เซ็นทรัลรีเทล เผยโค้งสุดท้าย ค้าปลีกแข่งขันรุนแรงกว่าปีก่อน หวังกระตุ้นกำลังซื้อ ล่าสุด ยกเครื่องระบบลอจิสติกส์ สู่ E-Supply Chain หวังดึงซัปพลายเออร์เข้าร่วมครบ 3,000 ราย ใน 1-2 ปี มั่นใจช่วยลดค่ากระดาษถึง 50% พร้อมลดขั้นตอนความผิดพลาดในการสั่งและขนส่งสินค้า
นายดนัย คาลัสซี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายซัปพลายเชน บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์ธุรกิจค้าปลีกในช่วงไตรมาสสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนดีพาร์ตเมนต์สโตร์ในศูนย์การค้า รวมถึงโมเดิร์นเทรด จะมีการแข่งขันที่รุนแรงจากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนค่อนข้างสูง เพราะในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา พบว่า กำลังซื้อลดลง จากเหตุการณ์ของภาวะน้ำมันและสภาพเศรษฐกิจโลก ซึ่งกลุ่มธุรกิจค้าปลีกแต่ละแห่งต่างก็ต้องการทำยอดขายให้เป็นไปตามเป้า จึงคาดว่า จะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่แรง และมีความถี่มากกว่าปีก่อนค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเซ็นทรัลรีเทล เชื่อว่า ในส่วนของระบบลอจิสติกส์ มีความสำคัญมาก ล่าสุด จึงได้มีการพัฒนาเชิงนโยบายการบริหารจัดการระบบซัปพลายเชน สู่ระบบ E-Supply Chain ให้แก่คู่ค้า ของ เซ็นทรัล, โรบินสัน และบริษัทในเครือเซ็นทรัลรีเทลขึ้น ภายใต้งาน “Central Retail’s Supplier Connections : A Gateway Toward Efficient Management for Suppliers” นำร่องด้วยระบบ CRC WEB EDI เทคโนโลยีบริหารจัดการเอกสารทางธุรกิจผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการบริหารและการจัดการองค์การด้านการลดต้นทุน และด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยได้ทางกลุ่มบริษัท สามารถเทลคอมจำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการระบบดังกล่าว เบื้องต้นมีคู่ค้าเข้าร่วมงานกว่า 500 บริษัท จากทั้งหมด 3,000 บริษัท เชื่อว่า ต่อปีจะมีคู่ค้าเข้าร่วมในระบบดังกล่าวปีละไม่ต่ำกว่า 500 บริษัท หรือภายใน 1-2 ปี ระบบนี้จะถูกนำมาใช้อย่างสมบูรณ์กับคู่ค้าทุกราย
“สาเหตุที่นำระบบ E-Supply Chain นี้มานำเสนอแก่คู่ค้าในช่วงดังกล่าว ส่วนหนึ่งเพื่อเตรียมตัวรับกับฤดูการขายสินค้าในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งหากจัดในช่วงไตรมาส 4 อาจจะไม่สะดวกนัก เพราะส่วนใหญ่ทั้งรีเทลและคู่ค้าเองจะค่อนข้างยุ่งเกี่ยวกับออเดอร์การสั่งสินค้า และการขายสินค้า ทั้งนี้ มองว่า ระบบดังกล่าวคู่ค้าจะประหยัดทั้งในเรื่องของต้นทุนค่ากระดาษต่างๆ ในระบบการสั่งสินค้า ถึง 50% จากปัจจุบันต้นทุนกระดาษทั้งของเซ็นทรัลรีเทล และคู่ค้า มีมูลค่ารวมกันต่อปีไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท รวมถึงเป็นจุดเริ่มต้นของการลดความผิดพลาดในการขนส่งสินค้ามากยิ่งขึ้น โดยตัวเลขเรื่องของการประหยัดในการขนส่ง น่าจะเห็นได้ในระยะต่อไป”
สำหรับระบบ CRC WEB EDI จะมีด้วยกัน 3 เฟส โดยเฟสแรกจะเริ่มในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ขณะที่เฟส 2 จะเริ่มไตรมาสแรกของปีหน้า และเฟส 3 จะเป็นช่วงกลางปี 2552 ตามมา และเมื่อระบบดังกล่าวมีความชัดเจนและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น จะสามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาพัฒนาและสร้างสรรค์กิจกรรมทางการตลาด ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เหมาะสมในช่วงนั้นๆ ได้ ขณะเดียวกัน ยังสามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาบริหารเรื่องสินค้าคงคลังของทางคู่ค้าได้อีกด้วย ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตสินค้าที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับค่าบริการของระบบดังกล่าว คู่ค้าจะเสียค่าบริการที่ 6,500 บาทต่อปี ส่วนทางเซ็นทรัลรีเทล คาดว่า จะมีค่าใช้จ่ายสำหรับระบบดังกล่าวต่ำกว่า 50% ของราคาค่าต้นทุนกระดาษที่ต่อปีใช้สูงถึง 2-3 ล้านบาท
