อดีต รมว.พลังงาน ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีเป็น 2 ราคา ตามนโยบายของรัฐบาลชุดเก่า โวยทำให้เสียเวลา-ผลาญงบประมาณ อาจเกิดปัญหาตามมาในอนาคต พร้อมแนะให้ลอยตัวตามตลาดโลก
วันนี้ (18 ธันวาคม 2551) นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงพลังงานเตรียมเสนอให้รัฐบาลชุดใหม่ เป็นผู้ตัดสินใจประกาศปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) โดยแยกตลาดเป็น 2 ราคา ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรมและภาคการขนส่ง และภาคครัวเรือน พร้อมระบุว่า ประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา ไทยเคยใช้มาตรการปรับราคาก๊าซแอลพีจีแบบนี้มาแล้ว และมีส่วนต่างราคาอยู่ที่ 1.40 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้เกิดปัญหาตามมาจำนวนมาก
สำหรับการปรับราคาครั้งนี้ นายปิยสวัสดิ์ ระบุว่า จะทำให้มีส่วนต่างราคาห่างกันถึง 6 บาทต่อกิโลกรัม ก็จะยิ่งส่งผลให้มีปัญหาตามมามากขึ้นอีก จึงอยากให้รัฐบาลใหม่ยกเลิกการปรับเป็น 2 ราคา เพราะเสียงบประมาณเสียเวลา ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกราคาตลาดโลก เนื่องจากขณะนี้ราคาแอลพีจีตลาดโลกขณะนี้ ได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับที่ใกล้ราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมันในประเทศแล้ว
ดังนั้น รัฐบาลจึงควรปล่อยให้ราคาก๊าซแอลพีจีในประเทศ ปรับตัวขึ้นลงตามราคาแอลพีจีตลาดโลก จะเป็นแนวทางการแก้ปัญหาราคาก๊าซแอลพีจีในประเทศได้ดีกว่า อีกทั้งคาดการณ์ว่าราคาก๊าซแอลพีจีในช่วงเดือนมกราคม 2552 ราคาแอลพีจีจะยังอยู่ในระดับต่ำหรือปรับตัวลดลงอีก มีผลจากราคาน้ำมันดีเซลและเบนซินปรับตัวลง ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้ปัญหาราคาก๊าซแอลพีจีในประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันสถานการณ์ราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ แต่เชื่อว่าจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น และมองว่าราคาน้ำมันจะไม่ทรงตัวอยู่ในระดับ 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ได้นานมากนัก เพราะจะส่งผลให้การลงทุนสำรวจขุดเจาะน้ำมันขาดทุนและทำให้โครงการพลังงานใหม่ๆ ไม่เกิดการลงทุน
