โรสฯ ร่วมทุนญี่ปุ่นผลิตการ์ตูนตัวใหม่ พร้อมเงื่อนไขผลิตในไทย และรับสิทธิ์ไลเซนส์ในเอเชีย ยกเว้นญี่ปุ่นและเกาหลี สร้างฐานแกร่งรับแผนรุกทีวีดาวเทียม ประเดิมช่องการ์ตูนตุลาคมนี้ออนแอร์ ก่อนลุยปีหน้าอีก 2 ช่อง
นายจิรัฐ บวรวัฒนะ รองประธานกรรมการ ส่วนงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัท โรส มีเดีย แอนด์ เอนเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด กล่าว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนกับทางผู้ประกอบการด้านธุรกิจบันเทิงจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้อำนวยการสร้างและผลิตคาแรกเตอร์ชื่อดังของญี่ปุ่น เช่น ดราก้อนบอล โดยเตรียมที่จะเซ็นสัญญากันเดือนหน้านี้ที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส
โดยเงื่อนไขการลงทุนนั้น บริษัทจะลงทุนประมาณ 20% ของมูลค่าการลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท และต้องเข้ามาผลิตที่เมืองไทยโดยให้ผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นเดินทางมาร่วม และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับบริษัทด้วย รวมทั้งโรสฯจะเป็นผู้ดูแลลิขสิทธิ์แบบออลไรต์ในตลาดไทยและเอเชียทั้งหมด ยกเว้นญี่ปุ่นและเกาหลีที่บริษัทคู่สัญญาจะดูแลเองซึ่งการ์ตูนตัวใหม่นี้จะเหมาะกับเด็กกลุ่มอายุ 6-12 ปี เป็นการ์ตูนแนวแอคชั่นเชิงสนุกสนานน่ารัก
ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าวเป็นครั้งแรกที่ลงทุนร่วมกับเจ้าของลิขสิทธิ์ จากเดิมจะเป็นการซื้อลิขสิทธิ์เท่านั้น เพื่อเป็นการขยายฐานและต่อยอดกับการรุกสู่ธุรกิจทีวีดาวเทียม ซึ่งบริษัท จำเป็นต้องมีคอนเทนต์ไว้ให้มากที่สุด
โดยวันที่ 1 ตุลาคมนี้ บริษัทเตรียมออกอากาศ แก๊งการ์ตูนแชนแนลผ่านเครือข่ายเคเบิลทีวีท้องถิ่นและจานรับทีวีดาวเทียมระบบซียูแบนด์ ซึ่งมีการ์ตูนกว่า 100 เรื่อง เตรียมไว้แล้ว ซึ่งปัจจุบันบริษัทถือครองลิขสิทธิ์การ์ตูนมากกว่า 4,000 ชั่วโมง และมีการออกอากาศผ่านช่อง 5 ฟรีทีวี วันเสาร์-อาทิตย์
นายจิรัฐ กล่าวว่า เหตุผลรุกตลาดเวลานี้ เพราะว่าการบังคับใช้ พ.ร.บ.การประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ.2551 เปิดโอกาสให้เคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมโฆษณาได้ 6 นาทีต่อชั่วโมง ผลสำรวจของเอจีบีนีลเส็น ระบุว่า จำนวน 50% กลุ่มสำรวจเป็นผู้ชมอายุ 4-14 ปี การขยายตัวอย่างรวดเร็วของผู้รับชมเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม คาดว่า ปัจจุบันมี 5 ล้านครัวเรือน จะเพิ่มเป็น 10 ล้านครัวเรือน ใน 3 ปี และช่องที่ออกอากาศจะมี 100 ช่อง ในปีหน้าจากขณะนี้ที่มี 50 ช่อง ที่สำคัญ เรามีคอนเทนต์ในมือจำนวนมากเป็นสิ่งที่ได้เปรียบ
ขณะนี้บริษัทได้ลงทุนไปแล้วกว่า 120 ล้านบาท โดยรายได้จะมาจากค่าโฆษณา คาดว่า ปีนี้จะมีรายได้จากส่วนนี้ 50 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ขายได้แล้วกว่า 8 ล้านบาท ราคาเป็นแพกเกจระหว่าง 1.5 แสน-5 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มือถืออีกหนึ่งค่ายเพื่อเป็นพันธมิตรร่วมกัน ซึ่งสินค้าที่เกี่ยวกับเด็กจะมีมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาทที่เป็นเป้าหมายของเรา
ก่อนหน้านี้ เราขายโฆษณาช่องแก๊งการ์ตูนที่ช่อง 5 ได้แล้วครึ่งปี 30 ล้านบาท คาดว่า ทั้งปีนี้จะขายได้ 50 ล้านบาท และจะส่งผลให้ทั้งปีบริษัทมีรายได้รวมกว่า 700-800 ล้านบาท และมีกำไรไม่น่าต่ำกว่า 50-80 ล้านบาท และปีหน้าเตรียมที่จะขยายอีก 2 ช่องใหม่ด้วย คือ ช่องเพลงและช่องหนัง
