ไก่ย่างห้าดาว สบช่องคนงานตกงาน หลังวิกฤตปิดโรงงาน ทุ่ม 120 ล้านบาท สร้างแบรนด์ อัดฉีดตลาด รองรับ หวังขายแฟรนไชส์มากขึ้น ตั้งเป้าปีนี้ 450 ราย พร้อมหั่นราคาสินค้าขายลง 20% เพิ่มความถี่ในการซื้อ คาด สิ้นปีรายได้ 4,000 ล้านบาท โต 15%
นายสถิต สังขนฤบดี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพีเอฟ ผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ผู้บริหาร ผู้ผลิตและจำหน่ายไก่ย่างห้าดาว เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทตั้งงบการตลาดและการสร้างแบรนด์ไว้ 120 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ใช้ 100 ล้านบาท เพื่อทำการโปรโมตแบรนด์ เพื่อรองรับกับผู้ที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ของไก่ย่างห้าดาวมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็จะโปรโมตและนำเสนอเมนูใหม่ๆ ออกมาต่อเนื่อง
เนื่องจากผลพวงจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมา มีหลายอุตสาหกรรมที่ประกาศเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดภาวะตกงาน อีกทั้งกำลังซื้อที่ลดลงของผู้บริโภค จึงทำให้เป็นโอกาสของไกย่างห้าดาวที่จะขายแฟรนไชส์ได้ง่ายขึ้น
ปัจจุบันไก่ย่างห้าดาวมีอาหารหลายรูปแบบทั้งไก่ทอด ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู แฮมเบอร์เกอร์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย อีกทั้งเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้ที่สนใจได้เลือกลงทุนหลากหลายมากขึ้นด้วย แทนที่จะลงทุนขายแต่ก๋วยเตี๋ยวเท่านั้น โดยที่ลงทุนแบบนั้นต้องใช้เงินลงทุนสูงกว่า 5 หมื่นบาท เมื่อเทียบกับไก่ย่างห้าดาวที่บริษัทจะให้ยืมอุปกรณ์ ตู้ย่าง ตู้ทอด รวมมูลค่ากว่า 2 แสนบาท ฟรีๆ ซึ่งเราเชื่อว่าตรงนี้เราจะดึงคนมาซื้อแฟรนไชส์ได้
โดยบริษัทตั้งเป้าหมายว่า ในปีนี้จะมีผู้ซื้อแฟรนไชส์ไก่ย่างห้าดาวประมาณ 450 ราย จากปัจจุบันที่มีร้านไก่ย่างห้าดาวกระจายอยู่ประมาณ 3,200 แห่งทั่วประเทศ ที่เป็นแฟรนไชส์ทั้งหมด และคาดว่า ภายในสิ้นปีนี้จะมีรายได้รวม 4,000 ล้านบาท หรือเติบโต 15% จากปีก่อนที่แล้วที่มีรายได้ 3,500 ล้านบาท เติบโตประมาณ 20% จากปี 2550
ล่าสุด ได้จัดโปรโมชัน เพื่อลดภาระค่าครองชีพระหว่างวันที่ 16 ม.ค.-28 ก.พ.จำหน่ายไก่ย่างพริกไทยดำ จิ้มแจ่ว ขนาดครึ่งตัวราคา 55 บาท จากปรกติราคา 67 บาท หรือไก่ย่างรสต้นตำรับ ราคา 99 บาท ปกติราคา 109 บาท โดยเฉลี่ยแล้วลดลงประมาณ 20% เพื่อที่จะเพิ่มอัตราความถี่ในการซื้อของผู้บริโภค ซึ่งขณะนี้กลุ่มผู้บริโภคของไก่ย่างห้าดาวแบ่งเป็น ระดับบี 50% กลุ่มมีรายได้ระดับสูง 25% และรายได้ระดับซี 25%
ผลจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ ส่งผลให้เกิดการเลิกจ้างงานในหลายอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤกติจนถึงขั้นต้องปิดตัวลงไปหลายแห่ง ทำให้ผู้คนเกิดความไม่มั่นใจในสถานการณ์ดังกล่าว และหลายคนเริ่มอยู่ในภาวะว่างงาน จึงถือเป็นโอกาสที่ดีธุรกิจแฟรนไชส์ ไก่ย่างห้าดาวอีกครั้ง
“ในการดึงคนให้ที่ตกงาน หรือต้องการรายได้เสริมเข้ามาร่วมทำธุรกิจธุรกิจแฟรนไชส์ ไก่ย่างห้าดาว ซึ่งปัจจุบันมีรูปแบบที่หลายหลายทั้งไก่ทอด ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู และแฮมเบอร์เกอร์ ให้เลือกได้หลายหลายตามความสนใจ ของผู้สนใจลงทุนในแต่ละพื้นที่ แทนที่จะลงทุนขายก๋วยเตี๋ยว ซึ่งใช้งบลงทุนสูงกว่า 4-5 หมื่นบาท ในขณะที่เราให้ยื่มอุปกรณ์ตู้ย่าง ตู้ทอด อุปกรณ์ต่างๆ คิดเป็นมูลค่า 2 แสนบาทฟรีๆ”
นายสถิต กล่าวและว่า จากแนวโน้มดังกล่าว ทำให้ปีนี้ได้เพิ่มงบการทำตลาดเป็น 120 ล้านบาท จากปีก่อนที่ใช้ 100 ล้านบาท เพื่อโปรโมตแบรนด์ให้กับผู้สนใจเข้ามาร่วมลงทุนพร้อมกับนำเสนอเมนูใหม่ให้กับกลุ่มผู้บริโภค อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยในช่วงที่ผ่านมากลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายของไก่ย่าง 5 ดาว ได้ขยับขึ้นมาเป็นกลุ่มที่มีรายได้ระดับบี คิดเป็นสัดส่วน 50% ส่วนที่เหลือ 25% เป็นกลุ่มที่มีรายได้สูง และอีก 25% เป็นกลุ่มที่มีรายได้ระดับ ซี
“เราจึงมั่นใจว่า ผลจากวิกฤตเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจไก่ย่างห้าดาวไม่มากนัก เพราะฐานลูกค้ายังคงมีกำลังซื้ออยู่พอสมควร ขณะเดียวกัน คาดว่า จะมีกลุ่มที่สนใจเข้ามาซื้อแฟรนไชส์ไก่ย่างห้าดาว ไม่ต่ำกว่า 450 รายในปีนี้ จากปัจจุบันที่มีแฟรนไชส์อยู่ 3,200 แห่งทั่วประเทศ”
นายสถิต กล่าวต่อว่า ขณะนี้ไก่ย่างห้าดาวได้จัดโปรโมชันพิเศษ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพของผู้บริโภคในระหว่าง วันที่ 16 มกราคม ถึง 28 กุมภาพันนี้ ซึ่งถือเป็นช่วงโลว์ซีซัน โดยจำหน่ายไก่ย่างพริกไทยดำ, จิ้มแจ๋วขนาดครึ่งตัวราคา 55 บาท จากปกติราคา 67 บาท หรือไก่ย่างรสต้นตำรับในราคาเพียง 99 บาท จากปกติ 109 บาท เฉลี่ยลดราคาลง 20% ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความถี่ในการบริโภคเพิ่มขึ้น ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจไม่ดี จำเป็นต้องจัดกิจกรรมออกมากระตุ้นยอดขายอย่างสม่ำเสมอ คาดว่า สิ้นปีจะมีรายได้ 4,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3,500 บาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตจากปี 2550 ประมาณ 20%
นายสถิต สังขนฤบดี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพีเอฟ ผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ผู้บริหาร ผู้ผลิตและจำหน่ายไก่ย่างห้าดาว เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทตั้งงบการตลาดและการสร้างแบรนด์ไว้ 120 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ใช้ 100 ล้านบาท เพื่อทำการโปรโมตแบรนด์ เพื่อรองรับกับผู้ที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ของไก่ย่างห้าดาวมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็จะโปรโมตและนำเสนอเมนูใหม่ๆ ออกมาต่อเนื่อง
เนื่องจากผลพวงจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมา มีหลายอุตสาหกรรมที่ประกาศเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดภาวะตกงาน อีกทั้งกำลังซื้อที่ลดลงของผู้บริโภค จึงทำให้เป็นโอกาสของไกย่างห้าดาวที่จะขายแฟรนไชส์ได้ง่ายขึ้น
ปัจจุบันไก่ย่างห้าดาวมีอาหารหลายรูปแบบทั้งไก่ทอด ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู แฮมเบอร์เกอร์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย อีกทั้งเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้ที่สนใจได้เลือกลงทุนหลากหลายมากขึ้นด้วย แทนที่จะลงทุนขายแต่ก๋วยเตี๋ยวเท่านั้น โดยที่ลงทุนแบบนั้นต้องใช้เงินลงทุนสูงกว่า 5 หมื่นบาท เมื่อเทียบกับไก่ย่างห้าดาวที่บริษัทจะให้ยืมอุปกรณ์ ตู้ย่าง ตู้ทอด รวมมูลค่ากว่า 2 แสนบาท ฟรีๆ ซึ่งเราเชื่อว่าตรงนี้เราจะดึงคนมาซื้อแฟรนไชส์ได้
