แอคทีฟ ถอดใจถ้ารัฐบาลตัดสินใจปิดอีลิทการ์ด เชื่อรัฐบาลจะหาทางออกที่ดีที่สุดให้ เผยขณะนี้เร่งชี้แจงให้ลูกค้าสมาชิกได้รับทราบประวิงเวลาให้รอผลตัดสินอีก 2 สัปดาห์หน้า ชี้สมาชิกส่วนใหญ่มองว่าเป็นเหตุผลทางการเมือง และการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล หวั่นโครงการอื่นๆที่ออกโดยรัฐบาลไทยจากนี้ต่อไปจะขาดความน่าเชื่อถือ ด้าน"วีระศักดิ์"ยังมึนแนะทุกฝ่ายศึกษาข้อมูลและผลการศึกษาจาก ค.ต.ป. ก่อนเปิดเวทีตัดเชือก
นางสุนทรี จันทร์ประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอคทีฟ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายบัตรไทยแลนด์ อีลิท เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างติดต่อกับสมาชิกบัตรอีลิท ที่เป็นลูกค้าซื้อสมาชิกผ่านมาทางบริษัทแอคทีฟ โดยชี้แจงข้อเท็จจริงให้สมาชิกได้รับทราบว่า เป็นการตั้งคำถามเบื้องต้นของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯไปศึกษาว่าหากต้องปิดกิจการของอีลิทการ์ดจะเกิดผลกระทบเช่นใด พร้อมแนวทางการรับมือ โดยให้เวลา 2 สัปดาห์นับจากนี้ ซึ่งผลจะเป็นอย่างไรบริษัทจะแจ้งให้ลูกค้าได้ทราบอีกครั้ง
และขณะนี้เอง บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี)ผู้ดูแลโครงการบัตรอีลิท ก็อยู่ระหว่างการจัดทำแผนการทำงานและผลกระทบหากต้องปิดกิจการ เพื่อเสนอต่อบอร์ดททท.และกระทรวงการท่องเที่ยวฯ
ทั้งนี้ยอมรับว่าจากการติดต่อไปยังลูกค้าสมาชิก พบว่าทุกรายสนใจกับประเด็นข่าวการปิดอีลิทการ์ดมาก แต่ เกือบ 50% มองว่าเป็นเหตุผลทางการเมือง มากกว่าเรื่องผลการดำเนินงานขาดทุน เพราะเขาทราบดีว่าประเทศไทยมีการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล ดังนั้นจึงต้องมีการนำหลายๆโครงการที่รัฐบาลชุดก่อนทำไว้กลับมาพิจารณาอีกครั้ง
แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่า หากรัฐบาลเห็นข้อมูลและแผนของทีพีซีแล้ว ยืนยันที่จะปิดบริษัท ก็คงต้องเคารพการตัดสินใจ และเชื่อว่ารัฐบาลจะต้องมีทางออกที่ดี และให้ความระมัดระวังให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด
สำหรับสมาชิกท่าจะได้รับผลกระทบ และมีความกังวลสูงกับข่าวการปิดกิจการทีพีซี คือ กลุ่มสมาชิกที่ใช้สิทธิมาซื้อที่อยู่อาศัยที่ประเทศไทย ซึ่งมีจำนวนมากที่ จ.ภูเก็ต โดยมาจากหลายประเทศแถบยุโรป เช่น สวิสเซอร์แลนด์ สแกนดิเนเวีย และอังกฤษ เป็นต้น คนกลุ่มนี้เกือบทั้งหมด ได้ขายบ้านที่ประเทศของตัวเอง และมาซื้อบ้านอยู่ที่ประเทศไทย หากยกเลิกโครงการ เขาเกรงว่าสิทธิประโยชน์นี้จะถูกยึดคืน และเขาก็ไม่มีที่อยู่อาศัย
อย่างไรก็ตาม ไม่กังวลหากรัฐบาลจะปิดกิจการของอีลิทการ์ด แต่ห่วงว่าในอนาคตหากรัฐบาลไทยจะออกโครงการใหม่ๆ ระดับประเทศออกมาอีก ก็คงไม่มีใครเชื่อถือ เพราะการตัดสินใจซื้อบัตรอีลิทการ์คของลูกค้า กลุ่มหนึ่งก็เพราะเข้ามั่นใจคิดว่าเป็นโครงการของรัฐบาลไทย ต้องมั่นคง โดยลูกค้าของอีลิท มีมาจากกว่า 63 ประเทศทั่วโลก ส่วนตัวแทนจำหน่าย(เอเยนต์ในต่างประเทศ) หากปิดกิจการอีลิทการ์ด เชื่อว่าอาจมีการฟ้องร้อนค่าเสียหาย เพราะหลายหลาย เช่นในประเทศเกาหลี ได้ลงทุนตกแต่งออฟฟิศ เป็นเงินจำนวนมาก ประกอบกับระยะหลัง ไม่สามารถขายสมาชิกใหม่ได้ เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจภายในของเกาหลี ค่าเงินบาทแข็ง ข่าวด้านลบที่ออกมาเสมอ ทำให้บริษัทเหล่านั้นไม่สามารถจำหน่ายบัตรให้แก่ลูกค้ารายใหม่ได้
ทางด้านนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานบอร์ดททท. กล่าวว่า เพิ่งกลับจากต่างประเทศ ได้รับรู้ข่าวอีลิทบ้างแล้วจากทางโทรศัพท์ แต่ยังไม่ได้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม แต่เชื่อว่าอีลิทการ์ดเป็นเรื่องระดับนโยบาย ดังนั้นจึงต้องการให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะรัฐบาลมีการศึกษาข้อมูลโครงการบัตรอีลิท รวมถึงรวบรวมผลการศึกษาของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ( ค.ต.ป.) ให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยมาหาลือบนพื้นฐานข้อมูลเดียวกัน เพื่อร่วมกันตัดสินใจว่าจะหาทางออกให้แก่ไทยแลนด์อีลิทอย่างไร