ผู้บริหาร ปตท.ยอมรับ คาดการณ์ตลาดน้ำมันผิดพลาด เจ๊งลงทุนสตอกน้ำมันล่วงหน้า-แบกต้นทุนหลังแอ่น หลังราคารูดจาก 147 ดอลลาร์/บาเรล ลงเหลือ 30-40 ดอลลาร์/บาเรล กระทบผลกำไรปี 51 และการจ่ายเงินปันผล ส่วนการปรับราคาขายปลีกในประเทศ ต้องรอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีที่มีแรงขายหุ้นกลุ่ม ปตท.อย่างหนักในช่วงนี้ หลังมีข่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2551 ปตท.จะขาดทุน 12,000 ล้านบาท โดยยอมรับว่า กำไรปี 2551 ของ ปตท.จะลดลงกว่าปี 2550 แน่นอน แต่จะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ที่จะประกาศในเร็วๆ นี้
นายประเสริฐ ระบุว่า สาเหตุการขาดทุนดังกล่าว เกิดจากการสั่งซื้อน้ำมันล่วงหน้าเข้ามาในสตอกเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้น ราคาน้ำมันในตลาดโลก ก็ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วจากระดับ 140-150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 30-40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นขาดทุนมากในไตรมาส 4 เพราะเก็บน้ำมันสำรองในราคาที่สูง
"ผมเชื่อว่า สถานการณ์น้ำมันในปี 2552 น่าจะดีขึ้น เนื่องจากฐานราคาน้ำมันสำรองในตลาดโลกต่ำกว่าปลายปีที่แล้ว แต่ยังคงต้องระมัดระวังในช่วงครึ่งปีแรก และผลจากการที่ ปตท.กำไรลดลงทำให้เงินนำส่งเข้ารัฐลดลงตาม รวมถึงการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานรอบปี 2551 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาวะการลงทุน"
ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันในประเทศ นายประเสริฐ ระบุว่า ปตท.คงต้องติดตามราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์อีกระยะหนึ่ง หากปรับลดลง ปตท.ก็พร้อมปรับราคาขายปลีกลงตาม โดยค่าการตลาดอยู่ประมาณ 1 บาทเศษๆ ถือว่าไม่สูงมาก โดยราคาน้ำมันเบนซินสำเร็จรูปอยู่ที่ระดับ 47-48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และดีเซลอยู่ที่ระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล