กองกิจการภาพยนตร์ เล็งถก คณะทำงาน ขออินเซน ทีฟ ดึงกองถ่ายหนังจากต่างประเทศเข้าไทย หวั่งเสียโอกาส เหตุเศรษฐกิจโลกชะลอตัว คู่แข่งเร่งอัดแคมเปญหนัก ด้าน “วีระศักดิ์” ยัน เรื่องบิดหนังเข้ามาถ่ายในไทย สำคัญกว่า การลดภาษี พบข้อมูลจากบีโอไอเอกชนเมินของสิทธิประโยชน์สร้างสตูดิโอฯ
นางสาววรรณสิริ โมรากุล ผู้อำนวยการกองกิจการภาพยนตร์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะคณะทำงานการศึกษาแนวทางสร้างมาตรการจูงใจด้านการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ครั้งที่ 1-2551 ที่จะมีขึ้นในวันนี้(17 พ.ย.51) โดยมี นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นประธาน ทางกองฯ เตรียมเสนอเรื่องการให้สิทธิประโยชน์แก่กองถ่ายทำภาพยนตร์เป็นการจูงใจ(อินเซนทีฟ) เข้าหารือในที่ประชุม จุดประสงค์เพื่อต้องการให้อินเซนทีฟ เป็นตัวกระตุ้นการตัดสินใจของกองถ่ายทำภาพยนตร์ให้เลือกมาใช้โลเกชั่นในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้คณะทำงานฯชุดดังกล่าวประกอปด้วย ตัวแทนจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) กรมสรรพากร กรมศุลกากร เป็นต้น รวมถึงภาคเอกชน โดยการประชุมครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้ เอกชนแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ และ สิ่งที่ต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือ เพราะที่ผ่านมาการส่งเสริมการลงทุนของ บีโอไอ ก็เน้นเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ จึงไม่ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการในธุรกิจภาพยนตร์ จึงหวังให้การประชุมครั้งนนี้ไปสู่การแก้ปัญหาได้ตรงจุด
สำหรับแนวคิดที่ภาครัฐจะออกไปประมูลภาพยนตร์ต่างประเทศให้เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย ถือเป็นเรื่องดี แต่ก็ต้องมีอินเซนทีฟไปนำเสนอแก่กองถ่ายทำฯด้วย เพื่อจูงใจได้ดีที่สุด ที่ผ่านมา หลายกองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศที่เปลี่ยนใจไปถ่ายในประเทศจีน เวียดนาม และ ออสเตรเลีย ก็เพราะ เขาได้อินเซนทีฟ เป็นที่พอใจ ขณะที่ประเทศไทยมีโลเกชั่นหลากหลายก็ไม่สามารถฉุดรั้งไว้ได้ เพราะ ในภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทุกธุรกิจจำเป็นต้องรัดเข็มขัด ประหยัดต้นทุนเท่าที่จะทำได้ ที่ผ่านมายอมรับว่าประเทศไทยเสียโอกาสทางการแข่งขัน
***10 เดือนโตเฉียด 77% **
อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวเลขการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย 10 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.) มีภาพยนตร์ต่างชาติเข้ามาถ่ายทำในไทยรวม 451 เรื่อง สร้างรายได้เข้าประเทศ 1,895.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 822.55 ล้านบาท หรือ 76.68% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับประเภทภาพยนตร์ที่เข้ามาถ่ายทำมากที่สุด ได้แก่ สารคดี ,โฆษณา ประเภทละ 166 เรื่อง ,ถ่ายทำมิวสิควีดีโอ 58 เรื่อง ,ภาพยนตร์โทรทัศน์ 38 เรื่อง และภาพยนตร์เรื่องยาว 23 เรื่อง ประเทศที่เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในไทยมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ ญี่ปุ่น 110 เรื่อง รองลงมาคือ อินเดีย 105 เรื่อง และประเทศในแถบยุโรป 90 เรื่อง
****วีระศักดิ์ยันต้องประมูลหนัง***
ทางด้านนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ได้นำเรื่องการส่งเสริมกองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย เข้าหารือนางอรรชกา ศรีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการ บีโอไอ แล้ว ซึ่ง เขาเห็นด้วย และแจ้งกลับมาว่า บีโอไอ ได้ออกเกณฑ์ส่งเสริมการสร้างมูฟวี่ย์ ทาวน์ ไปแล้ว เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการที่สนใจลงทุนด้านสตูดิโอถ่ายทำภาพยนตร์ แต่ก็ยังไม่มีผู้ประกอบการใดสนใจเสนอขอรับการส่งเสริมสูติดิโอถ่ายทำภาพยนตร์ขนาดใหญ่เข้ามาเลย
สำหรับแนวคิดการให้อินเซนทีฟแก่กองถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศ ด้วยการลดภาษีนำเข้าอุปกรณ์สำหรับถ่ายทำภาพยนตร์ มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญมากเท่ากับการที่ภาครัฐจะได้รับงบประมาณเพื่อไปประมูลภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย
นางสาววรรณสิริ โมรากุล ผู้อำนวยการกองกิจการภาพยนตร์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะคณะทำงานการศึกษาแนวทางสร้างมาตรการจูงใจด้านการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ครั้งที่ 1-2551 ที่จะมีขึ้นในวันนี้(17 พ.ย.51) โดยมี นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นประธาน ทางกองฯ เตรียมเสนอเรื่องการให้สิทธิประโยชน์แก่กองถ่ายทำภาพยนตร์เป็นการจูงใจ(อินเซนทีฟ) เข้าหารือในที่ประชุม จุดประสงค์เพื่อต้องการให้อินเซนทีฟ เป็นตัวกระตุ้นการตัดสินใจของกองถ่ายทำภาพยนตร์ให้เลือกมาใช้โลเกชั่นในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้คณะทำงานฯชุดดังกล่าวประกอปด้วย ตัวแทนจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) กรมสรรพากร กรมศุลกากร เป็นต้น รวมถึงภาคเอกชน โดยการประชุมครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้ เอกชนแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ และ สิ่งที่ต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือ เพราะที่ผ่านมาการส่งเสริมการลงทุนของ บีโอไอ ก็เน้นเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ จึงไม่ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการในธุรกิจภาพยนตร์ จึงหวังให้การประชุมครั้งนนี้ไปสู่การแก้ปัญหาได้ตรงจุด
สำหรับแนวคิดที่ภาครัฐจะออกไปประมูลภาพยนตร์ต่างประเทศให้เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย ถือเป็นเรื่องดี แต่ก็ต้องมีอินเซนทีฟไปนำเสนอแก่กองถ่ายทำฯด้วย เพื่อจูงใจได้ดีที่สุด ที่ผ่านมา หลายกองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศที่เปลี่ยนใจไปถ่ายในประเทศจีน เวียดนาม และ ออสเตรเลีย ก็เพราะ เขาได้อินเซนทีฟ เป็นที่พอใจ ขณะที่ประเทศไทยมีโลเกชั่นหลากหลายก็ไม่สามารถฉุดรั้งไว้ได้ เพราะ ในภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทุกธุรกิจจำเป็นต้องรัดเข็มขัด ประหยัดต้นทุนเท่าที่จะทำได้ ที่ผ่านมายอมรับว่าประเทศไทยเสียโอกาสทางการแข่งขัน
***10 เดือนโตเฉียด 77% **
อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวเลขการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย 10 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.) มีภาพยนตร์ต่างชาติเข้ามาถ่ายทำในไทยรวม 451 เรื่อง สร้างรายได้เข้าประเทศ 1,895.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 822.55 ล้านบาท หรือ 76.68% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับประเภทภาพยนตร์ที่เข้ามาถ่ายทำมากที่สุด ได้แก่ สารคดี ,โฆษณา ประเภทละ 166 เรื่อง ,ถ่ายทำมิวสิควีดีโอ 58 เรื่อง ,ภาพยนตร์โทรทัศน์ 38 เรื่อง และภาพยนตร์เรื่องยาว 23 เรื่อง ประเทศที่เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในไทยมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ ญี่ปุ่น 110 เรื่อง รองลงมาคือ อินเดีย 105 เรื่อง และประเทศในแถบยุโรป 90 เรื่อง
****วีระศักดิ์ยันต้องประมูลหนัง***
ทางด้านนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ได้นำเรื่องการส่งเสริมกองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย เข้าหารือนางอรรชกา ศรีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการ บีโอไอ แล้ว ซึ่ง เขาเห็นด้วย และแจ้งกลับมาว่า บีโอไอ ได้ออกเกณฑ์ส่งเสริมการสร้างมูฟวี่ย์ ทาวน์ ไปแล้ว เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการที่สนใจลงทุนด้านสตูดิโอถ่ายทำภาพยนตร์ แต่ก็ยังไม่มีผู้ประกอบการใดสนใจเสนอขอรับการส่งเสริมสูติดิโอถ่ายทำภาพยนตร์ขนาดใหญ่เข้ามาเลย
สำหรับแนวคิดการให้อินเซนทีฟแก่กองถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศ ด้วยการลดภาษีนำเข้าอุปกรณ์สำหรับถ่ายทำภาพยนตร์ มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญมากเท่ากับการที่ภาครัฐจะได้รับงบประมาณเพื่อไปประมูลภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย
