“โคคา” ปรับแผน ย่นเวลาพลิกโฉมโกอินเตอร์ เหลือ 3 ปี ในยุคส่งต่อไม้ให้เจเนอเรชั่นรุ่น 3 มองอานิสงส์เศรษฐกิจซบ เร่งแผนลงทุนสยายปีก ผุดร้าน “แม็งโก ทรี” เพิ่มอีก 15 สาขาในไทย และต่างประเทศ เจาะคนชอบกินในแถบตะวันออกกลาง มั่นใจรายได้ปีหน้าทะลักเพิ่มอีก 7-8% จาก1,500 ล้านบาทในปีนี้
นายพิทยา พันธุ์เพ็ญโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โคคา โฮลดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านอาหาร ในแบรนด์ โคคา,แม็งโก ทรี, โบตันเต,ไชน่า ไวท์ และ เลขที่8 เปิดเผยว่า จากแผนการต่อยอดธุรกิจในระดับโกลบอลตามที่เคยเปิดเผยไปแล้ว ว่าต้องการขยายธุรกิจร้านโคคา ไปยังทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันสามารถขยายสาขาในต่างประเทศได้แล้วกว่า 24 สาขา ในลักษณะการขายแฟรนไชส์ โดยทางบริษัทฯร่วมทุนด้วยในสัดส่วนประมาณ 20% ส่วนในไทยเปิดให้บริการอยู่ 6 สาขา ซึ่งเป็นการลงทุนเองทั้งหมด
แต่แผนการขยายสาขาโคคาไปทั่วโลกนั้น พบว่า วัฒนธรรมในการรับประทานอาหารในลักษณะดังกล่าวยังไม่เป็นที่นิยมในแถบยุโรปและอเมริกา โดยตลอดมาทางบริษัทฯมีการปรับการบริการและรูปแบบการรับประทานอาหารภายในร้านมาโดยตลอด เพื่อให้เข้ากับวัฒนธรรมในแต่ละประเทศ ล่าสุดมองว่าในอีก 3 ปีนี้ สำหรับ “โคคา” จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เพื่อให้สามารถขยายสาขาได้ทั่วโลก ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มาพร้อมกับ การบริหารงานของเจเนอเรชั่นรุ่นที่ 3 ด้วย จากเดิมตามแผนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงร้านโคคาใหม่ภายใน 5 ปี และจะมีการมอบหมายการบริหารงานให้กับเจเนอเรชั่นรุ่น 3 ในช่วงเวลานั้น
โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ได้เริ่มต้นไปบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการเมนูอาหารจานเดียวมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการปรับเมนูอาหาร น้ำยิ้มต่างๆให้ถูกปากกับคนในประเทศนั้นๆ ทั้งนี้เชื่อว่าอีก 3 ปีข้างหน้าภาพความชัดเจนของโคคาในรูปแบบการให้บริการใหม่จะเด่นชัดมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ในปีหน้าร้านโคคาในต่างประเทศ จะมีการเปิดเพิ่มที่เวียดนามอีก 1 สาขา จากที่เปิดให้บริการไปแล้ว 4 สาขา
อย่างไรก็ตามในช่วง ครึ่งปีที่ผ่านมา พบว่าธุรกิจร้านอาหารที่เปิดให้บริการอยู่ ยังไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างไร แต่ในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. ยอดขายลดลง 10-12% แต่เชื่อว่าอีก 2 เดือนที่เหลือนี้ น่าจะทำยอดขายได้ตามเป้าที่วางไว้ หรือมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท ส่วนรายได้จากต่างประเทศคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
สำหรับแผนการลงทุนในปีหน้านั้น บริษัทฯจะมีการขยายสาขาเพิ่มอีก 15 สาขา ในส่วนร้านอาหารไทยโมเดิร์นที่ชื่อ แม็งโก้ ทรี จากปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วกว่า 11 สาขา เป็นในไทย 2 สาขา และต่างประเทศ 9 สาขา ปีหน้าจะเปิดในไทย 2 สาขา เป็นร้านแม็งโก ทรี บริสโท 2 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯและพัทยา การลงทุนต่อร้านอยู่ที่ 15 ล้านบาท และในต่างประเทศอีก 13สาขา โดยเฉพาะประเทศในแถบตะวันออกกลาง อย่าง บาเรน และดูไบ รวมไปถึงประเทศจีนด้วย การลงทุนอยู่ที่สาขาละประมาณ 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่งผลให้ภาพรวมรายได้ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,500 ล้านบาทในปีนี้ เติบโต 13-15% ส่วนปีหน้าได้วางเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 15% แต่ถ้าเศรษฐกิจและการเมืองยังไม่ดีขึ้น มองว่าทำได้ดีที่สุดอาจจะอยู่แค่ 7-8% ก็ถือว่าดีแล้ว จากการเปิดให้บริการร้านอาหาร “โคคา”,ร้านอาหารไทยโมเดิร์น “แม็งโก ทรี”, ร้านอาหารญี่ปุ่น “โบตันเต”,ร้านอาหารจีน “ไชน่า ไวท์” และ ร้านขนม “เลขที่8”
