“บีอีซี-เทโร” คุยรายได้คอนเสิร์ตและอีเว้นต์โตตามเป้า 20% ปีหน้าชูกลยุทธ์จับตลาดคอเพลงระดับเอ-บี เน้นนำเข้าคอนเสิร์ตจับกลุ่มผู้ใหญ่ ยันจำนวนงานเท่าปีนี้ แม้เศรษฐกิจท่าทางทรุดหนัก เผยสปอนเซอร์ยังพร้อมให้การสนับสนุน หลังงัดไม้เด็ดเจรจาร่วมกันหาศิลปินมาแสดง ฮึดสู้เข็นรายได้ปี 52 โตเท่าปีนี้
นายนีล ทอมป์สัน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังสภาพเศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัว มองว่าไทยโชคดี สภาพเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง อุตสาหกรรมยังดีอยู่ กระทบเพียงแค่ส่งออกเล็กน้อย แต่ต่างประเทศเจอผลกระทบหนักกว่า เหตุอาจเป็นเพราะไทยเจอเรื่องร้ายๆมาก่อน หลังช่วงฟองสบู่แตก ไม่ว่าจะเป็นการปฏิวัติ โรคซาร์ ไข้หวัดนก รวมถึงการชุมนุมของพันธมิตรในวันนี้ แต่ภาพรวมเศรษฐกิจยังเดินไปได้ ขณะที่ผู้บริโภคเองมองว่ายังมีกำลังซื้ออยู่ แต่จะพิจารณาในการใช้เงินมากขึ้น
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าในหลายธุรกิจจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงธุรกิจด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ทั้งเพลงหรือโรงภาพยนตร์ แต่ในส่วนของคอนเสิร์ตและอีเว้นท์ที่บริษัทฯนำเข้ามา มองว่ายังไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างไร และยังมีการเติบโตที่ดีอยู่ โดย9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯยังมีรายได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ หรือทั้งปีคาดว่าจะมีรายได้เติบโตจากปีก่อนอีก 15-20% จากจำนวนการนำเข้าคอนเสิร์ต 8 งาน และอีเว้นท์อีก 5 งาน
นายนีล กล่าวต่อว่า สาเหตุที่เรายังสามารถผลักดันการเติบโตขึ้นมาได้ เนื่องจากมองเห็นแนวโน้มของสภาพเศรษฐกิจตั้งแต่ปีก่อน ดังนั้นในปีนี้บริษัทฯจึงได้เริ่มปรับแผนกลยุทธ์การตลาดใหม่ไม่ว่าจะเป็น การคัดสรรคอนเสิร์ตและอีเว้นต์ที่จะนำเข้ามา โดยเน้นศิลปินที่เป็นกลุ่มผู้ใหญ่มากขึ้น จับฐานผู้ฟังระดับ เอ-บี จากเดิมที่เป็นแมส เนื่องจากมองเห็นกำลังซื้อที่ยังพร้อมที่จะจ่ายอยู่
อีกทั้งได้ให้ความสำคัญกับสปอนเซอร์ชิฟมากยิ่งขึ้น ซึ่งปีนี้เริ่มปรับการหาสปอนเซอร์โดยใช้วิธีปรึกษาหารือร่วมกันในการเลือกศิลปินเข้ามาแสดง ก่อนที่จะติดต่อศิลปินเข้ามา ทั้งนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าการจัดคอนเสิร์ตนี้จะมีสปอนเซอร์แน่นอน อีกทั้งสปอนเซอร์ก็จะมีส่วนร่วมมากขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของการไท-อิน หรือจัดกิจกรรมร่วม ซึ่งตลอดปีที่ผ่านมา ตัวอย่างคอนเสิร์ตที่นำเข้า โดยผ่านการหาสปอนเซอร์ก่อนนี้ คือ Jump เมื่อวันที่ 18-22 มิ.ย.ที่ผ่านมามีสิงห์เป็นสปอนเซอร์ และล่าสุดกับคอนเสิร์ต ของ KylieX ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 23 พ.ย.นี้ โดยมีทางสิงห์และสก๊อตเป็นสปอนเซอร์