โดยบริษัทตั้งเป้าหมายว่า ในปีนี้จะมีผู้ซื้อแฟรนไชส์ไก่ย่างห้าดาวประมาณ 450 ราย จากปัจจุบันที่มีร้านไก่ย่างห้าดาวกระจายอยู่ประมาณ 3,200 แห่งทั่วประเทศ ที่เป็นแฟรนไชส์ทั้งหมด และคาดว่า ภายในสิ้นปีนี้จะมีรายได้รวม 4,000 ล้านบาท หรือเติบโต 15% จากปีก่อนที่แล้วที่มีรายได้ 3,500 ล้านบาท เติบโตประมาณ 20% จากปี 2550
ล่าสุด ได้จัดโปรโมชัน เพื่อลดภาระค่าครองชีพระหว่างวันที่ 16 ม.ค.-28 ก.พ.จำหน่ายไก่ย่างพริกไทยดำ จิ้มแจ่ว ขนาดครึ่งตัวราคา 55 บาท จากปรกติราคา 67 บาท หรือไก่ย่างรสต้นตำรับ ราคา 99 บาท ปกติราคา 109 บาท โดยเฉลี่ยแล้วลดลงประมาณ 20% เพื่อที่จะเพิ่มอัตราความถี่ในการซื้อของผู้บริโภค ซึ่งขณะนี้กลุ่มผู้บริโภคของไก่ย่างห้าดาวแบ่งเป็น ระดับบี 50% กลุ่มมีรายได้ระดับสูง 25% และรายได้ระดับซี 25%
ผลจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ ส่งผลให้เกิดการเลิกจ้างงานในหลายอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤกติจนถึงขั้นต้องปิดตัวลงไปหลายแห่ง ทำให้ผู้คนเกิดความไม่มั่นใจในสถานการณ์ดังกล่าว และหลายคนเริ่มอยู่ในภาวะว่างงาน จึงถือเป็นโอกาสที่ดีธุรกิจแฟรนไชส์ ไก่ย่างห้าดาวอีกครั้ง
“ในการดึงคนให้ที่ตกงาน หรือต้องการรายได้เสริมเข้ามาร่วมทำธุรกิจธุรกิจแฟรนไชส์ ไก่ย่างห้าดาว ซึ่งปัจจุบันมีรูปแบบที่หลายหลายทั้งไก่ทอด ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู และแฮมเบอร์เกอร์ ให้เลือกได้หลายหลายตามความสนใจ ของผู้สนใจลงทุนในแต่ละพื้นที่ แทนที่จะลงทุนขายก๋วยเตี๋ยว ซึ่งใช้งบลงทุนสูงกว่า 4-5 หมื่นบาท ในขณะที่เราให้ยื่มอุปกรณ์ตู้ย่าง ตู้ทอด อุปกรณ์ต่างๆ คิดเป็นมูลค่า 2 แสนบาทฟรีๆ”
นายสถิต กล่าวและว่า จากแนวโน้มดังกล่าว ทำให้ปีนี้ได้เพิ่มงบการทำตลาดเป็น 120 ล้านบาท จากปีก่อนที่ใช้ 100 ล้านบาท เพื่อโปรโมตแบรนด์ให้กับผู้สนใจเข้ามาร่วมลงทุนพร้อมกับนำเสนอเมนูใหม่ให้กับกลุ่มผู้บริโภค อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยในช่วงที่ผ่านมากลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายของไก่ย่าง 5 ดาว ได้ขยับขึ้นมาเป็นกลุ่มที่มีรายได้ระดับบี คิดเป็นสัดส่วน 50% ส่วนที่เหลือ 25% เป็นกลุ่มที่มีรายได้สูง และอีก 25% เป็นกลุ่มที่มีรายได้ระดับ ซี
“เราจึงมั่นใจว่า ผลจากวิกฤตเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจไก่ย่างห้าดาวไม่มากนัก เพราะฐานลูกค้ายังคงมีกำลังซื้ออยู่พอสมควร ขณะเดียวกัน คาดว่า จะมีกลุ่มที่สนใจเข้ามาซื้อแฟรนไชส์ไก่ย่างห้าดาว ไม่ต่ำกว่า 450 รายในปีนี้ จากปัจจุบันที่มีแฟรนไชส์อยู่ 3,200 แห่งทั่วประเทศ”
นายสถิต กล่าวต่อว่า ขณะนี้ไก่ย่างห้าดาวได้จัดโปรโมชันพิเศษ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพของผู้บริโภคในระหว่าง วันที่ 16 มกราคม ถึง 28 กุมภาพันนี้ ซึ่งถือเป็นช่วงโลว์ซีซัน โดยจำหน่ายไก่ย่างพริกไทยดำ, จิ้มแจ๋วขนาดครึ่งตัวราคา 55 บาท จากปกติราคา 67 บาท หรือไก่ย่างรสต้นตำรับในราคาเพียง 99 บาท จากปกติ 109 บาท เฉลี่ยลดราคาลง 20% ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความถี่ในการบริโภคเพิ่มขึ้น ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจไม่ดี จำเป็นต้องจัดกิจกรรมออกมากระตุ้นยอดขายอย่างสม่ำเสมอ คาดว่า สิ้นปีจะมีรายได้ 4,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3,500 บาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตจากปี 2550 ประมาณ 20%