ครม.เศรษฐกิจ เร่งถกมาตรการใช้เงิน 2 พัน “อภิสิทธิ์” นั่งหัวโต๊ะประชุม คาดได้ข้อสรุปวันนี้ รมว.แรงงาน ยันไม่มีเกาเหลา 3 รัฐมนตรี แต่การยกเลิกระบบเงินสด เพราะมีบัญชีแค่ 1 ล้านราย แต่การจ่ายเช็ค สามารถเปิดบัญชีใหม่ได้ ขณะที่ สปส.หวั่นทำเช็คหายโดนเล่นงานอ่วม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ วันนี้ โดยมีหลายวาระสำคัญที่น่าสนใจเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะความชัดเจนในการแจกเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย 2,000 บาท ซึ่งมีความวุ่นวายในเรื่องของการจ่ายเงินในรูปเงินลด หรือเช็ค คาดว่า จะได้ข้อสรุปในวันนี้ นอกจากนี้ ยังมีวาระการแจกเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ รวมถึงปัญหาด้านแรงงาน
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 2 ในวันนี้ ที่ประชุมจะมีการหารือเกี่ยวกับเรื่องเช็ค 2,000 บาท ที่รัฐบาลจะแจกจ่ายให้กับประชาชน โดยจะมีการพูดถึงรายละเอียด และมีการสอบถามภาคเอกชนถึงการหาทางร่วมมือกันเพื่อจูงใจประชาชนในการนำเช็คดังกล่าวไปใช้ เช่นอาจจะร่วมกันกับห้างร้านต่างๆ ประชาสัมพันธ์ ให้ส่วนลดราคาสินค้าจากการใช้เช็คดังกล่าว พร้อมยืนยันว่า ต้องได้ข้อสรุปในวันนี้
โดยวานนี้ นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวระหว่างการสัมมนาผู้บริหารกระทรวงแรงงานและประกันสังคม (สปส.) จังหวัดจากทั่วประเทศในเรื่องการเตรียมความพร้อมในการจ่ายเงิน 2,000 บาท โดยระบุว่า เรื่องนี้เป็นเร่งด่วนตามนโยบายของรัฐบาลเพราะต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียน
ขณะนี้ การจ่ายเงินได้ข้อยุติแล้วว่า จะจ่ายเป็นเช็ค โดยต้องระดมจ่ายเช็คให้ถึงผู้ประกันตนไม่เกินวันที่ 8 เมษายน 2552 ซึ่งอาจมี 3 ทางเลือกในการจัดส่งเช็ค คือ 1.ส่งถึงสถานประกอบการโดยตรง 2.ให้ผู้ประกันตนมารับที่ สปส.และ 3.ส่งทางไปรษณีย์ ประกอบกับขณะนี้ยังมีหลายฝ่ายให้ความเห็น โดยเฉพาะ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ที่อยากให้เงิน 2,000 บาท มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีก โดยห้างและร้านต่างๆ อาจลดราคา นอกจากได้ของราคาถูกแล้วอาจได้เงินสดกลับมา
“เดิมทีเดียวคิดว่าวิธีการโอนเข้าบัญชีดีและเร็วที่สุด แต่ทราบว่า ขณะนี้ สปส.มีบัญชีอยู่ในมือ 1.2 ล้านคน จาก 8 ล้านคน ทำให้จำนวนคนที่เหลืออาจต้องบังคับให้เปิดบัญชี ซึ่งก็อาจจะทำให้เงินออกมาล่าช้า ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ต้องการให้นำเงินออกมาใช้ให้เร็วสุดตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2552 ถึงต้นเดือนเมษายน 2552 ส่วนที่บอกว่าเป็นเกาเหลา 3 รัฐมนตรีขัดแย้งกัน อันที่จริงไม่ใช่ ซึ่งตอนแรกผมไม่เข้าใจเรื่องของบาร์โค้ด ทำให้ต่างคนต่างคิด ไม่ใช่เป็นเรื่องของความขัดแย้ง”
นายปั้น วรรณพินิจ เลขาธิการ สปส.กล่าวว่า มีประเด็นคำถามให้ทุกคนกันช่วยคิด คือ 1.จะส่งรายชื่อผู้ประกันตนกว่า 8 ล้านคนแล้วเสร็จเมื่อใด 2.การวางแผน โดยเฉพาะการกระจายเช็คจะทำอย่างไร 3.การเตรียมหลักฐานไว้ตั้งรับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) รอรับการตรวจสอบ เพราะหากต้องการจ่ายเช็คในวันที่ 26 มีนาคม 2552 ก็ต้องมีการวางฎีกาอย่างช้าสุดวันที่ 18 มีนาคม 2552 แต่อาจมีการขยับได้บ้าง
“เมื่อเปลี่ยนแปลงจากจ่ายผ่านธนาคารเป็นระบบจ่ายเช็ค ทำให้ สปส.ต้องทำงานย้อนศร เพราะต้องนำรายชื่อและเลขบัญชีธนาคารที่สมบูรณ์สุดให้ธนาคาร โดยเงื่อนไขของธนาคารกรุงไทย บอกว่า พิมพ์เช็ค 8 ล้านใบ ต้องใช้เวลา 1 เดือน แต่ธนาคารไทยพาณิชย์ บอกว่าพิมพ์เช็ค 1 ล้านใบต่อ 1 วัน คำถามคือ เราจะเตรียมบัญชีรายชื่อเสร็จได้เมื่อใด สำหรับจังหวัดขนาดเล็กก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่จังหวัดใหญ่มีปัญหาแน่ เช่น เขต 8 เขตคลองเตย บางนา ประเวศ พระโขนง วัฒนา และ สวนหลวง มีผู้ประกันตน 400,000 คน จ.ปทุมธานี และ จ.สมุทรปราการ มีผู้ประกันตน 300,000 คน จึงต้องทำงานหนัก เนื่องจากการเซ็นกำกับคือหลักฐานที่ สตง.ตรวจ ทุกขั้นตอนต้องมีหลักฐาน หายแค่ใบเดียวก็ต้องมีการตรวจสอบ สุดท้ายต้องควบคุมและเก็บหลักฐานให้ สตง.ตรวจ” นายปั้น กล่าว
รายงานข่างแจ้งว่า ประกันสังคมจังหวัดและผู้บริหาร สปส.หลายคนต่างรู้สึกหนักใจจากการที่รัฐบาลเปลี่ยนแปลงระบบการจ่ายเงินผ่านธนาคารมาเป็นเช็ค เนื่องจากการบริหารจัดการค่อนข้างยุ่งยาก แม้ นายกอร์ปศักดิ์ อ้างว่า มีการสแกนรายเซ็นแทนการเซ็นชื่อทีละใบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ทำให้ประหยัดเวลาลง ที่สำคัญในการนำเช็คไปแจกต้องมีการตรวจสอบรายชื่อให้แน่นอนทีละคน ซึ่งต้องใช้เวลา และหากจ่ายผิดหรือจ่ายผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติก็อาจทำให้เจ้าหน้าที่ถูก สตง.สอบได้