คาร์ฟอร์แคช ประเมินสินเชื่อเพื่อการมีรถปีหน้าแข่งดุ คาดทั้งระบบโตไม่เกิน 10% เผยกลยุทธ์เน้นด้านบริการมากกว่าแข่งหั่นดอกเบี้ย พร้อมเพิ่มพนักงานดิลิเวอรี่เดินสายพบลูกค้าถึงบ้าน หวังช่วยดันอัตราการเติบโตให้ถึง 20% รับอยู่ระหว่างศึกษาช่องทางขยายธุรกิจผ่านแบงก์ หลังแบงก์กรุงศรีฯเข้าถือหุ้น ส่วนยอดหนี้เน่าปัจจุบันอยู่ในระดับ 2.1% จากทั้งระบบที่อยู่ในระดับ 2.3-2.5% และคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน)(AYCAL) ผู้ให้บริการสินเชื่อเพื่อการมีรถ หรือ คาร์ฟอร์แคช เปิดเผยว่า ภาพรวมในปีหน้าของสินเชื่อเพื่อการมีรถนั้นจะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น โดยกลยุทธ์ที่จะนำมาแข่งขันนั้นจะเป็นในด้านของการบริการมากกว่าที่จะเป็นเรื่องของการตัดราคาด้วยการเสนออัตราดอกเบี้ย 0% โดยภาพรวมตลาดสินเชื่อเพื่อเช่าซื้อรถยนต์ของไทยทั้งระบบมีเม็ดเงินสะพัดอยู่ประมาณ 500,000 ล้านบาท ซึ่งธุรกิจรถยนต์ประเภทใช้แล้ว มีมูลค่าตลาดประมาณ 100,000 ล้านบาท แยกเป็นธุรกิจรีไฟแนนซ์ มูลค่า 25,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนดังกล่าวทางบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 40%หรือคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 10,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า ภาพรวมธุรกิจสินเชื่อรีไฟแนนซ์ในปีหน้ายังมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่องแต่ไม่น่าเกิน 10% ซึ่งบริษัทคาดว่า คาร์ฟอร์แคชจะมีการขยายตัวอยู่ประมาณ 20%จากในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ 30% โดยกลยุทธ์หลักๆ ของบริษัทจะเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ดียิ่งขึ้นต่อเนื่องจากที่ในปีนี้บริษัทได้มีการจับมือกับพันธมิตรทางการค้าผ่านเต็นท์รถใช้แล้วกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ ตัวแทนกว่า 250 ราย พนักงานคอลล์เซ็นเตอร์ 200 ราย และพนักงานคาร์ฟอร์แคช ดิลิเวอรี่ 400 คน ซึ่งปีหน้าจะเพิ่มเป็น 600 คน ที่พร้อมให้บริการถึงบ้านครอบคลุมทุกพื้นที่รองรับการขยายตัวของธุรกิจและตอบสนองความพึงพอใจของผู้บริโภคเป็นสำคัญ และในอนาคตอาจสร้างเครือข่าย เพื่อให้เข้าถึงลูกค้า เช่น ตามร้านขายของชำ เป็นต้น พร้อมกันนั้นก็จะมองหาตัวแทนพันธมิตรเพิ่มเพื่อรองรับกับลูกค้าที่เพิ่มขึ้นด้วย อาทิ ร้านคาร์แคร์ ร้านแต่งรถ เป็นต้น
“แม้ว่าตลาดสินเชื่อรีไฟแนนซ์น่าจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยในด้านต่างประเทศ แต่เชื่อว่ายังจะมีการเติบโตที่สูงกว่าสินเชื่อบุคคลทั่วไปแน่นอน ส่วนจุดเด่นของคาร์ฟอร์แคชที่บริษัทให้บริการอยู่นั้นคือการให้วงเงินเต็ม 100% จากราคาประเมินของบริษัท ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 60 เดือน ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันในการสมัครขอสินเชื่อ โดยฐานเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 8,000 บาทขึ้นไป และรู้ผลอนุมัติเร็วรับได้เงินภายใน 1 วัน และสิ่งที่เราจะเน้นการปีหน้าคือเรื่องของการเพิ่มจำนวนพนักงานคาร์ฟอร์แคชเดลิเวอรี่ รวมถึงจะมีการพัฒนาและสนับสนุนดีลเลอร์ให้มากขึ้น สำหรับงบการตลาดคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาท จากในปีนี้ใช้อยู่ที่ประมาณ 130-150 ล้านบาท”
