อ.ส.ค.ประกาศแผนรุกตลาดนม ปี 52 หลังการปรับปรุงโรงงานใหม่เสร็จ เพิ่มผลิตภัณฑ์นม และขนาดบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้นเสนองความต้องลูกค้า พร้อมการส่งเสริมการเลี้ยงโคนม นำร่องฟาร์มตัวอย่างให้เกษตรกรได้ศึกษาการบริหารจัดการเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน เพื่อรองรับการแข่งขันหลังการเปิด FTA ไทย-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์
นางรัตนา อังศุภากร รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการ องค์การส่งเสริมโคนมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวถึงแผนงานในปีงบประมาณ 2552 ว่า ตามภาระหน้าที่และบทบาทของ อ.ส.ค.มี 2 ประการ คือ การส่งเสริมการเลี้ยงโคนม และบทบาททางด้านการพัฒนาและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นม ซึ่งในปี 2552 นี้ อ.ส.ค.ได้มีจัดทำแผนงานแนวทางในการพัฒนาทั้งสองด้านดังนี้
ด้านการส่งเสริมการเลี้ยงโคนม เนื่องจากสภาพการทางด้านเศรษฐกิจที่มีผลกระทบจากการปรับตัวทางด้านวัตถุดิบสูงขึ้นจากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น จึงต้องให้ความสำคัญในเรื่องการบริหารจัดการฟาร์มให้มีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายและให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีและมีคุณภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ ทาง อ.ส.ค.ได้มีจัดทำฟาร์มต้นแบบขึ้น เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ และฝึกอบรมให้กับสมาชิกผู้เลี้ยงโคนมที่มีอยู่ให้ได้ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น เพราะต้นทุนทุกๆ อย่างปรับตัวสูงขึ้น วัตถุดิบ อาหาร การขนส่ง การดูแลและการรักษาคุณภาพน้ำนม เพื่อลดการสูญเสียให้น้อยลง โดยการคัดเลือกฟาร์มเกษตรกรในพื้นที่ขณะนี้ ได้เริ่มดำเนินการแล้วที่ฟาร์มไทยเดนมาร์ค หมวกเหล็ก สระบุรี และจะขยายไปยังฟาร์มสมาชิกที่ อ.ส.ค.ส่งเสริมอยู่มีผู้เสนอชื่อและให้ความสนใจหลายแห่ง และได้มีการคัดเลือกแล้วคือที่จังหวัดขอนแก่น โดยมีทีมวิชาการของ อ.ส.ค.เข้าไปดูแลและแนะนำช่วยเกษตรกรที่จะมาเรียนรู้
นอกจากนี้ ยังมีปรับปรุงการบริหารจัดการเพื่อลดต้นทุนให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมอีกส่วนหนึ่ง คือ การปรับปรุงการบริหารจัดการศูนย์รวบรวมน้ำนม ซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนสำคัญในการลดการสูญเสียน้ำนมดิบ โดยการควบคุมเก็บรักษาคุณภาพน้ำนมดิบให้ได้มาตรฐานที่กำหนด ซึ่งทาง อ.ส.ค.ก็ได้นำทีม Q.C เคลื่อนที่ ในการเข้าไปแนะนำและตรวจสอบทางด้านเทคนิค อุปกรณ์ การรักษาความสะอาดในการจัดเก็บให้กับศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบของสหกรณ์
ส่วนด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์นมและการจัดจำหน่ายในปี 2552 อ.ส.ค.ได้มีการปรับปรุงโรงงานปรับเปลี่ยนเครื่องจักร ทำให้ประสิทธิภาพการผลิต และพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายมากขึ้น จึงมีแผนที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์นมออกสู่ตลาดอีก 2 ตัวคือนมประเภทไขมั่นต่ำ (Lowfat) นมเปรี้ยว ยูเอชที ซึ่งเดิม อ.ส.ค.ก็เป็นเจ้าแรกในการผลิตนมเปรี้ยวอยู่แล้ว และยังมีผลิตภัณฑ์โยเกริ์ต ที่มีความหลากหลาย และปรับปรุงรสชาติตามความนิยมของผู้บริโภคมากขึ้น คาดว่า ในไตรมาสแรก ของปี 2552 จะเริ่มออกมาทำตลาด
นอกจากนี้ ยังมีแผนงานและการวิจัยที่จะนำผลิตภัณฑ์ “โมดิฟายด์มิลล์” (Modified Milk) โดยเพิ่มคุณค่าทางอาหารเข้าไปเสริมกับคุณค่าอาหารของนม ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีคุณค่าทางอาหารเข้มข้นสูงขึ้น โดยเน้นใช้วัตถุดิบท้องถิ่นไทยที่มีคุณค่า โดยไม่ต้องดื่มในปริมาณที่มาก เพื่อเสริมตลาดกลุ่มที่ต้องการดูแลสุขภาพ คนต้องการดื่มนมแต่กลัวความอ้วน หรือกลุ่มที่ต้องการคุณค่าทางอาหารที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทิศทางนี้ อ.ส.ค.จะให้ความสำคัญมากขึ้นสำหรับแผนงานในปี 2552
นางรัตนา ได้กล่าวว่าแผนการตลาดของนมไทย-เดนมาร์ค ว่าในปี2552 จะปรับรูปแบบกล่องบรรจุภัณฑ์ใหม่ โดยเพิ่มรายละเอียดการแนะนำเรื่องคุณค่าทางโภชนาการ มีการติดหลอดคู่ไปกับกล่อง ยูเอชที นอกจากนี้ยังมีการปรับขนาดให้มีความหลากหลายมากขึ้นจากเดิมที่มีขนาด 250 มล. จะเพิ่มขนาด 125-150 มล.เข้ามาในตลาดด้วย รวมทั้งขนาดแพ็กจากเดิมที่มี 1 โหล จะเพิ่มแพ็ก 6 กล่อง เพื่อให้ลูกค้าได้มีทางเลือกตามความจำเป็นและเหมาะสมกับขนาดกำลังซื้อในแต่ละครั้งมากขึ้น โดยราคาที่รัฐบาลอนุมัติให้ปรับนั้นทางอ.ส.ค.ปรับแต่เฉพาะตัวน้ำนมดิบที่ซื้อจากเกษตรกรเพิ่มขึ้นเท่านั้น ส่วนต้นทุนด้านอื่นๆนั้นทาง อ.ส.ค.ยังไม่ได้ปรับเพิ่มเพื่อบรรเทาภาระแก่ผู้บริโภค
สำหรับแผนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายมากขึ้น ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดมากขึ้น โดยจะร่วมกับผู้แทนจำหน่ายที่มีอยู่ เพื่อตอกย้ำถึงคุณภาพนมไทยเดนมาร์ค นมโคแท้ 100 % ไม่มีการผสมนมผง ให้ผู้บริโภคมั่นใจในเรื่องคุณภาพและสารอาหาร และสร้างความใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากขึ้น พร้อมทั้งได้มีของชำร่วยทั้งแก้วแถมให้กับผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ โดยคาดว่ายอดขายโดยรวมจะเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 10 % ทั้งการจำหน่ายผ่านช่องทางร้านโมเดิร์นเทรด และผ่านตัวแทนจำหน่าย จากยอดขายรวม 130 ล้านลิตรต่อปี