นายพิทยา พันธุ์เพ็ญโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โคคา โฮลดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านอาหาร ในแบรนด์ โคคา,แม็งโก ทรี, โบตันเต,ไชน่า ไวท์ และ เลขที่8 เปิดเผยว่า จากแผนการต่อยอดธุรกิจในระดับโกลบอลตามที่เคยเปิดเผยไปแล้ว ว่าต้องการขยายธุรกิจร้านโคคา ไปยังทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันสามารถขยายสาขาในต่างประเทศได้แล้วกว่า 24 สาขา ในลักษณะการขายแฟรนไชส์ โดยทางบริษัทฯร่วมทุนด้วยในสัดส่วนประมาณ 20% ส่วนในไทยเปิดให้บริการอยู่ 6 สาขา ซึ่งเป็นการลงทุนเองทั้งหมด
แต่แผนการขยายสาขาโคคาไปทั่วโลกนั้น พบว่า วัฒนธรรมในการรับประทานอาหารในลักษณะดังกล่าวยังไม่เป็นที่นิยมในแถบยุโรปและอเมริกา โดยตลอดมาทางบริษัทฯมีการปรับการบริการและรูปแบบการรับประทานอาหารภายในร้านมาโดยตลอด เพื่อให้เข้ากับวัฒนธรรมในแต่ละประเทศ ล่าสุดมองว่าในอีก 3 ปีนี้ สำหรับ “โคคา” จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เพื่อให้สามารถขยายสาขาได้ทั่วโลก ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มาพร้อมกับ การบริหารงานของเจเนอเรชั่นรุ่นที่ 3 ด้วย จากเดิมตามแผนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงร้านโคคาใหม่ภายใน 5 ปี และจะมีการมอบหมายการบริหารงานให้กับเจเนอเรชั่นรุ่น 3 ในช่วงเวลานั้น
โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ได้เริ่มต้นไปบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการเมนูอาหารจานเดียวมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการปรับเมนูอาหาร น้ำยิ้มต่างๆให้ถูกปากกับคนในประเทศนั้นๆ ทั้งนี้เชื่อว่าอีก 3 ปีข้างหน้าภาพความชัดเจนของโคคาในรูปแบบการให้บริการใหม่จะเด่นชัดมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ในปีหน้าร้านโคคาในต่างประเทศ จะมีการเปิดเพิ่มที่เวียดนามอีก 1 สาขา จากที่เปิดให้บริการไปแล้ว 4 สาขา
อย่างไรก็ตามในช่วง ครึ่งปีที่ผ่านมา พบว่าธุรกิจร้านอาหารที่เปิดให้บริการอยู่ ยังไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างไร แต่ในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. ยอดขายลดลง 10-12% แต่เชื่อว่าอีก 2 เดือนที่เหลือนี้ น่าจะทำยอดขายได้ตามเป้าที่วางไว้ หรือมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท ส่วนรายได้จากต่างประเทศคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
สำหรับแผนการลงทุนในปีหน้านั้น บริษัทฯจะมีการขยายสาขาเพิ่มอีก 15 สาขา ในส่วนร้านอาหารไทยโมเดิร์นที่ชื่อ แม็งโก้ ทรี จากปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วกว่า 11 สาขา เป็นในไทย 2 สาขา และต่างประเทศ 9 สาขา ปีหน้าจะเปิดในไทย 2 สาขา เป็นร้านแม็งโก ทรี บริสโท 2 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯและพัทยา การลงทุนต่อร้านอยู่ที่ 15 ล้านบาท และในต่างประเทศอีก 13สาขา โดยเฉพาะประเทศในแถบตะวันออกกลาง อย่าง บาเรน และดูไบ รวมไปถึงประเทศจีนด้วย การลงทุนอยู่ที่สาขาละประมาณ 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่งผลให้ภาพรวมรายได้ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,500 ล้านบาทในปีนี้ เติบโต 13-15% ส่วนปีหน้าได้วางเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 15% แต่ถ้าเศรษฐกิจและการเมืองยังไม่ดีขึ้น มองว่าทำได้ดีที่สุดอาจจะอยู่แค่ 7-8% ก็ถือว่าดีแล้ว จากการเปิดให้บริการร้านอาหาร “โคคา”,ร้านอาหารไทยโมเดิร์น “แม็งโก ทรี”, ร้านอาหารญี่ปุ่น “โบตันเต”,ร้านอาหารจีน “ไชน่า ไวท์” และ ร้านขนม “เลขที่8”