เซ็นทาราจับมือทุนนอกสยายปีกธุรกิจโรงแรม เปิดบัดเจ็ทโฮเทล หวังมีสินค้าครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ตอบสนองพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป ประเดิมปีแรกผุด 20 แห่งทั่วประเทศ เริ่มปี 2554 พร้อมแตกไลน์ เซ็นทาราลงจับระดับ 3-4 ดาว อัดเงินลงทุนรวมทั้งกรุ๊ปกว่า 3 พันล้าน ลงทุนทั้งธุรกิจโรงแรมและอาหารทั้งในและต่างประเทศ
นายสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางโรงแรมเตรียมร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติ เปิดเป็นบริษัทรับบริหารจัดการไปพร้อมกับการรุกธุรกิจโรงแรมในระดับ 2 ดาว หรือโรงแรมราคาประหยัด (บัดเจ็ท โฮเทล) เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้ได้เปลี่ยนพฤติกรรมในการเลือกพักโรงแรมที่ราคาประหยัดลง แต่เน้นเรื่องของความสะอาด และโลเกชันที่สะดวกสบาย อีกทั้งยังทำให้กลุ่มโรงแรมในเครือเซ็นทรัล มีสินค้าครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการตั้งชื่อแบรนด์ให้กับโรงแรมใหม่ รวมถึงการวางแผนด้านการบริหารจัดการโดยจะสรุปให้ทันปีนี้ ก่อนเริ่มแผนงานก่อสร้างในต้นปีหน้า โดยช่วงแรกคาดว่ากลุ่มเซ็นทรัลจะลงทุนเอง เพื่อสร้างแบรนด์ให้ได้รับรู้ในวงกว้าง ก่อนขยายออกสู่บริการรับบริหารจัดการ
“ประมาณปี 2554 จะเริ่มเปิดให้บริการโรงแรมภายใต้แบรนด์ใหม่นี้ประมาณ 20 แห่งทั่วประเทศไทย ซึ่งจะมีทั้งลงทุนก่อสร้างใหม่ การเทกโอเวอร์โรงแรมเก่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความเหมาะสม”
ทั้งนี้ เบื้องต้นตั้งไว้ว่า โรงแรมระดับ 2 ดาวนี้ รูปแบบการให้บริการจะคล้ายกับเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ คล้ายกับโรงแรม ไอบิส ของกลุ่มแอคคอร์ สถานที่ก็ต้องตั้งในย่านเมือง แหล่งชุมชน หรือแหล่งท่องเที่ยว ที่เดินทางได้สะดวก
นายสุทธิเกียรติ กล่าวอีกว่า กลุ่มเซ็นทารา อยู่ระหว่างการศึกษาเรื่องการแตกแบรนด์เซ็นทารา ลงสู่ระดับ 3 ดาว 4 ดาว จากปัจจุบันมีระดับ 5-6 ดาว เพื่อเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่มจากผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจโลก โดยมองวิกฤตเป็นโอกาสให้บริษัทสามารถขยายการลงทุนได้ เช่นการเทกโอเวอร์โรงแรมที่เจ้าของต้องการขายกิจการ หรือการใช้แบรนด์เซ็นทาราที่แข็งแกร่งนี้รุกตลาดรับบริหารจัดการให้แก่โรงแรมท้องถิ่น
ด้านแผนการลงทุน ปีนี้บริษัทตั้งงบประมาณไว้ที่ 3,200 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในธุรกิจโรงแรม 2,900 ล้านบาท โดยจะรับบริหารจัดการโรงแรมอีก 8 แห่งทั้งในและต่างประเทศ ในหลายโลเกชั่น เช่น เกาะสมุย เกาะพงัน อุดรธานี ขอนแก่น และที่เกาะมัลดีฟส์ เป็นต้น
นอกจากนั้น เตรียมเปิด เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา ในเดือน มิ.ย.นี้ และโรงแรมเซ็นทารา บีช รีสอร์ท ภูเก็ต ในกลางปี 2553 อีก 360 ล้านบาท ลงทุนในธุรกิจอาหาร ซึ่งปีนี้บริษัทได้เซ็นสัญญากับบริษัทในประเทศญี่ปุ่น เตรียมนำเข้าเบเกอรีแบรนด์ Beard papa’s ลงทุนเปิดเป็นเอาท์เลต 4 สาขา จับกลุ่มลูกค้าระดับบน ส่วนอีกหนึ่งแบรนด์อยู่ระหว่างการเจรจา
ส่วนงบที่เหลือ หรือประมาณ 800 ล้านบาท จะใช้รีโนเวทห้องพักในโรงแรมเซ็นทารา โซฟิเทล ลาดพร้าว คาดว่าจะใช้เวลานาน 2 ปี เพราะจะทยอยปรับปรุงที่ละชั้น
ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจโรงแรมตั้งเป้าอัตราเติบโตปีนี้ 10% กลุ่มอาหารโต 9% โดยรายได้รวมในปี 2551 มีจำนวนเงินรวม 8,170 ล้านบาท ผลประกอบการกำไรเติบโต 9% คิดเป็นเม็ดเงิน 434 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ที่มีกำไร 397 ล้านบาท อยู่ 41 ล้านบาท
นายสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางโรงแรมเตรียมร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติ เปิดเป็นบริษัทรับบริหารจัดการไปพร้อมกับการรุกธุรกิจโรงแรมในระดับ 2 ดาว หรือโรงแรมราคาประหยัด (บัดเจ็ท โฮเทล) เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้ได้เปลี่ยนพฤติกรรมในการเลือกพักโรงแรมที่ราคาประหยัดลง แต่เน้นเรื่องของความสะอาด และโลเกชันที่สะดวกสบาย อีกทั้งยังทำให้กลุ่มโรงแรมในเครือเซ็นทรัล มีสินค้าครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการตั้งชื่อแบรนด์ให้กับโรงแรมใหม่ รวมถึงการวางแผนด้านการบริหารจัดการโดยจะสรุปให้ทันปีนี้ ก่อนเริ่มแผนงานก่อสร้างในต้นปีหน้า โดยช่วงแรกคาดว่ากลุ่มเซ็นทรัลจะลงทุนเอง เพื่อสร้างแบรนด์ให้ได้รับรู้ในวงกว้าง ก่อนขยายออกสู่บริการรับบริหารจัดการ
“ประมาณปี 2554 จะเริ่มเปิดให้บริการโรงแรมภายใต้แบรนด์ใหม่นี้ประมาณ 20 แห่งทั่วประเทศไทย ซึ่งจะมีทั้งลงทุนก่อสร้างใหม่ การเทกโอเวอร์โรงแรมเก่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความเหมาะสม”
ทั้งนี้ เบื้องต้นตั้งไว้ว่า โรงแรมระดับ 2 ดาวนี้ รูปแบบการให้บริการจะคล้ายกับเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ คล้ายกับโรงแรม ไอบิส ของกลุ่มแอคคอร์ สถานที่ก็ต้องตั้งในย่านเมือง แหล่งชุมชน หรือแหล่งท่องเที่ยว ที่เดินทางได้สะดวก
นายสุทธิเกียรติ กล่าวอีกว่า กลุ่มเซ็นทารา อยู่ระหว่างการศึกษาเรื่องการแตกแบรนด์เซ็นทารา ลงสู่ระดับ 3 ดาว 4 ดาว จากปัจจุบันมีระดับ 5-6 ดาว เพื่อเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่มจากผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจโลก โดยมองวิกฤตเป็นโอกาสให้บริษัทสามารถขยายการลงทุนได้ เช่นการเทกโอเวอร์โรงแรมที่เจ้าของต้องการขายกิจการ หรือการใช้แบรนด์เซ็นทาราที่แข็งแกร่งนี้รุกตลาดรับบริหารจัดการให้แก่โรงแรมท้องถิ่น
ด้านแผนการลงทุน ปีนี้บริษัทตั้งงบประมาณไว้ที่ 3,200 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในธุรกิจโรงแรม 2,900 ล้านบาท โดยจะรับบริหารจัดการโรงแรมอีก 8 แห่งทั้งในและต่างประเทศ ในหลายโลเกชั่น เช่น เกาะสมุย เกาะพงัน อุดรธานี ขอนแก่น และที่เกาะมัลดีฟส์ เป็นต้น
นอกจากนั้น เตรียมเปิด เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา ในเดือน มิ.ย.นี้ และโรงแรมเซ็นทารา บีช รีสอร์ท ภูเก็ต ในกลางปี 2553 อีก 360 ล้านบาท ลงทุนในธุรกิจอาหาร ซึ่งปีนี้บริษัทได้เซ็นสัญญากับบริษัทในประเทศญี่ปุ่น เตรียมนำเข้าเบเกอรีแบรนด์ Beard papa’s ลงทุนเปิดเป็นเอาท์เลต 4 สาขา จับกลุ่มลูกค้าระดับบน ส่วนอีกหนึ่งแบรนด์อยู่ระหว่างการเจรจา
ส่วนงบที่เหลือ หรือประมาณ 800 ล้านบาท จะใช้รีโนเวทห้องพักในโรงแรมเซ็นทารา โซฟิเทล ลาดพร้าว คาดว่าจะใช้เวลานาน 2 ปี เพราะจะทยอยปรับปรุงที่ละชั้น
ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจโรงแรมตั้งเป้าอัตราเติบโตปีนี้ 10% กลุ่มอาหารโต 9% โดยรายได้รวมในปี 2551 มีจำนวนเงินรวม 8,170 ล้านบาท ผลประกอบการกำไรเติบโต 9% คิดเป็นเม็ดเงิน 434 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ที่มีกำไร 397 ล้านบาท อยู่ 41 ล้านบาท