อย่างไรก็ตามภาพรวมการจัดงานในปีนี้ ถือว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ขณะที่งานคอนเสิร์ตที่ลงทุนมากที่สุดคือ KylieX มีมูลค่า 30 ล้านบาท ซึ่งยังเป็นงานคอนเสิร์ต ที่มีการจำหน่ายบัตรเข้าชมในราคาสูงสุดในปีนี้ด้วยที่ 9,500 บาท จำนวน 300 ที่นั่ง จำหน่ายหมดแล้ว นอกจากนี้อีเว้นต์งานแสดงที่ลงทุนมากสุด คือ Disney on ice ส่วนละครเวทีที่ลงทุนสูงสุด คือ Cinderella
ล่าสุดสำหรับแผนการนำเข้าคอนเสิร์ตและอีเว้นต์ในปีหน้า ยังคงไว้เท่าปีนี้ คือ คอนเสิร์ต 8 งาน อีเว้นท์ 5 งาน มุ่งจับฐานระดับเอ-บี และกลุ่มผู้ใหญ่มากยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนจัดงานคอนเสิร์ตในรูปแบบ มิวสิค เฟสติวัลจะมีการนำศิลปิน นักร้อง หรือวงดนตรี จำนวนไม่ต่ำกว่า 60 วง ทั้งระดับเนชั่นแนลและเอเชีย เพื่อจับตลาดผู้ฟังแบบนีช มีความชื่นชอบในแนวเพลงที่หลากหลายด้วย
ขณะเดียวกับในส่วนของราคาบัตรเข้าชมนั้น บริษัทฯยังคงราคาเดิม แต่ถ้ามีการปรับจะมองเป็นเซกเม้นท์มากขึ้น โดยราคาบัตรที่ปรับนั้น จะเน้นเพิ่มมูลค่าในราคาบัตรมากกว่า ไม่ว่าจะเป็น การจองที่จอดรถไว้ให้ หรือมีบริการอาหารและเครื่องดื่มก่อนเข้างาน เป็นต้น คาดว่ากลยุทธ์ที่กล่าวมาจะส่งผลให้ในปีหน้าบริษัทฯจะมีการเติบโต 15-20% แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจเป็นสำคัญ
นายนีล ทอมป์สัน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังสภาพเศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัว มองว่าไทยโชคดี สภาพเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง อุตสาหกรรมยังดีอยู่ กระทบเพียงแค่ส่งออกเล็กน้อย แต่ต่างประเทศเจอผลกระทบหนักกว่า เหตุอาจเป็นเพราะไทยเจอเรื่องร้ายๆมาก่อน หลังช่วงฟองสบู่แตก ไม่ว่าจะเป็นการปฏิวัติ โรคซาร์ ไข้หวัดนก รวมถึงการชุมนุมของพันธมิตรในวันนี้ แต่ภาพรวมเศรษฐกิจยังเดินไปได้ ขณะที่ผู้บริโภคเองมองว่ายังมีกำลังซื้ออยู่ แต่จะพิจารณาในการใช้เงินมากขึ้น
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าในหลายธุรกิจจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงธุรกิจด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ทั้งเพลงหรือโรงภาพยนตร์ แต่ในส่วนของคอนเสิร์ตและอีเว้นท์ที่บริษัทฯนำเข้ามา มองว่ายังไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างไร และยังมีการเติบโตที่ดีอยู่ โดย9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯยังมีรายได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ หรือทั้งปีคาดว่าจะมีรายได้เติบโตจากปีก่อนอีก 15-20% จากจำนวนการนำเข้าคอนเสิร์ต 8 งาน และอีเว้นท์อีก 5 งาน
