กลุ่มเซ็นทรัล ยักษ์ใหญ่ค้าปลีก-อสังหาฯ แนะรัฐลดภาษีมูลค่าเพิ่ม กระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ โดยหันไปเพิ่มภาษีบาป ทั้งเหล้า บุหรี่ เพราะยังมีช่องว่างเยอะ และยอดขายสูง กังวลวิกฤตรอบนี้ หนักกว่าต้มยำกุ้งปี 40 เตรียมออกหุ้นกู้ระดมเงิน 5 พันล้าน เดินหน้าการลงทุนตามแผนเดิม
นายสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีก โรงแรม อสังหาริมทรัพย์ ร้านอาหาร และค้าส่ง เปิดเผยว่า กลุ่มเซ็นทรัลอยากให้รัฐบาลมีมาตรการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากปัจจุบันที่เก็บอยู่ 7% เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น รวมถึงหามาตรการส่งเสริมภาคธุรกิจสำคัญๆ ที่รัฐบาลเห็นว่ามีความแข็งแกร่งโดยเฉพาะการท่องเที่ยว ด้วยการลดภาษีสำหรับภาคธุรกิจ อาทิ ภาษีนิติบุคคล และภาษีธุรกิจเฉพาะ (ภาษีบาป) เพื่อจูงใจให้นักลงทุนชาวต่างชาติหันกลับมาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น
ส่วนการลดภาษีทั้ง 2 ประเภทจะเป็นอัตราเท่าใดนั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องพิจารณาตามความเหมาะสม แต่เชื่อว่า หากดำเนินการดังกล่าว นายสุทธิเกียรติ เชื่อว่า จะข่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลกังวลว่าจะจัดเก็บรายได้ลดลงนั้น ก็สามารถไปเพิ่มการจัดเก็บภาษีในช่องทางอื่นมาทดแทนรายได้ของรัฐบาล โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่ม บุหรี่ เหล้า ซึ่งยังมีเพดานให้ปรับเพิ่มขึ้นได้อยู่ และยังเป็นสินค้าที่มียอดจำหน่ายสูงทั่วประเทศด้วย
ด้าน นายสุทธิชัย จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า แนวทางการดำเนินงานในปี 2552 บริษัทเตรียมงบลงทุน 19,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายโครงการต่างๆ แบ่งเป็นลงทุนในธุรกิจค้าปลีก 9,200 ล้านบาท อสังหาริมทรัพย์ 6,400 ล้านบาท ธุรกิจโรงแรม 2,900 ล้านบาท ร้านอาหาร 310 ล้านบาทและธุรกิจค้าส่ง 310 ล้านบาท โดยงบลงทุนในปีนี้ ใช้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ใช้งบลงทุนรวม 15,350 ล้านบาท
“การลงทุนของบริษัทส่วนใหญ่เป็นการลงทุนต่อเนื่องจากปี2551 ซึ่งคาดว่าจะทำให้มีการจ้างงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 8,000 คน โดยเฉพาะจากธุรกิจค้าปลีก จากปัจจุบันกลุ่มบริษัทมีการจ้างงานพนักงานประจำกว่า 30,000 คน”
ปีนี้กลัวสถานการณ์เศรษฐกิจจะแย่กว่าปี 2540 เพราะเราต้องพึ่งพาการส่งออก แต่คู่ค้าเราไม่มีกำลังซื้อ ขณะที่การท่องเที่ยวก็แย่ ส่วนการลงทุนจากต่างประเทศก็น้อยลง ซึ่งเจอทั้งพิษเศรษฐกิจโลก และการเมืองก็เป็นปัจจัยที่น่าห่วง แม้ว่าจะมีการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงนั้น หากไม่มีอะไรที่รุนแรง ก็คงไม่กระทบเท่ากับการปิดสนามบินเหมือนครั้งก่อน ขณะที่แนวโน้มจีดีพีทั้งปีนี้คาดว่าจะขยายตัวในอัตรา 0% แต่เชื่อว่า ครึ่งปีแรกคงติดลบตามคาดการณ์ของรัฐบาล และจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ปี 2552
นายปริญญ์ จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวอีกว่า บริษัท ซีพีเอ็น จำกัด (มหาชน) มีแผนที่จะออกหุ้นกู้ มูลค่า 5,000 ล้านบาท เพื่อสำรองการลงทุนในสภาวะเศรษฐกิจ ที่ไม่แน่นอน แต่ไม่ใช่ออกเพื่อใช้ขยายการลงทุนในโครงการใหม่ๆ ซึ่งการออกหุ้นกู้ดังกล่าวอาจดำเนินการหรือไม่ก็ได้ ขณะที่การลงทุนในปีนี้ บริษัทจะใช้กระแสเงินสดมากกว่าการขอสินเชื่อ
อย่างไรก็ตาม สำหรับการลงทุนของบริษัทในกลุ่มต้องมีความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในระหว่างการศึกษาโครงการ และรอโอกาสที่เหมาะสมในการลงทุน เช่น โครงการในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และสถานทูตอังกฤษ ซึ่งออกแบบโครงการเสร็จแล้ว แต่ต้องรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี ก่อนเดินหน้าก่อสร้าง
ขณะที่โครงการที่สวนลุมพินีนั้น รอเพียงการส่งมอบพื้นที่จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ส่วนการลงทุนในต่างประเทศ บริษัทก็มองหาโอกาสอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสนใจในอินเดีย เวียดนาม ซึ่งหากมีข้อเสนอที่ดี และมองเห็นความคุ้มค่าในการลงทุน ก็จะนำมาพิจารณา ขณะที่โครงการในประเทศจีนยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้ พร้อมยืนยันว่า จะไม่มีการชะลอแผนแต่อย่างใด