อานิสงส์เอเจนซี่ขนาดกลางถึงเล็ก ลูกค้าแห่ใช้บริการมากขึ้น เหตุประหยัดงบ คุยง่ายถึงตัว “มันเดย์” คุยได้ลูกค้าใหม่กระตุ้นยอดหลายราย เชื่อสิ้นปีรายได้ทะลุ 500 ล้านบาท
นายพรรษพล ลิมปิศิริสันต์ ประธานบริหารฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท มันเดย์ จำกัด ดำเนินธุรกิจเอเจนซี่โฆษณา เครือดับบลิวทีพี กรุ๊ป เปิดเผยว่า ในภาวะเศรษฐกิจที่การชะลอตัวลงนี้ พบว่าหลายๆบริษัทเริ่มมีการปรับลดเม็ดเงินโฆษณาลง โดยหันมาใช้บริการบริษัทเอเจนซี่ขนาดกลางและเล็กมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมองว่าสามารถช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายของการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ได้ ขณะเดียวกันผลงานโฆษณาถือได้ว่ามีประสิทธิภาพเท่าเทียมกับบริษัทเอเจนซี่โฆษณาขนาดใหญ่ และยังตรงใจเข้าถึงลูกค้าได้
สำหรับมันเดย์ ยอมรับว่า มีลูกค้าหลายรายที่มีการตัดงบโฆษณาลง ส่งผลให้กระทบกับรายได้ที่จะเข้ามาบ้าง แต่โชคดีที่มีจำนวนลูกค้าใหม่เข้ามาทดแทนเช่นเดียวกัน ทั้งในลักษณะขององค์กรขนาดใหญ่และเล็ก เช่น ข้าวตราฉัตร, ล็อกเล่ย์, นมโฟรโมสต์ ขณะเดียวกันกลุ่มลูกค้าเก่า ที่ยังคงเลือกใช้บริการอยู่ ได้แก่ โค้ก, ทรูมูฟ, ทรูวิชั่นส์, เครื่องดื่ม ดี เซเว่น รวมไปถึงโครงการคุณธรรมนำไทย ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)เป็นต้น เชื่อว่าสิ้นปีนี้ บริษัทฯจะมีผลประกอบการตามที่วางไว้ 500 ล้านบาท
นายพรรษพล กล่าวต่อว่า สำหรับรูปแบบภาพยนตร์โฆษณาในช่วงรอบปี2551 ที่ผ่านมา ยังคงเป็นลักษณะของ อีโมชั่นแนล เนื้อหาสนุกสนาน เป็นรูปแบบที่เข้าถึงกลุ่มผู้ชมได้ดี มีการติดตามและให้ความสนใจ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสินค้าเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตามแนวโน้มโฆษณาในปี 2552 นี้ มองว่าลูกค้าที่ยังมีทุนสูงอยู่ จะยังใช้เงินไปกับโฆษณาอยู่เช่นเดิม ขณะที่เอเจนซี่ขนาดกลางและเล็กจะเห็นความชัดเจนในเรื่องของการมีลูกค้าใหม่เพิ่มมากขึ้น ส่วนกลุ่มสินค้าคอนซูเมอร์โปรดักส์ มั่นใจว่าจะยังคงเทเม็ดเงินใช้สำหรับโฆษณาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้งบการโฆษณาดังกล่าวคาดว่าจะถูกใช้ไปกับสื่อนิว มีเดีย มากขึ้น แทนสื่อหลักทั้งโทรทัศน์หรือวิทยุ รวมถึงสิ่งพิมพ์จะลดลงแทน เนื่องจาก นิว มีเดีย เป็นสื่อใหม่ที่สามารถเจาะถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดมากกว่าสื่อแมส ขณะเดียวกันก็ยังสามารถช่วยลดต้นทุนในเรื่องของค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น เมื่อเทียบกับสื่อมีเดียอย่างโทรทัศน์
นายพรรษพล ลิมปิศิริสันต์ ประธานบริหารฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท มันเดย์ จำกัด ดำเนินธุรกิจเอเจนซี่โฆษณา เครือดับบลิวทีพี กรุ๊ป เปิดเผยว่า ในภาวะเศรษฐกิจที่การชะลอตัวลงนี้ พบว่าหลายๆบริษัทเริ่มมีการปรับลดเม็ดเงินโฆษณาลง โดยหันมาใช้บริการบริษัทเอเจนซี่ขนาดกลางและเล็กมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมองว่าสามารถช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายของการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ได้ ขณะเดียวกันผลงานโฆษณาถือได้ว่ามีประสิทธิภาพเท่าเทียมกับบริษัทเอเจนซี่โฆษณาขนาดใหญ่ และยังตรงใจเข้าถึงลูกค้าได้
สำหรับมันเดย์ ยอมรับว่า มีลูกค้าหลายรายที่มีการตัดงบโฆษณาลง ส่งผลให้กระทบกับรายได้ที่จะเข้ามาบ้าง แต่โชคดีที่มีจำนวนลูกค้าใหม่เข้ามาทดแทนเช่นเดียวกัน ทั้งในลักษณะขององค์กรขนาดใหญ่และเล็ก เช่น ข้าวตราฉัตร, ล็อกเล่ย์, นมโฟรโมสต์ ขณะเดียวกันกลุ่มลูกค้าเก่า ที่ยังคงเลือกใช้บริการอยู่ ได้แก่ โค้ก, ทรูมูฟ, ทรูวิชั่นส์, เครื่องดื่ม ดี เซเว่น รวมไปถึงโครงการคุณธรรมนำไทย ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)เป็นต้น เชื่อว่าสิ้นปีนี้ บริษัทฯจะมีผลประกอบการตามที่วางไว้ 500 ล้านบาท
นายพรรษพล กล่าวต่อว่า สำหรับรูปแบบภาพยนตร์โฆษณาในช่วงรอบปี2551 ที่ผ่านมา ยังคงเป็นลักษณะของ อีโมชั่นแนล เนื้อหาสนุกสนาน เป็นรูปแบบที่เข้าถึงกลุ่มผู้ชมได้ดี มีการติดตามและให้ความสนใจ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสินค้าเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตามแนวโน้มโฆษณาในปี 2552 นี้ มองว่าลูกค้าที่ยังมีทุนสูงอยู่ จะยังใช้เงินไปกับโฆษณาอยู่เช่นเดิม ขณะที่เอเจนซี่ขนาดกลางและเล็กจะเห็นความชัดเจนในเรื่องของการมีลูกค้าใหม่เพิ่มมากขึ้น ส่วนกลุ่มสินค้าคอนซูเมอร์โปรดักส์ มั่นใจว่าจะยังคงเทเม็ดเงินใช้สำหรับโฆษณาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้งบการโฆษณาดังกล่าวคาดว่าจะถูกใช้ไปกับสื่อนิว มีเดีย มากขึ้น แทนสื่อหลักทั้งโทรทัศน์หรือวิทยุ รวมถึงสิ่งพิมพ์จะลดลงแทน เนื่องจาก นิว มีเดีย เป็นสื่อใหม่ที่สามารถเจาะถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดมากกว่าสื่อแมส ขณะเดียวกันก็ยังสามารถช่วยลดต้นทุนในเรื่องของค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น เมื่อเทียบกับสื่อมีเดียอย่างโทรทัศน์