ซีพีเอฟ รุกตลาดอาหารแปรรูปสัตว์น้ำเต็มสูบ ทุ่ม 100 ล้านบาท ขยายโรงงานผลิตเกี๊ยวกุ้ง 3 แสนถ้วยต่อวัน ลุยยุโรป-อเมริกา ปีหน้าปั้นเบอร์เกอร์กุ้ง สแนกแปรรูป ตั้งเป้ากลุ่มธุรกิจอาหารแปรรูปสัตว์โต 15-20% หวังเกี๊ยวกุ้งเรือธงโต 50%
นายสมหมาย เตชะศิรินุกุล รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ซื้อเครื่องจักรเพื่อขยายกำลังการผลิตอาหารแปรรูปสัตว์น้ำ ในกลุ่มสินค้าเกี๊ยวกุ้งภายใต้แบรนด์ซีพี เพื่อรองรับแผนการขยายตลาดต่างประเทศในเชิงรุก โดยจะขยายกำลังผลิตโรงงาน 2 แห่ง คือ โรงงานจังหวัดสมุทรสงคราม จาก 1 แสนถ้วยต่อวัน เป็น 1.5 แสนถ้วยต่อวัน ส่วนโรงงานจังหวัดระยอง จะเริ่มดำเนินการในปีหน้า คาดว่า จะเพิ่มกำลังการผลิต 3 แสนถ้วยต่อวัน และรองรับการเติบโตของตลาดในช่วง 3 ปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการตลาดอาหารแปรรูปจากสัตว์น้ำในเชิงรุก ด้วยการขยายตลาดยุโรปเป็นหลัก อาทิ แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส เนื่องจากอาหารแปรรูปจากสัตว์เป็นตลาดใหญ่ โดยบริษัทส่งออก 3.5-4 หมื่นตัน หรือคิด 12% จากรายได้รวม ตลอดจนขยายตลาดในอเมริกาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างซีพีให้เป็นโกลบอลแบรนด์ นำเสนอนวัตกรรมอาหารรูปแบบใหม่ต่อเนื่อง เน้นความปลอดภัย
สำหรับปีหน้าจะเปิดตัวสินค้าใหม่ 2-3 รายการ อาทิ แสนกแปรรูปจากสัตว์ และสินค้ากลุ่มอื่นๆ อาทิ บะหมี่เกี๊ยว เกี๊ยวกุ้งราดซอสงา และเกี๊ยวกุ้งทอด เป็นต้น ล่าสุด เตรียมเปิดตัวเบอร์เกอร์กุ้งในต้นปีหน้าจำหน่ายผ่านช่องทางห้างสรรพสินค้าคอสโก และเซฟเวย์ เป็นต้น โดยมองว่าจากวิกฤติเศรษฐกิจในอเมริกา บริษัทฯจะได้รับผลดีมากกว่าผลกระทบด้านยอดการส่งออก
“ซีพีเอฟ ยังได้รับอานิสงส์ การปนเปื้อนสารเมลามีนในจีน ในขณะที่บริษัทมีมาตรฐานการผลิตที่สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ดังนั้น จึงมองว่า เป็นโอกาสในการทำตลาดของซีพีเอฟมากกว่า โดยหลังจากบริษัทฯได้ส่งออกเกี๊ยวกุ้งไปยัง 17 ต่างประเทศ ในอเมริกาและยุโรปได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา มียอดขาย 2,000 ตัน เติบโตเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา”
แนวโน้มการแข่งขันในตลาดโลก สินค้าไทยมีความได้เปรียบเพราะต้นทุนไม่สูงมากนัก ซึ่งบริษัทฯตั้งเป้าส่งออกอาหารแปรรูปจากสัตว์ เติบโต 15-20% ทุกปี และจากการดำเนินการขยายตลาดเกี๊ยวกุ้งคาดว่าในช่วง 3 ปี จะเติบโต 50% ต่อเนื่อง จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 400 ล้านบาท โดยปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 600 ล้านบาท โดยปัจจุบันเกี๊ยวกุ้งมียอดขายติดอันดับ 1 ใน 5 ในทุกช่องทางที่วางขาย ซึ่งอเมริกามียอดขาย 70% ส่วนอีก 30% เป็นตลาดอื่นๆ ส่วนการส่งออกเบอร์เกอร์กุ้ง ตั้งเป้าให้เป็นสินค้าแชมเปี้ยน โดยปีแรกวางยอดขาย 1,000 ตัน
ตลาดอาหารแปรรูปพร้อมทานในไทย ต้องใช้เวลาสร้างตลาด เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่นิยมซื้ออาหารจากตลาดสดมาปรุงเอง อย่างไรก็ตามตลาดอาหารแปรรูปพร้อมทานได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยในไทยบริษัทได้เริ่มจำหน่ายเบอร์เกอร์กุ้ง ผ่านช่องทางของเครือซีพี อาทิ ซีพี เฟรชมาร์ท และเชนฟาสต์ฟูด เป็นต้น
