่อมั่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“เซ็นทรัลกรุ๊ป-เดอะมอลล์” ดิ้นสู้ หลังม็อบถ่อยเสื้อแดงถูกสลาย “เซ็นทรัล” ชงภาครัฐ 4 ข้อด่วน เร่งสร้างภาพลักษณ์ฟื้นเชื่อมั่นประเทศไทย ให้ 14 ประเทศปลดล็อกห้ามเที่ยวไทย เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ อัดการสื่อสารสลายกระแสข่าวบิดเบือน ยันมั่นใจสถานการณ์ เดินหน้าลงทุน 1.5 หมื่นล้านบาท ปรับแผนการตลาดเจาะคนไทย ทดแทนนักท่องเที่ยวต่างประเทศหด เพิ่มความถี่กิจกรรม-โปรโมชัน เท 100 ล.จับมือ ททท.ลุยโครงการอะเมซิ่งไทยแลนด์ แกรนด์เซล ส่งแพกเกจพิเศษเพิ่มมูลค่า ล่อใจนักท่องเที่ยว มั่นใจสิ้นปีโตตามเป้าหมาย ด้าน “เดอะมอลล์” ใส่เกียร์ลุย งัดแผนฉุกเฉิน ตัดกิจกรรมไม่ทำเงิน โหมอีเวนต์ทุกรูปแบบ ด้านฟิวเจอร์พาร์คทบทวนแผน ส่วนคาร์ฟูร์มั่นใจทุ่ม 4,000 ล้านบาท ผุดเพิ่ม 10 สาขา

นางสาวบุษบา จิราธิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายการสื่อสารองค์กร บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ สร้างผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างประเทศ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ ตลอดจนทำลายบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยของคนไทย แต่ขณะนี้สถานการณ์การเมืองประเทศไทยเริ่มคลี่คลายในทิศทางดีขึ้น อย่างไรก็ตามในฐานะภาคเอกชน ต้องการให้ภาครัฐเร่งสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยและเรียกความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ นักธุรกิจให้กลับคืนมาโดยเร็ว

โดยได้เสนอแนวทางการสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นแก่ประเทศไทย คือ 1.ภาครัฐควรเผยแพร่ข่าวสารให้กับต่างประเทศและประชาชนคนไทยอย่างชัดเจน และให้ 14 ประเทศปลดล็อกการประกาศเตือนหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าประเทศไทยโดยเร็ว 2.ภาครัฐเร่งนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3.เร่งการลงทุนทั้งในส่วนของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ 4.เพิ่มงบประมาณการสร้างภาพลักษณ์ให้ ททท.เพื่อสร้างภาพลักษณ์ และดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งจากตลาดเดิมและขยายตลาดใหม่ๆ ให้มาเที่ยวประเทศไทย ขณะที่ ททท.ควรมีการโปรโมทด้านท่องเที่ยวที่ชัดเจนจับต้องได้ ส่วนการประกาศเลิกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของทางภาครัฐ

นางสาวบุษบา กล่าวยกตัวอย่างว่า สถานการณ์แบบนี้ ภาครัฐอาจตั้งหน่วยงานหรือให้สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นหน่วยงานด้านการประชาสัมพันธ์แบรนด์ของประเทศ และควรมีสโลแกนของประเทศ ที่แสดงถึงความผาสุข ส่วนการเสนอวันหยุดราชการวันที่ 16-17 เมษายน ของทางภาครัฐถือว่าเป็นวันหยุดยาวสำหรับครอบครัว และสามารถสร้างอารมณ์การทำกิจกรรมร่วมกัน ก่อให้เกิดการจับจ่ายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ อยากให้สื่อมวลชนเผยแพร่ข่าวสารในแง่บวกเกี่ยวกับประเทศไทยให้มากขึ้น ส่วนในแง่ของประชาชน อยากให้ร่วมมือร่วมใจเที่ยวเมืองไทย ใช้สินค้าไทย และซื้อสินค้าภายในประเทศไทย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายภายในประเทศ

**กลุ่มเซ็นทรัลปรับแผนรักษายอด**
นางสาวบุษบา กล่าวว่า นโยบายด้านการตลาดกลุ่มเซ็นทรัลได้ปรับใหม่ เพื่อสร้างบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยและเรียกความเชื่อมั่นของผู้บริโภคให้กลับคืนมาโดยเร็ว วางแผนเพิ่มความถี่จัดกิจกรรมการตลาดและทำโปรโมชันมากขึ้น เริ่มจัดขึ้นสัปดาห์หน้า โดยปีนี้ทั้งปีทั้งกลุ่มเซ็นทรัลใช้งบการตลาดและโฆษณาทั้ 8,000 ล้านบาท ไม่ลดลงและตามแผนเดิม เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายคนไทยมากขึ้นจากสัดส่วน 60% เพิ่มเป็น 70% ส่วนนักท่องเที่ยวต่างประเทศลดลงจาก 40% เป็นเหลือ 30% ทั้งนี้เพื่อทดแทนจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง

“แผนเดิมที่บริษัทวางไว้นั้น อาจนำมาใช้ไม่ได้ เราต้องปรับและดำเนินการใหม่ เพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา สถานการณ์ตลาดก็ซึม เพราะวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศหมุนเวียนในห้างสรรพสินค้าลดลง 10-15% แต่ไตรมาส 2 -3 เป็นช่วงโลว์ซีซั่นอีกทั้งเดือนเมษายน ยังเกิดเหตุการณ์ชุมนุมเสื้อแดง คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่างแน่นอน”

สำหรับกิจกรรมในปีนี้ที่เป็นไฮไลต์ บริษัทได้ทุ่มงบ 100 ล้านบาท จับมือร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในโครงการอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์เซล 2552 ในระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคม โดยจัดแพกเกจพิเศษครั้งใหญ่ ทั้งในส่วนโรงแรม ศูนย์การค้า และห้างสรรพสินค้าร่วม นับเป็นครั้งแรกที่มีการจัดทำแพกเกจดังกล่าว และเป็นการร่วมกันของภาคเอกชนทั้งหมด ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับที่ฮ่องกงและสิงคโปร์จัดขึ้น แต่จากการเกิดเหตุการณ์ชุมนุมคงต้องมีสร้างมูลค่าเพิ่มแพกเกจมากขึ้น อีกทั้งยังจัดกิจกรรมต่อเนื่อง อาทิ เดือนเมษายน นี้ จัดงานคอนเสิร์ต Melody of Life โครงการหลวง การโปรโมตสินค้าไทยและวัฒนธรรมไทย แคมเปญเช็คช่วยชาติ เป็นต้น

ด้าน ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่มเซ็นทรัลไม่มีแผนชะลอการลงทุน โดยปีนี้ทุ่ม 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็น เซ็นทรัล รีเทลลงทุน 9,200 ล้านบาท เปิด 2 สาขา และเซ็นทรัล พัฒนา 5,600 ล้านบาท เปิดตัว 4โครงการใหม่ ซึ่งทำให้เกิดการสร้างงานกว่า 1 หมื่นตำแหน่ง ในส่วนนี้อยากให้ภาคเอกชนมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เม็ดเงินกระจายลงสู่ทุกอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตามจากการดำเนินการในเชิงรุก บริษัทมั่นใจว่า สิ้นปีนี้กลุ่มเซ็นทรัล พัฒนา เติบโต 25% จากรายได้ 9,300 ล้านบาท ส่วนเซ็นทรัล รีเทล โต 10-15% หรือมีรายได้ 93,920 ล้านบาท จากในไตรมาสแรกโต 4%

**เดอะมอลล์พร้อมแผนฉุกเฉิน
ด้าน นายไพบูลย์ กนกวัฒนาวรรณ ผู้บริหารสูงสุด ฝั่งห้างสรรพสินค้า สยามพารากอน บริษัท สยามพารากอน รีเทลลิ่ง จำกัด และ รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท เดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า การทำตลาดจากนี้ไป เดอะมอลล์คงต้องมุ่งเน้นทำทุกอย่าง ทุกรูปแบบที่สามารถสร้างเม็ดเงินและดึงลูกค้ากลับมาได้ ไม่ว่าจะเป็น การจัดกิจกรรม อีเวนต์ การลดแลกแจกแถม โปรโมชัน ซึ่งต้องแรงและโดนใจผู้บริโภคและมีความถี่มากขึ้นด้วย

“แผนงานในปีนี้วางกันมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ซึ่งบางอย่างที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจหรือไม่สามารถสร้างเม็ดเงินกลับมาได้มาก เราก็คงไม่ทำ ส่วนอะไรที่ไม่มีอยู่ในแผนเดิมแต่ว่าสถานการณ์บังคับให้ทำก็ต้องทำ เช่น เรื่อง เช็คช่วยชาติ 2,000 บาท ซึ่งเดิมไม่มีอยู่ในแผน แต่ก็มาทำกันในจังหวะเร่งด่วนทันที”

***ฟิวเจอร์พาร์คทบทวนแผนไตรมาสสอง

นางรัตนา อนันทนุพงศ์ ผู้อำนวยการด้านการตลาด บริษัท รังสิต พลาซ่า จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต กล่าวว่า ได้เตรียมแผนการตลาดรับมือไตรมาสที่ 2 ซึ่งก่อนเกิดเหตุการณ์ช่วงสงกรานต์ ประเมินว่าน่าจะดีขึ้น แต่หลังเหตุการณ์ความวุ่นวาย แผนการตลาดต่างๆเป็นสิ่งที่ทางฟิวเจอร์พาร์คต้องนำมาทบทวนเพื่อความไม่ประมาท โดยวางแนวทางทำอีเวนต์ที่สามารถรองรับกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม การทำการตลาดที่เจากลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น การสร้างความภักดีแบบโฟกัสกลุ่มลูกค้า มุ่งเน้นการสร้างลอยัลตี้ด้วยการให้บริการแบบเฉพาะกลุ่ม อาทิ การจัดโซนจอดรถเฉพาะที่เรียกว่า Lady Zone สร้างมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับลูกค้าสุภาพสตรี, ผู้สูงอายุ เป็นต้น

***คาร์ฟูร์ยันแผนลงทุนเดิม
นางสาวประภาพรรณ พลอยแสงงาม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นคาร์ จำกัด ผู้บริหารคาร์ฟูร์ กล่าวว่า บริษัทจะขยายสาขาใหม่อีก 7 สาขาภายใต้งบลงทุนรวม 4,000 ล้านบาทตามแผนงานที่วางไว้ เพราะเชื่อมั่นกำลังซื้อของประชาชนที่ยังต้องการจับจ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคอยู่ และคาร์ฟูร์จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในสัดส่วน 60% ของสินค้าที่วางจำหน่ายทั้งหมด ส่วนในช่วงต้นปีเปิดสาขาใหม่ไปแล้ว 3 สาขา คือ สาขาร่มเกล้า สาขาอุดรธานี และสาขาชลบุรี ตั้งเป้ายอดขายรวมทั้งปีโต 12%
กำลังโหลดความคิดเห็น