ธุรกิจสปา ไม่นิ่ง รอความช่วยเหลือจากภาครัฐ อัดโปรโมชัน ดัมป์ค่าบริการลง 40-50% จับทั้งลูกค้า ทั้งคนไทยและต่างชาติ ระบุ ยอดนักท่องเที่ยวที่ลดลงในช่วงไฮซีซันปีนี้ กระทบมูลค่ารวมตลาดสปาทั้งปี วูบ 1.8 พันล้านบาท หรือลดลง 20% จากมูลค่าตลาดรวมที่คาดว่า ปีนี้จะแตะ 9,000 ล้านบาท คุยเศรษฐกิจโลก ไม่กระทบการขยายตลาดต่างประเทศ เผย ตะวันออกกลาง และ ยุโรป น่าลงทุน
นายอภิชัย เจียรอดิศักดิ์ รองประธานสมาพันธ์สปาไทย ซึ่งมีสมาชิกรวม 5 สมาคมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนวดและสปา เปิดเผยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงในช่วงนี้ ได้ส่งผลกระทบกับธุรกิจสปาและนวดแผนไทย ทำให้มีลูกค้าลดลงตามไปด้วย ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงใช้กลยุทธ์ปรับลดอัตราค่าบริการลงประมาณแพกเกจละ 40-50% ถึง ม.ค.ปีหน้า ถ้าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ก็จะต่อแคมเปญออกไปอีก ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ โดยเจาะทั้งตลาดคนไทยในประเทศ ต่างชาติ ที่ทำงานในประเทศไทย และ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งขึ้นอยู่กับโลเกชันของร้าน ซึ่งจะมีทั้งอยู่ในโรงแรม ในห้างสรรพสินค้า แหล่งชอปปิ้ง และแบบสแตนอโลน
ในส่วนของการจ้างงาน ก็ใช้วิธีลดวันทำงานลง ส่วนเงินเดือนหลายที่อาจไม่ได้ปรับลด เพราะแรงงานในธุรกิจนี้ รายได้ครึ่งหนึ่งจะมาจากเงินเดือนประจำ และอีกครึ่งหนึ่ง มาจากค่าคอมมิชชัน หากมีลูกค้ามากก็จะได้มากตามสัดส่วน โดยยังไม่มีการปลดพนักงาน เพราะธุรกิจนวดและสปา จะใช้พนักงานเฉลี่ยแห่งละไม่เกิน 12-15 คน เป็นแรงงานที่มีฝีมือเฉพาะด้าน
การปรับลดต้นทุนดำเนินงานและราคาแพกเกจดังกล่าว เพื่อประคองธุรกิจให้มีรายได้เข้ามาหมุนเวียนในร้านบ้าง ในระหว่างรอการช่วยเหลือจากภาครัฐ ทั้งนี้ เพราะจากผลกระทบทางการเมือง และการปิดสนามบิน ที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ทั้งที่เป็นช่วงไฮซีซัน ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจโลก และความไม่มั่นใจของคนไทยในเรื่องของเศรษฐกิจประเทศ ภาวการณ์ตกงาน ทำให้ลูกค้าผู้ใช้บริการมีจำนวนลดลง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงในช่วงนี้ หรือบางคนก็มีความกังวลกับวิกฤตเศรษฐกิจ จึงชะลอการจับจ่าย
ทั้งนี้ ยังมั่นใจว่า สถานการณ์จะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ 1-2 เดือน ก็จะกลับสู่ภาวะปกติ เพราะขณะนี้ประเทศไทย มีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศอย่างชัดเจนแล้ว เชื่อว่า จะสร้างความมั่นใจให้แก่นานาประเทศ ประกอบกับนโยบายของภาครัฐ ที่พร้อมจะเร่งฟื้นสถานการณ์เรียกความเชื่อมั่นกลับคืนโดยเร็ว เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศไทย เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คุ้มค่าเงิน เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในย่านเดียวกัน จึงเชื่อว่า นักท่องเที่ยวพร้อมที่จะกลับมาเที่ยวประเทศไทยทุกเวลา เมื่อเราพร้อม
