“เอไอ” ปรับแผนบุกตลาดลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ปีหน้า ชี้ ตลาดยังแข่งดุเดือดมากขึ้น แต่แนวโน้มตลาดยังเติบโตดี เล็งขยายลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์การ์ตูนเพิ่มขึ้นอีก ปรับรูปแบบการทำอีเว้นท์ พร้อมบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น
นายปริพันธ์ หนุนภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอไอ ไทยแลนด์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ในไทย กล่าวกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ในปีหน้าบริษัทฯมีแผนที่จะขยายธุรกิจตลาดลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์มากขึ้นทั้งในประเทศไทยและตลาดต่างประเทศ
โดยตลาดต่างประเทศนั้น เอไอได้รับสิทธิ์ในการทำตลดาประเทศใกล้เคียง ซึ่งได้ทดลองเปิดตลาดไปบ้างแล้ว เช่น เวียดนาม และ ลาว ซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ดูแนวโน้มไปได้ดีในอนาคต อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมองหาการขยายตลาดใหม่ๆเพิ่มเติมอีกด้วยเช่น กัมพูชา เนื่องจากอยู่ใกล้เคียงกับไทย และพฤติกรรมผู้บริโภคไม่น่าจะต่างกันมากนัก ทำให้การดูแลตลาดมีความง่ายขึ้น
สำหรับตลาดในประเทศไทยมีแผนจะขยายการทำตลาดด้วยการปรับรูปแบบการทำกิจกรรมการตลาดหรืออีเวนท์ใหม่ให้มีความสดใสและมีรูปแบบที่แตกต่างออกไปจากเดิม รวมทั้งการเจรจา เพื่อรับลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ใหม่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาบริษัทจัดงาน “The Power of Dragonball Z” ที่แฟชั่นไอส์แลนด์ และช่วงปลายปีนี้จะร่วมมือกับทางสถานทูตญี่ปุ่นในประเทศไทย จัดกิจกรรมใหญ่ที่จังหวัดเชียงใหม่
ตลาดลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ไทยมีการเติบโตที่ดี เนื่องจากสินค้าและบริการให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับการใช้ลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์กับสินค้าเมอร์ชันไดส์มากขึ้น ซึ่งตลาดลิขสิทธิ์ในเมืองไทยที่ใหญ่มากนั้นส่วนใหญ่จะเป็นลิขสิทธิ์ที่มาจากญี่ปุ่น ส่วนจากอเมริกาและยุโรปมีบ้างแต่ยังไม่ใหญ่เท่า
ทั้งนี้ ธุรกิจหลักของบริษัทมีรายได้มาจาก 2 ทาง คือ การขายลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ให้กับธุรกิจต่างๆ ไปทำเมอร์ชันไดส์ มีสัดส่วนรายได้กว่า 75% และที่เหลืออีก 25% มาจากธุรกิจคอนเทนต์ทางทีวี ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตด้านรายได้กว่า 15-20% ทั้งนี้ ช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาเติบโตกว่า 17% แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี แต่เนื่องจากบริษัทจัดกิจกรรมเพิ่มขึ้นจึงทำให้ยอดขายโตได้
ลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ที่บริษัททำตลาดอยู่นั้นแบ่งเป็น 2 ค่ายใหญ่จากญี่ปุ่น คือ ค่ายโชว์โปร มีตัวดังๆ เช่น โดราเอมอน อิคิวซัง ชินจัง โอชาเคน อีกค่ายคือ โตเอะ มีตัวดังเช่น ดราก้อนบอล ดิจิมอน วันพีซ ซึ่งตัวที่ทำรายได้หลัก คือ โดราเอมอน ถือเป็นสัดส่วนรายได้มากกว่า 70% จากรายได้หลักที่มีประมาณ 50 กว่าล้านบาท ซึ่งรายได้ของบริษัทฯมาจาก ค่าเปอร์เซ็นต์จากการขายสิทธิ์ให้กับบริษัทฯที่สนใจซื้อไปทำตลาด
ก่อนหน้านี้ บริษัทเคยขยายตลาดทำลิขสิทธ์คาแรกเตอร์เกาหลี คือ แดจังกึม แต่ผลตอบรับไม่เป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ แม้ว่าภาพยนตร์ซีรีส์ทางทีวีแดจังกึมจะได้รับความนิยมในไทยก็ตาม ซึ่งแสดงว่า ตลาดคาแรกเตอร์เกาหลีอาจจะยังจังไม่ถึงเวลาในตลาดเมืองไทยก็ได้ จึงชะลอไว้ก่อน แต่คาแรกเตอร์จากอเมริกาหรือยุโรป บริษัทก็มองไว้เช่นกัน ซึ่งถ้าหากสามารถเจรจาได้สำเร็จก็เชื่อว่าจะขยายฐานกลุ่มเป้าหมายได้เพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มาซื้อลิขสิทธิ์ไปทำเมอร์ชันไดส์มีหลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มสินค้า เครื่องเขียน เสื้อผ้า ของใช้ในบ้าน รวมมากกว่า 40 ราย แต่มีสินค้าที่หลากหลาย