นายนีล กล่าวต่อว่า สาเหตุที่เรายังสามารถผลักดันการเติบโตขึ้นมาได้ เนื่องจากมองเห็นแนวโน้มของสภาพเศรษฐกิจตั้งแต่ปีก่อน ดังนั้นในปีนี้บริษัทฯจึงได้เริ่มปรับแผนกลยุทธ์การตลาดใหม่ไม่ว่าจะเป็น การคัดสรรคอนเสิร์ตและอีเว้นต์ที่จะนำเข้ามา โดยเน้นศิลปินที่เป็นกลุ่มผู้ใหญ่มากขึ้น จับฐานผู้ฟังระดับ เอ-บี จากเดิมที่เป็นแมส เนื่องจากมองเห็นกำลังซื้อที่ยังพร้อมที่จะจ่ายอยู่
อีกทั้งได้ให้ความสำคัญกับสปอนเซอร์ชิฟมากยิ่งขึ้น ซึ่งปีนี้เริ่มปรับการหาสปอนเซอร์โดยใช้วิธีปรึกษาหารือร่วมกันในการเลือกศิลปินเข้ามาแสดง ก่อนที่จะติดต่อศิลปินเข้ามา ทั้งนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าการจัดคอนเสิร์ตนี้จะมีสปอนเซอร์แน่นอน อีกทั้งสปอนเซอร์ก็จะมีส่วนร่วมมากขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของการไท-อิน หรือจัดกิจกรรมร่วม ซึ่งตลอดปีที่ผ่านมา ตัวอย่างคอนเสิร์ตที่นำเข้า โดยผ่านการหาสปอนเซอร์ก่อนนี้ คือ Jump เมื่อวันที่ 18-22 มิ.ย.ที่ผ่านมามีสิงห์เป็นสปอนเซอร์ และล่าสุดกับคอนเสิร์ต ของ KylieX ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 23 พ.ย.นี้ โดยมีทางสิงห์และสก๊อตเป็นสปอนเซอร์
อย่างไรก็ตามภาพรวมการจัดงานในปีนี้ ถือว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ขณะที่งานคอนเสิร์ตที่ลงทุนมากที่สุดคือ KylieX มีมูลค่า 30 ล้านบาท ซึ่งยังเป็นงานคอนเสิร์ต ที่มีการจำหน่ายบัตรเข้าชมในราคาสูงสุดในปีนี้ด้วยที่ 9,500 บาท จำนวน 300 ที่นั่ง จำหน่ายหมดแล้ว นอกจากนี้อีเว้นต์งานแสดงที่ลงทุนมากสุด คือ Disney on ice ส่วนละครเวทีที่ลงทุนสูงสุด คือ Cinderella
ล่าสุดสำหรับแผนการนำเข้าคอนเสิร์ตและอีเว้นต์ในปีหน้า ยังคงไว้เท่าปีนี้ คือ คอนเสิร์ต 8 งาน อีเว้นท์ 5 งาน มุ่งจับฐานระดับเอ-บี และกลุ่มผู้ใหญ่มากยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนจัดงานคอนเสิร์ตในรูปแบบ มิวสิค เฟสติวัลจะมีการนำศิลปิน นักร้อง หรือวงดนตรี จำนวนไม่ต่ำกว่า 60 วง ทั้งระดับเนชั่นแนลและเอเชีย เพื่อจับตลาดผู้ฟังแบบนีช มีความชื่นชอบในแนวเพลงที่หลากหลายด้วย
ขณะเดียวกับในส่วนของราคาบัตรเข้าชมนั้น บริษัทฯยังคงราคาเดิม แต่ถ้ามีการปรับจะมองเป็นเซกเม้นท์มากขึ้น โดยราคาบัตรที่ปรับนั้น จะเน้นเพิ่มมูลค่าในราคาบัตรมากกว่า ไม่ว่าจะเป็น การจองที่จอดรถไว้ให้ หรือมีบริการอาหารและเครื่องดื่มก่อนเข้างาน เป็นต้น คาดว่ากลยุทธ์ที่กล่าวมาจะส่งผลให้ในปีหน้าบริษัทฯจะมีการเติบโต 15-20% แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจเป็นสำคัญ
