“กอร์ปศักดิ์” เผยที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ เห็นชอบรูปแบบในการใช้เช็คขีดคร่อม เพื่อจ่ายเงิน 2 พันบาท เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพผู้มีรายได้น้อย 8 ล้านราย โดยจ่ายผ่านนายจ้าง ส่วนผู้ที่ไม่ได้เป็นลูกจ้างให้ไปขอเบิกเอง พร้อมมอบกระทรวงแรงงาน เป็นเจ้าภาพในการออกเช็ค โดยคิดค่าใช้จ่าย 40 ล้านบาท มั่นใจไม่รั่วไหล เพราะเมื่อเจ้าของนำเช็คไปใช้ ต้องเซ็นสลักหลังเช็ค 2 ชื่อ และหลีกเลี่ยงการจัดส่งทางไปรษณีย์
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ โดยระบุว่า ที่ประชุมวันนี้ ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับแนวทางการจ่ายเงินค่าครองชีพให้แก่ผู้มีรายได้น้อย 2,000 บาทต่อราย โดยรัฐบาลจะดำเนินการจ่ายโดยกระทรวงแรงงาน เป็นผู้ออกเช็คขีดคร่อม พร้อมระบุชื่อเจ้าของผู้ได้รับสิทธิ เพื่อให้ผู้ได้รับเช็คสามารถนำไปใช้ซื้อสินค้าและบริการ ตามร้านต่างๆ ที่ร่วมโครงการ หรือนำไปเข้าบัญชี เพื่อเบิกเป็นเงินสดไว้ใช้จ่ายภายหลังได้
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวถึงขั้นตอนในการจัดส่งเช็ก สำนักงานประกันสังคม จะประสานงานเพื่อจัดส่งเช็คผ่านไปยังนายจ้าง หรือผู้ประกอบการ ส่วนผู้ประกันตนที่ไม่ได้อยู่ในระบบนายจ้าง ลูกจ้าง ตามมาตรา 39 สามารถขอรับเช็คได้ด้วยตนเอง โดยกระทรวงแรงงาน เริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่ 26 มีนาคม 2552 ถึงเดือนเมษายน 2552
“ครม.ได้ข้อสรุปว่า ควรจ่ายเป็นเช็ก ระบุชื่อ เมื่อนำไปใช้ ก็ให้เจ้าของเซ็นสลักหลังเช็ก 2 ชื่อ เพื่อป้องกันการรั่วไหล พยายามหลีกเลี่ยงที่จะจัดส่งทางไปรษณีย์”
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ประชาชนที่ได้รับเช็กดังกล่าวแล้ว เชื่อว่า จะไม่มีปัญหาในการใช้เช็ก แม้จะเป็นเช็กไม่มีกำหนดวันหมดอายุ และเชื่อว่า ประชาชนคงไม่มีการเก็บเช็กไว้กับตัว โดยไม่นำไปขึ้นบัญชีหรือไปใช้จ่าย
“ผมไม่เชื่อว่า ประชาชนคงไม่มีการนำเช็กไปขายลด ตามที่มีกระแสข่าวว่า จะมีผู้ตั้งโต๊ะรับซื้อเช็กจากประชาชน เพราะประชาชนที่ได้รับสิทธิ หากนำเงินไปเข้าบัญชี จะได้รับเงินเต็มจำนวน ไม่จำเป็นต้องนำไปขายลดราคา”
สำหรับความร่วมมือจากภาคเอกชน เชื่อว่า มีข่าวออกมาว่าจะมีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 20,000 ล้านบาท เชื่อว่า ภาคเอกชนคงมีมาตรการตอบรับเช่นกัน เท่าที่ทราบ ผู้ประกอบการบางราย อาทิ เจ้าของสวนสนุก ประกาศว่า ยินดีจะให้มูลค่าเพิ่มเป็น 4 พันบาท สำหรับผู้ที่นำเช็คไปใช้บริการ
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงาน จะสั่งจ่ายเช็คให้ผู้ได้รับสิทธิ จำนวน 8 ล้านราย โดยรัฐบาลจัดสรรงบประมาณ 40 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าบริการจัดการของกระทรวง