สำหรับช่องการ์ตูนนั้นปัจจุบันมีผู้ประกอบการในทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวีไม่มากนักที่เปิดช่องเฉพาะการ์ตูน เช่น ทรูวิชั่นมี 2 ช่อง และกลุ่มเคเบิลท้องถิ่นมี 2 ช่อง
นายจิรัฐ บวรวัฒนะ รองประธานกรรมการ ส่วนงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัท โรส มีเดีย แอนด์ เอนเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด กล่าว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนกับทางผู้ประกอบการด้านธุรกิจบันเทิงจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้อำนวยการสร้างและผลิตคาแรกเตอร์ชื่อดังของญี่ปุ่น เช่น ดราก้อนบอล โดยเตรียมที่จะเซ็นสัญญากันเดือนหน้านี้ที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส
โดยเงื่อนไขการลงทุนนั้น บริษัทจะลงทุนประมาณ 20% ของมูลค่าการลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท และต้องเข้ามาผลิตที่เมืองไทยโดยให้ผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นเดินทางมาร่วม และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับบริษัทด้วย รวมทั้งโรสฯจะเป็นผู้ดูแลลิขสิทธิ์แบบออลไรต์ในตลาดไทยและเอเชียทั้งหมด ยกเว้นญี่ปุ่นและเกาหลีที่บริษัทคู่สัญญาจะดูแลเองซึ่งการ์ตูนตัวใหม่นี้จะเหมาะกับเด็กกลุ่มอายุ 6-12 ปี เป็นการ์ตูนแนวแอคชั่นเชิงสนุกสนานน่ารัก
ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าวเป็นครั้งแรกที่ลงทุนร่วมกับเจ้าของลิขสิทธิ์ จากเดิมจะเป็นการซื้อลิขสิทธิ์เท่านั้น เพื่อเป็นการขยายฐานและต่อยอดกับการรุกสู่ธุรกิจทีวีดาวเทียม ซึ่งบริษัท จำเป็นต้องมีคอนเทนต์ไว้ให้มากที่สุด
โดยวันที่ 1 ตุลาคมนี้ บริษัทเตรียมออกอากาศ แก๊งการ์ตูนแชนแนลผ่านเครือข่ายเคเบิลทีวีท้องถิ่นและจานรับทีวีดาวเทียมระบบซียูแบนด์ ซึ่งมีการ์ตูนกว่า 100 เรื่อง เตรียมไว้แล้ว ซึ่งปัจจุบันบริษัทถือครองลิขสิทธิ์การ์ตูนมากกว่า 4,000 ชั่วโมง และมีการออกอากาศผ่านช่อง 5 ฟรีทีวี วันเสาร์-อาทิตย์
นายจิรัฐ กล่าวว่า เหตุผลรุกตลาดเวลานี้ เพราะว่าการบังคับใช้ พ.ร.บ.การประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ.2551 เปิดโอกาสให้เคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมโฆษณาได้ 6 นาทีต่อชั่วโมง ผลสำรวจของเอจีบีนีลเส็น ระบุว่า จำนวน 50% กลุ่มสำรวจเป็นผู้ชมอายุ 4-14 ปี การขยายตัวอย่างรวดเร็วของผู้รับชมเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม คาดว่า ปัจจุบันมี 5 ล้านครัวเรือน จะเพิ่มเป็น 10 ล้านครัวเรือน ใน 3 ปี และช่องที่ออกอากาศจะมี 100 ช่อง ในปีหน้าจากขณะนี้ที่มี 50 ช่อง ที่สำคัญ เรามีคอนเทนต์ในมือจำนวนมากเป็นสิ่งที่ได้เปรียบ
ขณะนี้บริษัทได้ลงทุนไปแล้วกว่า 120 ล้านบาท โดยรายได้จะมาจากค่าโฆษณา คาดว่า ปีนี้จะมีรายได้จากส่วนนี้ 50 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ขายได้แล้วกว่า 8 ล้านบาท ราคาเป็นแพกเกจระหว่าง 1.5 แสน-5 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มือถืออีกหนึ่งค่ายเพื่อเป็นพันธมิตรร่วมกัน ซึ่งสินค้าที่เกี่ยวกับเด็กจะมีมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาทที่เป็นเป้าหมายของเรา
ก่อนหน้านี้ เราขายโฆษณาช่องแก๊งการ์ตูนที่ช่อง 5 ได้แล้วครึ่งปี 30 ล้านบาท คาดว่า ทั้งปีนี้จะขายได้ 50 ล้านบาท และจะส่งผลให้ทั้งปีบริษัทมีรายได้รวมกว่า 700-800 ล้านบาท และมีกำไรไม่น่าต่ำกว่า 50-80 ล้านบาท และปีหน้าเตรียมที่จะขยายอีก 2 ช่องใหม่ด้วย คือ ช่องเพลงและช่องหนัง
สำหรับช่องการ์ตูนนั้นปัจจุบันมีผู้ประกอบการในทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวีไม่มากนักที่เปิดช่องเฉพาะการ์ตูน เช่น ทรูวิชั่นมี 2 ช่อง และกลุ่มเคเบิลท้องถิ่นมี 2 ช่อง