เซ็นทรัล ชะลอแผนลงทุนใน ตปท.ชะงักแผนก่อสร้าง สาขาพระรามเก้า ปีหน้า ขอจับตาดูสถานการณ์ให้นิ่งก่อน ชี้ คำสั่งยุบพรรค ช่วยลดการประจันหน้า เชื่อ ทุกอย่างจะเริ่มคลี่คลาย กังวลปัจจัยเศรษฐกิจโลกมากกว่า คาด ต้นปีเริ่มเห็นอาการ
นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังศาลมีการตัดสินยุบพรรคการเมืองลง ในฐานะนักธุรกิจ มองว่า ช่วยให้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายขึ้น รวมถึงลดการประจันหน้าลง ขณะเดียวกัน มองว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ก็จะมีเงื่อนไขในการออกมาชุมนุมเรียกร้องน้อยลง และจะสลายการชุมนุมได้ในเร็ววัน แต่ทั้งนี้ ยังมองด้วยว่า ควรที่จะมีการยุบสภา และมีการเลือกตั้งใหม่ด้วย เพื่อเป็นการคืนอำนาจให้ประชาชนได้ตัดสินอีกครั้ง แต่แม้จะกลับมาสู่ช่วงสุญญากาศใหม่ มองว่า ภาคธุรกิจจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะในระยะที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจส่วนใหญ่ได้ลดการพึ่งพาจากรัฐบาลกันไปมากแล้ว เพราะรัฐบาลมีแต่ความไม่แน่นอน แต่ปัจจัยที่น่าห่วงคือภาวะเศรษฐกิจโลก เพราะคาดว่าช่วงต้นปีประเทศไทยจะเริ่มได้รับผลกระทบ
สำหรับบริษัท ยอมรับว่า ปีหน้ามีแผนการชะลอการลงทุนลง โดยในส่วนของการลงทุนในต่างประเทศ เช่น จีน และ อินโดนีเซีย จะขอดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและค่าวัสดุก่อสร้างไปอีก 6 เดือนถึง 1 ปี จึงจะเดินหน้าลงทุนต่อ เช่นเดียวกับแผนลงทุนขยายสาขาในประเทศไทย ปีหน้าจะมีการชะลอการก่อสร้างในสาขาพระรามเก้าลง จากเดิมที่เริ่มมีการลงเสาเข็มไปแล้ว คาดว่า หลังจบการลงเสาเข็มเรียบร้อย จะขอดูสภาพเศรษฐกิจ และค่าวัสดุก่อสร้างที่กำลังมีแนวโน้มลดลงไปเรื่อยอีกประมาณครึ่งปีแรกของปี 2552 ถ้าค่าวัสดุลงถึงจุดอิ่มตัว จึงจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างต่อไป มองว่า จะช่วยลดต้นทุนได้อีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ มองว่า การชะลอการก่อสร้างครั้งนี้ ไม่กระทบกับการขยายสาขา เพราะสาขาดังกล่าวตามแผนจะเปิดให้บริการในปี 2554
อย่างไรก็ตาม ในสาขาอื่นๆ ที่จะมีการเปิดให้บริการในปีหน้า จะยังคงเป็นไปตามแผนเดิม ไม่ว่าจะเป็น เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ที่จะเปิดช่วงเดือน ม.ค.52, เซ็นทรัล พัทยา เปิด มี.ค.52, เซ็นทรัล ชลบุรี เปิด เม.ย.52 และ เซ็นทรัลขอนแก่น ในเดือน ธ.ค.52 ขณะเดียวกัน แผนการทำตลาด จะเน้นกลุ่มคนไทยมากขึ้น มีการจัดโปรโมชันส่งเสริมการขาย และกิจกรรมทางการตลาด มากกว่าปีนี้อีก 10-20% เชื่อว่า รายได้รวมในปีหน้า น่าจะเติบโตขึ้นมากกว่า 20% เทียบจากรายได้รวมในปีนี้
ส่วนรายได้รวมในปีนี้ ยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ยอมรับการยึดสนามบิน ส่งผลให้ลูกค้ามีการจับจ่ายซื้อสินค้าภายในห้างลดลงบ้าง โดย สาขาเซ็นทรัล เวิลด์ มียอดการจับจ่ายลดลง 10-20% เนื่องจากลูกค้านักท่องเที่ยวลดลง แต่สำหรับสาขาชานเมือง อย่าง เซ็นทรัล ลาดพร้าว ยังมีการจับจ่ายที่ดีอยู่ เนื่องจากเป็นลูกค้าในประเทศกว่า 90% ต่างประเทศเพียง 10% ซึ่งในความเป็นจริง ยังมองว่า ปีนี้ลูกค้าในประเทศ ยังมีอำนาจในการซื้ออยู่ เพียงแต่มีการพิจารณาในการใช้เงินมากขึ้นเท่านั้น
นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังศาลมีการตัดสินยุบพรรคการเมืองลง ในฐานะนักธุรกิจ มองว่า ช่วยให้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายขึ้น รวมถึงลดการประจันหน้าลง ขณะเดียวกัน มองว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ก็จะมีเงื่อนไขในการออกมาชุมนุมเรียกร้องน้อยลง และจะสลายการชุมนุมได้ในเร็ววัน แต่ทั้งนี้ ยังมองด้วยว่า ควรที่จะมีการยุบสภา และมีการเลือกตั้งใหม่ด้วย เพื่อเป็นการคืนอำนาจให้ประชาชนได้ตัดสินอีกครั้ง แต่แม้จะกลับมาสู่ช่วงสุญญากาศใหม่ มองว่า ภาคธุรกิจจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะในระยะที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจส่วนใหญ่ได้ลดการพึ่งพาจากรัฐบาลกันไปมากแล้ว เพราะรัฐบาลมีแต่ความไม่แน่นอน แต่ปัจจัยที่น่าห่วงคือภาวะเศรษฐกิจโลก เพราะคาดว่าช่วงต้นปีประเทศไทยจะเริ่มได้รับผลกระทบ
สำหรับบริษัท ยอมรับว่า ปีหน้ามีแผนการชะลอการลงทุนลง โดยในส่วนของการลงทุนในต่างประเทศ เช่น จีน และ อินโดนีเซีย จะขอดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและค่าวัสดุก่อสร้างไปอีก 6 เดือนถึง 1 ปี จึงจะเดินหน้าลงทุนต่อ เช่นเดียวกับแผนลงทุนขยายสาขาในประเทศไทย ปีหน้าจะมีการชะลอการก่อสร้างในสาขาพระรามเก้าลง จากเดิมที่เริ่มมีการลงเสาเข็มไปแล้ว คาดว่า หลังจบการลงเสาเข็มเรียบร้อย จะขอดูสภาพเศรษฐกิจ และค่าวัสดุก่อสร้างที่กำลังมีแนวโน้มลดลงไปเรื่อยอีกประมาณครึ่งปีแรกของปี 2552 ถ้าค่าวัสดุลงถึงจุดอิ่มตัว จึงจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างต่อไป มองว่า จะช่วยลดต้นทุนได้อีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ มองว่า การชะลอการก่อสร้างครั้งนี้ ไม่กระทบกับการขยายสาขา เพราะสาขาดังกล่าวตามแผนจะเปิดให้บริการในปี 2554
อย่างไรก็ตาม ในสาขาอื่นๆ ที่จะมีการเปิดให้บริการในปีหน้า จะยังคงเป็นไปตามแผนเดิม ไม่ว่าจะเป็น เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ที่จะเปิดช่วงเดือน ม.ค.52, เซ็นทรัล พัทยา เปิด มี.ค.52, เซ็นทรัล ชลบุรี เปิด เม.ย.52 และ เซ็นทรัลขอนแก่น ในเดือน ธ.ค.52 ขณะเดียวกัน แผนการทำตลาด จะเน้นกลุ่มคนไทยมากขึ้น มีการจัดโปรโมชันส่งเสริมการขาย และกิจกรรมทางการตลาด มากกว่าปีนี้อีก 10-20% เชื่อว่า รายได้รวมในปีหน้า น่าจะเติบโตขึ้นมากกว่า 20% เทียบจากรายได้รวมในปีนี้
ส่วนรายได้รวมในปีนี้ ยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ยอมรับการยึดสนามบิน ส่งผลให้ลูกค้ามีการจับจ่ายซื้อสินค้าภายในห้างลดลงบ้าง โดย สาขาเซ็นทรัล เวิลด์ มียอดการจับจ่ายลดลง 10-20% เนื่องจากลูกค้านักท่องเที่ยวลดลง แต่สำหรับสาขาชานเมือง อย่าง เซ็นทรัล ลาดพร้าว ยังมีการจับจ่ายที่ดีอยู่ เนื่องจากเป็นลูกค้าในประเทศกว่า 90% ต่างประเทศเพียง 10% ซึ่งในความเป็นจริง ยังมองว่า ปีนี้ลูกค้าในประเทศ ยังมีอำนาจในการซื้ออยู่ เพียงแต่มีการพิจารณาในการใช้เงินมากขึ้นเท่านั้น