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจสปาและนวดแผนโบราณ เฉพาะที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีมูลค่าตลาดต่อปีที่ 7-8 พันล้านบาท ในปีที่ผ่านมา สำหรับปี 2551 คาดว่า จะสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ระบบได้ประมาณ 9 พันล้านบาท แต่เมื่อตลาดมาถดถอยในช่วงไฮซีซัน อาจทำให้ภาพรวมอาจพลาดจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ราว 20% หรือคิดเป็นเม็ดเงินราว 1,800 ล้านบาท แต่หากคิดเฉพาะเดือน พ.ย.-ธ.ค.ปีนี้ น่าจะลดลงจากปีก่อนถึง 70%
สำหรับตลาดต่างประเทศ สปา และนวดไทย ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสที่จะขยายตลาดได้อีก แม้สภาพเศรษฐกิจโลกจะผันผวน เพราะไทยยังขยายตลาดไปน้อยมาก เมื่อเทียบกับสัดส่วนของดีมานด์ที่ต้องการใช้บริการ โดยเฉพาะการนวดแผนไทย เพื่อผ่อนคลายเส้นและกล้ามเนื้อ ซึ่งในแต่ละปีตลาดจะเติบโตราว 10%
ปัจจัยที่ทำให้ไม่สามารถขยายตลาดได้รวดเร็ว เพราะติดปัญหาข้อบังคับในต่างประเทศ เช่น วุฒิการศึกษาเกี่ยวกับสรีรศาสตร์ตามแบบสากล เพราะส่วนใหญ่ เทอราปี หรือพนักงานนวดคนไทยที่ส่งออกไปนั้น จะเป็นการนวดจากการฝึกอบรม และความชำนาญ ไม่ได้ใช้วุฒิการศึกษา ส่วนบางประเทศก็ต้องรอให้มีการเซ็น FTA กันก่อน เช่น ที่ ญี่ปุ่น อินเดีย เป็นต้น หรือ บางประเทศก็ติดเรื่องข้อห้ามทางศาสนา เช่น ประเทศในแถบตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดที่ดีมานด์สูง แต่ขออนุญาตเปิดลำบากมาก
“สมาพันธ์ได้ทำงาน ร่วมกับ กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ มาตลอด ทั้งเรื่องการหาตลาด และการเจรจาทางธุรกิจ เพื่อให้ต่างประเทศเขามั่นใจว่า เป็นธุรกิจถูกกฎหมาย และ ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย ตลาดเป้าหมายของการขยายธุรกิจ ได้แก่ แอฟริกาเหนือ ตะวันออกกลาง อียิปต์ และ ยุโรป” นายอภิชัย กล่าว
นายอภิชัย เจียรอดิศักดิ์ รองประธานสมาพันธ์สปาไทย ซึ่งมีสมาชิกรวม 5 สมาคมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนวดและสปา เปิดเผยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงในช่วงนี้ ได้ส่งผลกระทบกับธุรกิจสปาและนวดแผนไทย ทำให้มีลูกค้าลดลงตามไปด้วย ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงใช้กลยุทธ์ปรับลดอัตราค่าบริการลงประมาณแพกเกจละ 40-50% ถึง ม.ค.ปีหน้า ถ้าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ก็จะต่อแคมเปญออกไปอีก ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ โดยเจาะทั้งตลาดคนไทยในประเทศ ต่างชาติ ที่ทำงานในประเทศไทย และ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งขึ้นอยู่กับโลเกชันของร้าน ซึ่งจะมีทั้งอยู่ในโรงแรม ในห้างสรรพสินค้า แหล่งชอปปิ้ง และแบบสแตนอโลน
ในส่วนของการจ้างงาน ก็ใช้วิธีลดวันทำงานลง ส่วนเงินเดือนหลายที่อาจไม่ได้ปรับลด เพราะแรงงานในธุรกิจนี้ รายได้ครึ่งหนึ่งจะมาจากเงินเดือนประจำ และอีกครึ่งหนึ่ง มาจากค่าคอมมิชชัน หากมีลูกค้ามากก็จะได้มากตามสัดส่วน โดยยังไม่มีการปลดพนักงาน เพราะธุรกิจนวดและสปา จะใช้พนักงานเฉลี่ยแห่งละไม่เกิน 12-15 คน เป็นแรงงานที่มีฝีมือเฉพาะด้าน