นายสมหมาย เตชะศิรินุกุล รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ซื้อเครื่องจักรเพื่อขยายกำลังการผลิตอาหารแปรรูปสัตว์น้ำ ในกลุ่มสินค้าเกี๊ยวกุ้งภายใต้แบรนด์ซีพี เพื่อรองรับแผนการขยายตลาดต่างประเทศในเชิงรุก โดยจะขยายกำลังผลิตโรงงาน 2 แห่ง คือ โรงงานจังหวัดสมุทรสงคราม จาก 1 แสนถ้วยต่อวัน เป็น 1.5 แสนถ้วยต่อวัน ส่วนโรงงานจังหวัดระยอง จะเริ่มดำเนินการในปีหน้า คาดว่า จะเพิ่มกำลังการผลิต 3 แสนถ้วยต่อวัน และรองรับการเติบโตของตลาดในช่วง 3 ปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการตลาดอาหารแปรรูปจากสัตว์น้ำในเชิงรุก ด้วยการขยายตลาดยุโรปเป็นหลัก อาทิ แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส เนื่องจากอาหารแปรรูปจากสัตว์เป็นตลาดใหญ่ โดยบริษัทส่งออก 3.5-4 หมื่นตัน หรือคิด 12% จากรายได้รวม ตลอดจนขยายตลาดในอเมริกาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างซีพีให้เป็นโกลบอลแบรนด์ นำเสนอนวัตกรรมอาหารรูปแบบใหม่ต่อเนื่อง เน้นความปลอดภัย
สำหรับปีหน้าจะเปิดตัวสินค้าใหม่ 2-3 รายการ อาทิ แสนกแปรรูปจากสัตว์ และสินค้ากลุ่มอื่นๆ อาทิ บะหมี่เกี๊ยว เกี๊ยวกุ้งราดซอสงา และเกี๊ยวกุ้งทอด เป็นต้น ล่าสุด เตรียมเปิดตัวเบอร์เกอร์กุ้งในต้นปีหน้าจำหน่ายผ่านช่องทางห้างสรรพสินค้าคอสโก และเซฟเวย์ เป็นต้น โดยมองว่าจากวิกฤติเศรษฐกิจในอเมริกา บริษัทฯจะได้รับผลดีมากกว่าผลกระทบด้านยอดการส่งออก
“ซีพีเอฟ ยังได้รับอานิสงส์ การปนเปื้อนสารเมลามีนในจีน ในขณะที่บริษัทมีมาตรฐานการผลิตที่สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ดังนั้น จึงมองว่า เป็นโอกาสในการทำตลาดของซีพีเอฟมากกว่า โดยหลังจากบริษัทฯได้ส่งออกเกี๊ยวกุ้งไปยัง 17 ต่างประเทศ ในอเมริกาและยุโรปได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา มียอดขาย 2,000 ตัน เติบโตเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา”
แนวโน้มการแข่งขันในตลาดโลก สินค้าไทยมีความได้เปรียบเพราะต้นทุนไม่สูงมากนัก ซึ่งบริษัทฯตั้งเป้าส่งออกอาหารแปรรูปจากสัตว์ เติบโต 15-20% ทุกปี และจากการดำเนินการขยายตลาดเกี๊ยวกุ้งคาดว่าในช่วง 3 ปี จะเติบโต 50% ต่อเนื่อง จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 400 ล้านบาท โดยปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 600 ล้านบาท โดยปัจจุบันเกี๊ยวกุ้งมียอดขายติดอันดับ 1 ใน 5 ในทุกช่องทางที่วางขาย ซึ่งอเมริกามียอดขาย 70% ส่วนอีก 30% เป็นตลาดอื่นๆ ส่วนการส่งออกเบอร์เกอร์กุ้ง ตั้งเป้าให้เป็นสินค้าแชมเปี้ยน โดยปีแรกวางยอดขาย 1,000 ตัน
ตลาดอาหารแปรรูปพร้อมทานในไทย ต้องใช้เวลาสร้างตลาด เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่นิยมซื้ออาหารจากตลาดสดมาปรุงเอง อย่างไรก็ตามตลาดอาหารแปรรูปพร้อมทานได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยในไทยบริษัทได้เริ่มจำหน่ายเบอร์เกอร์กุ้ง ผ่านช่องทางของเครือซีพี อาทิ ซีพี เฟรชมาร์ท และเชนฟาสต์ฟูด เป็นต้น