นายปริพันธ์ หนุนภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอไอ ไทยแลนด์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ในไทย กล่าวกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ในปีหน้าบริษัทฯมีแผนที่จะขยายธุรกิจตลาดลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์มากขึ้นทั้งในประเทศไทยและตลาดต่างประเทศ
โดยตลาดต่างประเทศนั้น เอไอได้รับสิทธิ์ในการทำตลดาประเทศใกล้เคียง ซึ่งได้ทดลองเปิดตลาดไปบ้างแล้ว เช่น เวียดนาม และ ลาว ซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ดูแนวโน้มไปได้ดีในอนาคต อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมองหาการขยายตลาดใหม่ๆเพิ่มเติมอีกด้วยเช่น กัมพูชา เนื่องจากอยู่ใกล้เคียงกับไทย และพฤติกรรมผู้บริโภคไม่น่าจะต่างกันมากนัก ทำให้การดูแลตลาดมีความง่ายขึ้น
สำหรับตลาดในประเทศไทยมีแผนจะขยายการทำตลาดด้วยการปรับรูปแบบการทำกิจกรรมการตลาดหรืออีเวนท์ใหม่ให้มีความสดใสและมีรูปแบบที่แตกต่างออกไปจากเดิม รวมทั้งการเจรจา เพื่อรับลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ใหม่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาบริษัทจัดงาน “The Power of Dragonball Z” ที่แฟชั่นไอส์แลนด์ และช่วงปลายปีนี้จะร่วมมือกับทางสถานทูตญี่ปุ่นในประเทศไทย จัดกิจกรรมใหญ่ที่จังหวัดเชียงใหม่
ตลาดลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ไทยมีการเติบโตที่ดี เนื่องจากสินค้าและบริการให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับการใช้ลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์กับสินค้าเมอร์ชันไดส์มากขึ้น ซึ่งตลาดลิขสิทธิ์ในเมืองไทยที่ใหญ่มากนั้นส่วนใหญ่จะเป็นลิขสิทธิ์ที่มาจากญี่ปุ่น ส่วนจากอเมริกาและยุโรปมีบ้างแต่ยังไม่ใหญ่เท่า
ทั้งนี้ ธุรกิจหลักของบริษัทมีรายได้มาจาก 2 ทาง คือ การขายลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ให้กับธุรกิจต่างๆ ไปทำเมอร์ชันไดส์ มีสัดส่วนรายได้กว่า 75% และที่เหลืออีก 25% มาจากธุรกิจคอนเทนต์ทางทีวี ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตด้านรายได้กว่า 15-20% ทั้งนี้ ช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาเติบโตกว่า 17% แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี แต่เนื่องจากบริษัทจัดกิจกรรมเพิ่มขึ้นจึงทำให้ยอดขายโตได้
ลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ที่บริษัททำตลาดอยู่นั้นแบ่งเป็น 2 ค่ายใหญ่จากญี่ปุ่น คือ ค่ายโชว์โปร มีตัวดังๆ เช่น โดราเอมอน อิคิวซัง ชินจัง โอชาเคน อีกค่ายคือ โตเอะ มีตัวดังเช่น ดราก้อนบอล ดิจิมอน วันพีซ ซึ่งตัวที่ทำรายได้หลัก คือ โดราเอมอน ถือเป็นสัดส่วนรายได้มากกว่า 70% จากรายได้หลักที่มีประมาณ 50 กว่าล้านบาท ซึ่งรายได้ของบริษัทฯมาจาก ค่าเปอร์เซ็นต์จากการขายสิทธิ์ให้กับบริษัทฯที่สนใจซื้อไปทำตลาด
ก่อนหน้านี้ บริษัทเคยขยายตลาดทำลิขสิทธ์คาแรกเตอร์เกาหลี คือ แดจังกึม แต่ผลตอบรับไม่เป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ แม้ว่าภาพยนตร์ซีรีส์ทางทีวีแดจังกึมจะได้รับความนิยมในไทยก็ตาม ซึ่งแสดงว่า ตลาดคาแรกเตอร์เกาหลีอาจจะยังจังไม่ถึงเวลาในตลาดเมืองไทยก็ได้ จึงชะลอไว้ก่อน แต่คาแรกเตอร์จากอเมริกาหรือยุโรป บริษัทก็มองไว้เช่นกัน ซึ่งถ้าหากสามารถเจรจาได้สำเร็จก็เชื่อว่าจะขยายฐานกลุ่มเป้าหมายได้เพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มาซื้อลิขสิทธิ์ไปทำเมอร์ชันไดส์มีหลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มสินค้า เครื่องเขียน เสื้อผ้า ของใช้ในบ้าน รวมมากกว่า 40 ราย แต่มีสินค้าที่หลากหลาย