ไอ.ซี.ซี.อ่วมรับพิษเศรษฐกิจ รายได้วูบครั้งแรกในรอบ 10 ปี โอดวิกฤตกว่าต้มยำกุ้งโต 2% ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งโต 10% “บุณยสิทธิ์” ประธานเครือสหพัฒน์ ชูแผนปี 52 ลงทุนให้ถูกจังหวะ ปรับตัวเร็ววางแผนวางสัปดาห์ อัดฉีด 700 ล้านบาท เพิ่มความถี่จัดกิจกรรม ระเบิดแคมเปญ “His&Her” กระตุ้นยอดขายโค้งสุดท้ายโต 10%
นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ความวุ่นวายทางการเมือง ส่งผลให้ผลประกอบการสิ้นปีนี้ของบริษัทมีอัตราการเติบโต 2% ต่ำกว่าเป้าหมายซึ่งตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 10% ทั้งนี้ นับว่าเป็นการเติบโตที่ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี เมื่อเทียบกับวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 เนื่องจากสินค้าที่เป็นเรือธงสร้างรายได้หลัก การเติบโตชะลอตัวลงในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม เพราะฐานลูกค้าจากนักท่องเที่ยวลดลง ได้แก่ แบรนด์วาโก้ ลาคอส แอร์โรว์ บีเอสซี ซึ่งเมื่อเทียบในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตที่ดี
“วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเร็ว แต่ขณะเดียวกัน ก็ฟื้นตัวเร็วเช่นกัน แต่วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในขณะนี้ค่อยๆ ถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้รายได้ปีนี้ของ ไอ.ซี.ซี.เติบโตน้อยมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้น โดยสิ้นปีนี้คาดว่ามีรายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 1.1หมื่นล้านบาท”
แนวโน้มปีหน้านี้ไม่มีใครบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าการชุมนุมจะจบสิ้นลง แต่ยังไม่รู้ว่ารัฐบาลใหม่จะเป็นอย่างไร ดังนั้น นโยบายของบริษัท ไอ.ซี.ซี.ที่ประธานเครือสหพัฒน์ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ได้ให้แนวทางเพิ่มประสิทธิภาพด้านการทำงานให้มีความคล่องตัวและเร็วขึ้น ลดการทำงานที่ซ้ำซ้อน และระมัดระวังงบลงทุนด้านต่างๆ ขณะเดียวกัน ไม่มีการลงทุนหรือว่าชะลอ แต่ให้รอดูจังหวะและโอกาสทางการตลาดมากกว่า อีกทั้งยังปรับแผนรองรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทุกสัปดาห์ จากเดิมการวางแผนจะเป็นเดือนละครั้ง
สำหรับปีหน้านี้ได้วางงบการตลาด 600-700 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แต่จะปรับการใช้ผ่านทางไดเร็กมาร์เก็ตติ้งมากกว่าการใช้แมสมาร์เกตติง ซึ่งนับว่าเริ่มมีบทบาทน้อยลง นอกจากนี้ บริษัทวางแผนเปิดตัวสินค้าแบรนด์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่วนบางแบรนด์มีการปรับแผนการตลาด อาทิ ชุดชั้นในวาโก้จะเพิ่มกิจกรรมการตลาดให้มากขึ้น ขณะที่แอร์โรว์จะไม่ปรับราคาเพิ่มขึ้นและจัดกิจกรรมการตลาดเพิ่มขึ้นเช่นกัน
“หลังจากความวุ่นวายทางการเมืองจบลง เศรษฐกิจจะกลับมาเป็นปกติและกำลังซื้อจะกลับมา แต่ขณะเดียวกัน รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารงานต้องสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนให้กลับมา เพราะโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศไม่มีปัญหา ผู้บริโภคมีเงินแต่ไม่กล้านำมาใช้มากกว่า อย่างไรก็ตามมองว่ารัฐบาลชุดใหม่ต้องเสริมทีมด้านเศรษฐกิจที่ดีให้มาบริหาร”
ล่าสุด เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงโค้งสุดท้ายทุ่มงบ 12 ล้านบาท จัดแคมเปญ His&Her Big Reward: Only@Robinson มอบสิทธิพิเศษแก่ลูกค้ากับการชอปปิ้งสินค้าแบรนด์ดังกว่า 70 รายการในเครือบริษัท พร้อมรับคะแนนสะสมและสามารถแลกรับคูปองส่วนลดสูงสุด 30% เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม-11 มกราคม ปีหน้า ทั้งนี้ คาดว่า แคมเปญดังกล่าวจะกระตุ้นยอดขายเติบโต 10% จากนั้นในปีหน้าจะพิจารณาจัดแคมเปญดังกล่าวกับห้างสรรพสินค้ารายอื่นๆ ต่อไป
นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ความวุ่นวายทางการเมือง ส่งผลให้ผลประกอบการสิ้นปีนี้ของบริษัทมีอัตราการเติบโต 2% ต่ำกว่าเป้าหมายซึ่งตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 10% ทั้งนี้ นับว่าเป็นการเติบโตที่ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี เมื่อเทียบกับวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 เนื่องจากสินค้าที่เป็นเรือธงสร้างรายได้หลัก การเติบโตชะลอตัวลงในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม เพราะฐานลูกค้าจากนักท่องเที่ยวลดลง ได้แก่ แบรนด์วาโก้ ลาคอส แอร์โรว์ บีเอสซี ซึ่งเมื่อเทียบในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตที่ดี
“วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเร็ว แต่ขณะเดียวกัน ก็ฟื้นตัวเร็วเช่นกัน แต่วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในขณะนี้ค่อยๆ ถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้รายได้ปีนี้ของ ไอ.ซี.ซี.เติบโตน้อยมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้น โดยสิ้นปีนี้คาดว่ามีรายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 1.1หมื่นล้านบาท”
แนวโน้มปีหน้านี้ไม่มีใครบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าการชุมนุมจะจบสิ้นลง แต่ยังไม่รู้ว่ารัฐบาลใหม่จะเป็นอย่างไร ดังนั้น นโยบายของบริษัท ไอ.ซี.ซี.ที่ประธานเครือสหพัฒน์ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ได้ให้แนวทางเพิ่มประสิทธิภาพด้านการทำงานให้มีความคล่องตัวและเร็วขึ้น ลดการทำงานที่ซ้ำซ้อน และระมัดระวังงบลงทุนด้านต่างๆ ขณะเดียวกัน ไม่มีการลงทุนหรือว่าชะลอ แต่ให้รอดูจังหวะและโอกาสทางการตลาดมากกว่า อีกทั้งยังปรับแผนรองรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทุกสัปดาห์ จากเดิมการวางแผนจะเป็นเดือนละครั้ง
สำหรับปีหน้านี้ได้วางงบการตลาด 600-700 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แต่จะปรับการใช้ผ่านทางไดเร็กมาร์เก็ตติ้งมากกว่าการใช้แมสมาร์เกตติง ซึ่งนับว่าเริ่มมีบทบาทน้อยลง นอกจากนี้ บริษัทวางแผนเปิดตัวสินค้าแบรนด์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่วนบางแบรนด์มีการปรับแผนการตลาด อาทิ ชุดชั้นในวาโก้จะเพิ่มกิจกรรมการตลาดให้มากขึ้น ขณะที่แอร์โรว์จะไม่ปรับราคาเพิ่มขึ้นและจัดกิจกรรมการตลาดเพิ่มขึ้นเช่นกัน
“หลังจากความวุ่นวายทางการเมืองจบลง เศรษฐกิจจะกลับมาเป็นปกติและกำลังซื้อจะกลับมา แต่ขณะเดียวกัน รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารงานต้องสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนให้กลับมา เพราะโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศไม่มีปัญหา ผู้บริโภคมีเงินแต่ไม่กล้านำมาใช้มากกว่า อย่างไรก็ตามมองว่ารัฐบาลชุดใหม่ต้องเสริมทีมด้านเศรษฐกิจที่ดีให้มาบริหาร”
ล่าสุด เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงโค้งสุดท้ายทุ่มงบ 12 ล้านบาท จัดแคมเปญ His&Her Big Reward: Only@Robinson มอบสิทธิพิเศษแก่ลูกค้ากับการชอปปิ้งสินค้าแบรนด์ดังกว่า 70 รายการในเครือบริษัท พร้อมรับคะแนนสะสมและสามารถแลกรับคูปองส่วนลดสูงสุด 30% เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม-11 มกราคม ปีหน้า ทั้งนี้ คาดว่า แคมเปญดังกล่าวจะกระตุ้นยอดขายเติบโต 10% จากนั้นในปีหน้าจะพิจารณาจัดแคมเปญดังกล่าวกับห้างสรรพสินค้ารายอื่นๆ ต่อไป