นายดนัย คาลัสซี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายซัปพลายเชน บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์ธุรกิจค้าปลีกในช่วงไตรมาสสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนดีพาร์ตเมนต์สโตร์ในศูนย์การค้า รวมถึงโมเดิร์นเทรด จะมีการแข่งขันที่รุนแรงจากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนค่อนข้างสูง เพราะในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา พบว่า กำลังซื้อลดลง จากเหตุการณ์ของภาวะน้ำมันและสภาพเศรษฐกิจโลก ซึ่งกลุ่มธุรกิจค้าปลีกแต่ละแห่งต่างก็ต้องการทำยอดขายให้เป็นไปตามเป้า จึงคาดว่า จะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่แรง และมีความถี่มากกว่าปีก่อนค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเซ็นทรัลรีเทล เชื่อว่า ในส่วนของระบบลอจิสติกส์ มีความสำคัญมาก ล่าสุด จึงได้มีการพัฒนาเชิงนโยบายการบริหารจัดการระบบซัปพลายเชน สู่ระบบ E-Supply Chain ให้แก่คู่ค้า ของ เซ็นทรัล, โรบินสัน และบริษัทในเครือเซ็นทรัลรีเทลขึ้น ภายใต้งาน “Central Retail’s Supplier Connections : A Gateway Toward Efficient Management for Suppliers” นำร่องด้วยระบบ CRC WEB EDI เทคโนโลยีบริหารจัดการเอกสารทางธุรกิจผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการบริหารและการจัดการองค์การด้านการลดต้นทุน และด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยได้ทางกลุ่มบริษัท สามารถเทลคอมจำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการระบบดังกล่าว เบื้องต้นมีคู่ค้าเข้าร่วมงานกว่า 500 บริษัท จากทั้งหมด 3,000 บริษัท เชื่อว่า ต่อปีจะมีคู่ค้าเข้าร่วมในระบบดังกล่าวปีละไม่ต่ำกว่า 500 บริษัท หรือภายใน 1-2 ปี ระบบนี้จะถูกนำมาใช้อย่างสมบูรณ์กับคู่ค้าทุกราย
“สาเหตุที่นำระบบ E-Supply Chain นี้มานำเสนอแก่คู่ค้าในช่วงดังกล่าว ส่วนหนึ่งเพื่อเตรียมตัวรับกับฤดูการขายสินค้าในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งหากจัดในช่วงไตรมาส 4 อาจจะไม่สะดวกนัก เพราะส่วนใหญ่ทั้งรีเทลและคู่ค้าเองจะค่อนข้างยุ่งเกี่ยวกับออเดอร์การสั่งสินค้า และการขายสินค้า ทั้งนี้ มองว่า ระบบดังกล่าวคู่ค้าจะประหยัดทั้งในเรื่องของต้นทุนค่ากระดาษต่างๆ ในระบบการสั่งสินค้า ถึง 50% จากปัจจุบันต้นทุนกระดาษทั้งของเซ็นทรัลรีเทล และคู่ค้า มีมูลค่ารวมกันต่อปีไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท รวมถึงเป็นจุดเริ่มต้นของการลดความผิดพลาดในการขนส่งสินค้ามากยิ่งขึ้น โดยตัวเลขเรื่องของการประหยัดในการขนส่ง น่าจะเห็นได้ในระยะต่อไป”
สำหรับระบบ CRC WEB EDI จะมีด้วยกัน 3 เฟส โดยเฟสแรกจะเริ่มในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ขณะที่เฟส 2 จะเริ่มไตรมาสแรกของปีหน้า และเฟส 3 จะเป็นช่วงกลางปี 2552 ตามมา และเมื่อระบบดังกล่าวมีความชัดเจนและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น จะสามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาพัฒนาและสร้างสรรค์กิจกรรมทางการตลาด ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เหมาะสมในช่วงนั้นๆ ได้ ขณะเดียวกัน ยังสามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาบริหารเรื่องสินค้าคงคลังของทางคู่ค้าได้อีกด้วย ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตสินค้าที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับค่าบริการของระบบดังกล่าว คู่ค้าจะเสียค่าบริการที่ 6,500 บาทต่อปี ส่วนทางเซ็นทรัลรีเทล คาดว่า จะมีค่าใช้จ่ายสำหรับระบบดังกล่าวต่ำกว่า 50% ของราคาค่าต้นทุนกระดาษที่ต่อปีใช้สูงถึง 2-3 ล้านบาท