กบข.แจงสมาชิก ผลตอบแทนปี 51 ติดลบ 5.12% ถือเป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 12 ปี อ้างเป็นไปตามภาวะตลาด หลังเจอวิกฤตการเงินครั้งรุนแรง มั่นใจปี 52 กู้สถานการณ์ผลตอบแทนกลับมาเป็นบวกได้
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ได้เปิดเผยต่อข้อสอบถามของสมาชิกถึงผลการดำเนินงานในรอบปี 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏว่าผลตอบแทนการลงทุนของ กบข.ปี 2551 ติดลบร้อยละ 5.12 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปีตั้งแต่จัดตั้งกองทุน ซึ่งหากพิจารณาผลการดำเนินงาน กบข.ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อการเกษียณอายุแล้ว ควรต้องพิจารณาโดยเทียบกับกองทุนที่มีเป้าหมายการลงทุนเช่นเดียวกัน ได้แก่ กองทุนบำนาญในต่างประเทศ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
ทั้งนี้ หากดูผลการดำเนินงานของกองทุนบำนาญในต่างประเทศปี 2551 ที่ผ่านมา ให้ผลตอบแทนติดลบร้อยละ 12.32-26.94 ขณะที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพในไทยให้ผลตอบแทนติดลบร้อยละ 3-10 โดยขึ้นอยู่กับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นว่ามีมากน้อยเพียงใด เช่นเดียวกับกองทุน RMF ที่มีนโยบายลงทุนหุ้นให้ผลตอบแทนติดลบร้อยละ 25.77-56.36 ส่วนกองทุน RMF ที่ลงทุนแบบผสมให้ผลตอบแทนติดลบร้อยละ 7.43-42.97
“หากมองเปรียบเทียบแล้ว การที่ กบข.มีผลตอบแทนจากการลงทุนติดลบร้อยละ 5.12 ในปีที่ผ่านมา ต้องถือว่าน้อยมาก เพราะผลกระทบของวิกฤตการณ์เงินครั้งนี้ รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเกิดมา และทุกคนทั่วโลกได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน แต่ยืนยัน กบข.ยังมีผลงานที่ดีส่วนหนึ่งจากการจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เข้ามาทดแทนอย่างเหมาะสม”
สำหรับผลตอบแทนของ กบข.ระยะยาวตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมาอยู่ที่ร้อยละ 7.04 ต่อปี ผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี (ปี 2547-2551) อยู่ที่ร้อยละ 3.15 ต่อปี ย้อนหลัง 3 ปี (2549-2551) อยู่ที่ร้อยละ 2.34 และคาดว่า ในปีนี้ผลตอบแทนการลงทุนจะกลับมาเป็นบวกที่ระดับร้อยละ 4-5 ต่อปี
เลขาธิการคณะกรรมการ กบข.กล่าวอีกว่า ผลตอบแทน กบข.ปีที่ผ่านมาที่ติดลบ เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น หากสมาชิกดูในใบแจ้งยอด ผลตอบแทนที่ติดลบเป็นรายการส่วน “ผลประโยชน์” ที่เคลื่อนไหวระหว่างปี ซึ่งจะไปกระทบยอดผลประโยชน์ยกมาเท่านั้น แต่ไม่กระทบส่วนของ “เงินต้น” ของสมาชิกส่วนใหญ่ของ กบข.เลย เสมือนหนึ่งการขาดทุนกำไรเท่านั้น เพราะผลการดำเนินงานของ กบข.ในอดีต มีบางปีที่มีผลตอบแทนสูงมากเช่นเดียวกัน เว้นแต่สมาชิกที่เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิก กบข.ปี 2551 เท่านั้น