การปรับลดต้นทุนดำเนินงานและราคาแพกเกจดังกล่าว เพื่อประคองธุรกิจให้มีรายได้เข้ามาหมุนเวียนในร้านบ้าง ในระหว่างรอการช่วยเหลือจากภาครัฐ ทั้งนี้ เพราะจากผลกระทบทางการเมือง และการปิดสนามบิน ที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ทั้งที่เป็นช่วงไฮซีซัน ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจโลก และความไม่มั่นใจของคนไทยในเรื่องของเศรษฐกิจประเทศ ภาวการณ์ตกงาน ทำให้ลูกค้าผู้ใช้บริการมีจำนวนลดลง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงในช่วงนี้ หรือบางคนก็มีความกังวลกับวิกฤตเศรษฐกิจ จึงชะลอการจับจ่าย
ทั้งนี้ ยังมั่นใจว่า สถานการณ์จะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ 1-2 เดือน ก็จะกลับสู่ภาวะปกติ เพราะขณะนี้ประเทศไทย มีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศอย่างชัดเจนแล้ว เชื่อว่า จะสร้างความมั่นใจให้แก่นานาประเทศ ประกอบกับนโยบายของภาครัฐ ที่พร้อมจะเร่งฟื้นสถานการณ์เรียกความเชื่อมั่นกลับคืนโดยเร็ว เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศไทย เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คุ้มค่าเงิน เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในย่านเดียวกัน จึงเชื่อว่า นักท่องเที่ยวพร้อมที่จะกลับมาเที่ยวประเทศไทยทุกเวลา เมื่อเราพร้อม
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจสปาและนวดแผนโบราณ เฉพาะที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีมูลค่าตลาดต่อปีที่ 7-8 พันล้านบาท ในปีที่ผ่านมา สำหรับปี 2551 คาดว่า จะสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ระบบได้ประมาณ 9 พันล้านบาท แต่เมื่อตลาดมาถดถอยในช่วงไฮซีซัน อาจทำให้ภาพรวมอาจพลาดจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ราว 20% หรือคิดเป็นเม็ดเงินราว 1,800 ล้านบาท แต่หากคิดเฉพาะเดือน พ.ย.-ธ.ค.ปีนี้ น่าจะลดลงจากปีก่อนถึง 70%
สำหรับตลาดต่างประเทศ สปา และนวดไทย ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสที่จะขยายตลาดได้อีก แม้สภาพเศรษฐกิจโลกจะผันผวน เพราะไทยยังขยายตลาดไปน้อยมาก เมื่อเทียบกับสัดส่วนของดีมานด์ที่ต้องการใช้บริการ โดยเฉพาะการนวดแผนไทย เพื่อผ่อนคลายเส้นและกล้ามเนื้อ ซึ่งในแต่ละปีตลาดจะเติบโตราว 10%
ปัจจัยที่ทำให้ไม่สามารถขยายตลาดได้รวดเร็ว เพราะติดปัญหาข้อบังคับในต่างประเทศ เช่น วุฒิการศึกษาเกี่ยวกับสรีรศาสตร์ตามแบบสากล เพราะส่วนใหญ่ เทอราปี หรือพนักงานนวดคนไทยที่ส่งออกไปนั้น จะเป็นการนวดจากการฝึกอบรม และความชำนาญ ไม่ได้ใช้วุฒิการศึกษา ส่วนบางประเทศก็ต้องรอให้มีการเซ็น FTA กันก่อน เช่น ที่ ญี่ปุ่น อินเดีย เป็นต้น หรือ บางประเทศก็ติดเรื่องข้อห้ามทางศาสนา เช่น ประเทศในแถบตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดที่ดีมานด์สูง แต่ขออนุญาตเปิดลำบากมาก
“สมาพันธ์ได้ทำงาน ร่วมกับ กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ มาตลอด ทั้งเรื่องการหาตลาด และการเจรจาทางธุรกิจ เพื่อให้ต่างประเทศเขามั่นใจว่า เป็นธุรกิจถูกกฎหมาย และ ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย ตลาดเป้าหมายของการขยายธุรกิจ ได้แก่ แอฟริกาเหนือ ตะวันออกกลาง อียิปต์ และ ยุโรป” นายอภิชัย กล่าว