เศรษฐกิจซบพ่นพิษ แฟรนไชส์ข้าวมันไก่ ยอดขยายสาขาชะลอเหลือเพียง 5 รายต่อเดือน เร่งปรับกลยุทธ์หาตัวแทนจำหน่ายเปิดเอ้าท์เล็ต กระจายสินค้าจำหน่ายอาหารพร้อมปรุง หวังดันยอดปลายปี 300 ล้านบาท
นายประเสริฐ จันทร์ไพแสง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โกซันโอเค จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันส่งผลให้ธุรกิจแฟรนไชส์ เกิดการชะลอตัวในการขยายสาขา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ แฟรนไชส์โกซันข้าวมันไก่ ขยายตัวได้เฉลี่ย 15 สาขาต่อเดือน แต่ปัจจุบันเหลือประมาณ 5 สาขาต่อเดือน
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวยังไม่มีผลกระทบต่อ ธุรกิจโดยรวมมากนัก เนื่องจาก ทางบริษัทฯ มีการปรับตัวใน การขยายตลาด และช่องทางการตลาดใหม่ไว้รองรับ ไมว่าจะเป็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น อาหารพร้อมปรุง “Ready To Cook” เจาะกลุ่ม โรงแรม ภัตตาคาร ร้านอาหาร และกลุ่มแม่บ้าน ภายใต้แบรนด์ “โกซัน” ที่ จำหน่ายใน ศูนย์จำหน่ายสินค้าแมคโคร อีกทั้ง เพิ่มช่องทางการจำหน่ายในรูปแบบ “Gosun Outlet Partner” (โกซัน เอ้าท์เล็ต พาร์ทเนอร์) เพื่อเป็นจุดกระจายสินค้าและผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ โดยเข้าไปตั้งในชุมชนต่างๆ ตั้งเป้าภายในสิ้นปี 51 นี้สามารถเปิดสาขาได้รวมทั้งสิ้น 20 แห่งทั่วประเทศ
ทั้งนี้ เวลานี้ทางบริษัทฯ กำลังมองหาตัวแทนจำหน่าย โดยจะเปิดโอกาสให้กับผู้ที่สนใจที่ประกอบกิจการอยู่เดิม และต้องการต่อยอดธุรกิจ มีความพร้อมในเรื่องของทำเลในการจำหน่าย ร่วมเป็นพันธมิตรทางการค้าด้วยการเป็นตัวแทนจำหน่าย ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมปรุงของ โกซัน ในรูปแบบ “โกซัน เอ้าท์เล็ต พาร์ทเนอร์”
นายประเสริฐ ระบุว่า จุดแข็งของการเป็นตัวแทนจำหน่าย “โกซัน เอ้าท์เล็ต พาร์ทเนอร์” อยู่ที่สินค้า ที่นำมาจำหน่ายเป็นสินค้าเกรดคุณภาพส่งออกราคาประหยัด และรสชาติถูกลิ้นคนไทย การลงทุนในอัตราที่ ไม่สูงมาก คู่ค้าไม่ต้องลงทุนอะไรมากนัก โดยทางบริษัทฯ จะบริการให้ยืม ตู้แช่ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมช่วยเหลือในเรื่องของการโฆษณาประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ
ส่วนของตัวแทนจำหน่าย ลงทุนเพียงเรื่องของสินค้า โดยชำระเป็นเงินสดตามจำนวนสินค้าที่สั่ง มียอดในการจำหน่ายอย่างน้อยเดือนละ 200 กก. หรือคิดเป็นมูลค่าอย่างน้อย 24,000 บาท/เดือน ผลิตภัณฑ์สินค้าที่มีจำหน่ายกว่า 10 รายการ เช่น ไก่จ๊อ ,แหนมเอ็นไก่ ,ปีกไก่บนรสจัดจ้าน ,ปีกไก่บนรสนิวออลีน ,ไก่เกาหลี และอื่นๆ อีกมากมาย จำหน่ายสินค้าตามราคามาตรฐาน แพ็คละ 35 บาท
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ทางบริษัท ยังได้ปรับแผนการตลาดเล็กน้อยเพื่อให้สอดรับกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันด้วยการ ปรับทีมขายเพื่อเข้าดูแลร้านแฟรนไชส์ข้าวมันไก่โกซันโดยตรง ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือ แฟรนไชส์ซีอย่างใกล้ชิด ในเรื่องของ ต้นทุน ยอดขาย และกำไรต่อจาน โดยคาดหวังว่าจะทำลูกค้ารักษาระดับยอดขายไว้ได้ และช่วยลดต้นทุนในการจำหน่าย ไปจนถึงเรื่องของคุณภาพสินค้า
อย่างไรก็ดี ในภาวะที่ค่าครองชีพสูง ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคปรับเปลี่ยนไป โดยใช้จ่ายกันอย่างประหยัด ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง กระทั่งพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าอาหาร แต่บริษัท มองว่าพฤติกรรมดังกล่าวจะส่งผลเชิงบวกต่อ สินค้าภายใต้แบรนด์โกซัน เนื่องจากสินค้าในกลุ่ม จำหน่ายในราคาที่ไม่แพงมากสอดคล้องกับกำลังซื้อคนไทย และด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงมั่นใจได้ว่า ภายในสิ้นปี 2551 บริษัทจะสามารถจำหน่ายสินค้าได้เป็นไปตามเป้าที่ว่างไว้โดยคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 300 ล้านบาท