นายไพโรจน์ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาขั้นตอนของการทำธุรกิจผ่านช่องทางธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY ซึ่งเป็นบริษัทแม่ว่าจะสามารถทำได้อย่างไรบ้าง ซึ่งการศึกษานั้นจะดูถึงกฎระเบียบข้อบังคับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปว่าจะสามารถใช้ช่องทางผ่านธนาคารได้อย่างไรบ้างในปีหน้า
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตสินเชื่อรวมทั้งหมด มูลค่า 48,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อรถใช้แล้ว 24,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 50% ของพอร์ต สินเชื่อรีไฟแนนซ์ 20,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 42% และสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ 4,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 8% ส่วนฐานลูกค้าปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 100,000 ราย แบ่งเป็นลูกค้าที่อยู่ในกรุงเทพฯ 30% และต่างจังหวัด 70% โดยในปีหน้าคาดว่าสัดส่วนดังกล่าวจะมีการเปลี่ยนแปลง คือ ลูกค้าที่อยู่ในกรุงเทพฯจะลดลงเหลือ 25% และต่างจังหวัดจะเพิ่มเป็น 75%
สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสินเชื่อคาร์ฟอร์แคชในขณะนี้ อยู่ที่ระดับ 2.1% ขณะที่ในตลาดอยู่ที่ 2.3-2.5% ซึ่งระดับเอ็นพีแอลดังกล่าวถือว่าอยู่ในระดับที่ปกติ และยังไม่มีสัญญาณผิดนัดชำระที่มีนัยสำคัญแต่อย่างใด แต่ในปีหน้าซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจคงจะมีการชะลอตัวลงนั้นก็มีความเป็นห่วงว่าลูกหนี้จะมีศักยภาพในการชำระหนี้น้อยลง แต่อย่างใดก็ตาม ทางบริษัทได้มีโมเดลในการให้ความช่วยเหลือไว้แล้ว เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ด้วยการยืดเวลาการชำระหนี้ เป็นต้น
นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน)(AYCAL) ผู้ให้บริการสินเชื่อเพื่อการมีรถ หรือ คาร์ฟอร์แคช เปิดเผยว่า ภาพรวมในปีหน้าของสินเชื่อเพื่อการมีรถนั้นจะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น โดยกลยุทธ์ที่จะนำมาแข่งขันนั้นจะเป็นในด้านของการบริการมากกว่าที่จะเป็นเรื่องของการตัดราคาด้วยการเสนออัตราดอกเบี้ย 0% โดยภาพรวมตลาดสินเชื่อเพื่อเช่าซื้อรถยนต์ของไทยทั้งระบบมีเม็ดเงินสะพัดอยู่ประมาณ 500,000 ล้านบาท ซึ่งธุรกิจรถยนต์ประเภทใช้แล้ว มีมูลค่าตลาดประมาณ 100,000 ล้านบาท แยกเป็นธุรกิจรีไฟแนนซ์ มูลค่า 25,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนดังกล่าวทางบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 40%หรือคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 10,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า ภาพรวมธุรกิจสินเชื่อรีไฟแนนซ์ในปีหน้ายังมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่องแต่ไม่น่าเกิน 10% ซึ่งบริษัทคาดว่า คาร์ฟอร์แคชจะมีการขยายตัวอยู่ประมาณ 20%จากในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ 30% โดยกลยุทธ์หลักๆ ของบริษัทจะเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ดียิ่งขึ้นต่อเนื่องจากที่ในปีนี้บริษัทได้มีการจับมือกับพันธมิตรทางการค้าผ่านเต็นท์รถใช้แล้วกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ ตัวแทนกว่า 250 ราย พนักงานคอลล์เซ็นเตอร์ 200 ราย และพนักงานคาร์ฟอร์แคช ดิลิเวอรี่ 400 คน ซึ่งปีหน้าจะเพิ่มเป็น 600 คน ที่พร้อมให้บริการถึงบ้านครอบคลุมทุกพื้นที่รองรับการขยายตัวของธุรกิจและตอบสนองความพึงพอใจของผู้บริโภคเป็นสำคัญ และในอนาคตอาจสร้างเครือข่าย เพื่อให้เข้าถึงลูกค้า เช่น ตามร้านขายของชำ เป็นต้น พร้อมกันนั้นก็จะมองหาตัวแทนพันธมิตรเพิ่มเพื่อรองรับกับลูกค้าที่เพิ่มขึ้นด้วย อาทิ ร้านคาร์แคร์ ร้านแต่งรถ เป็นต้น
“แม้ว่าตลาดสินเชื่อรีไฟแนนซ์น่าจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยในด้านต่างประเทศ แต่เชื่อว่ายังจะมีการเติบโตที่สูงกว่าสินเชื่อบุคคลทั่วไปแน่นอน ส่วนจุดเด่นของคาร์ฟอร์แคชที่บริษัทให้บริการอยู่นั้นคือการให้วงเงินเต็ม 100% จากราคาประเมินของบริษัท ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 60 เดือน ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันในการสมัครขอสินเชื่อ โดยฐานเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 8,000 บาทขึ้นไป และรู้ผลอนุมัติเร็วรับได้เงินภายใน 1 วัน และสิ่งที่เราจะเน้นการปีหน้าคือเรื่องของการเพิ่มจำนวนพนักงานคาร์ฟอร์แคชเดลิเวอรี่ รวมถึงจะมีการพัฒนาและสนับสนุนดีลเลอร์ให้มากขึ้น สำหรับงบการตลาดคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาท จากในปีนี้ใช้อยู่ที่ประมาณ 130-150 ล้านบาท”
นายไพโรจน์ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาขั้นตอนของการทำธุรกิจผ่านช่องทางธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY ซึ่งเป็นบริษัทแม่ว่าจะสามารถทำได้อย่างไรบ้าง ซึ่งการศึกษานั้นจะดูถึงกฎระเบียบข้อบังคับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปว่าจะสามารถใช้ช่องทางผ่านธนาคารได้อย่างไรบ้างในปีหน้า
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตสินเชื่อรวมทั้งหมด มูลค่า 48,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อรถใช้แล้ว 24,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 50% ของพอร์ต สินเชื่อรีไฟแนนซ์ 20,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 42% และสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ 4,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 8% ส่วนฐานลูกค้าปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 100,000 ราย แบ่งเป็นลูกค้าที่อยู่ในกรุงเทพฯ 30% และต่างจังหวัด 70% โดยในปีหน้าคาดว่าสัดส่วนดังกล่าวจะมีการเปลี่ยนแปลง คือ ลูกค้าที่อยู่ในกรุงเทพฯจะลดลงเหลือ 25% และต่างจังหวัดจะเพิ่มเป็น 75%
สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสินเชื่อคาร์ฟอร์แคชในขณะนี้ อยู่ที่ระดับ 2.1% ขณะที่ในตลาดอยู่ที่ 2.3-2.5% ซึ่งระดับเอ็นพีแอลดังกล่าวถือว่าอยู่ในระดับที่ปกติ และยังไม่มีสัญญาณผิดนัดชำระที่มีนัยสำคัญแต่อย่างใด แต่ในปีหน้าซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจคงจะมีการชะลอตัวลงนั้นก็มีความเป็นห่วงว่าลูกหนี้จะมีศักยภาพในการชำระหนี้น้อยลง แต่อย่างใดก็ตาม ทางบริษัทได้มีโมเดลในการให้ความช่วยเหลือไว้แล้ว เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ด้วยการยืดเวลาการชำระหนี้ เป็นต้น