คอเพลงลูกทุ่งไม่สบอารมณ์ฟังเพลง เหตุการเมืองเศรษฐกิจร่ายพิษใส่ วงการเพลงลูกทุ่งสะเทือน “อาร์สยาม” วืดเป้าจาก 600 ลบ.คาดทำได้เพียง 500 ล้านบาท เตรียมหาทางออก ลุยด้าน มิวสิกเคิล ประเดิม “โปงลางสะออน” ออนทัวร์ 3 ทวีปปีหน้า มั่นใจรายได้พุ่งทะลุ 650 ล้านบาทแน่
นายศุภชัย นิลวรรณ รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ค่ายเพลงอาร์สยาม (ค่ายเพลงลูกทุ่ง) บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า สถานการณ์เพลงลูกทุ่งขณะนี้ ยอมรับว่าผู้ฟังที่เป็นแฟนเพลง จากที่เคยซื้อผลงานอัลบัมเพลงศิลปินที่ชื่นชอบเก็บไว้ ขณะนี้เริ่มคิดมากขึ้นก่อนที่จะตัดสินใจซื้อลงไป สาเหตุมาจากการเมืองและเศรษฐกิจเป็นหลัก ที่ส่งผลต่อค่าครองชีพของกลุ่มผู้ฟังกลุ่มนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มรากหญ้า ใช้แรงงาน ดังนั้น จากต้นปีที่คาดการณ์ว่า อาร์สยาม จะมีรายได้ในปีนี้ถึง 600 ล้านบาท คาดว่า ถึงสิ้นปี ดีที่สุดคงไม่เกิน 500 ล้านบาท
โดยมาจากกลุ่มเพลงลูกทุ่งซีดี และวีซีดีถือเป็นรายได้หลักซึ่งมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 60% จากช่องทางดิจิตอล 20% และกิจกรรมการตลาด 20% ซึ่งแนวโน้มเทคโนโลยีกำลังเข้าหากลุ่มผู้ฟังลูกทุ่งมากขึ้น โดยในปี 2552 คาดว่า รายได้จากกลุ่มเพลงลูกทุ่งที่มาจากช่องทางดิจิตอลจะเพิ่มขึ้นมาที่ 30-35% ในขณะที่ช่องทางซีดี และ วีซีดี จะปรับลดลงมาที่ 35% และจากกิจกรรมการตลาดเพิ่มขึ้นมาที่ 30%
“แนวโน้มการซื้อซีดี และวีซีดี เพลงลูกทุ่ง ยอมรับว่า มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ส่งผลให้บริษัทต้องหาแนวทางเพิ่มรายได้ใหม่ๆ เข้ามาเสริม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการหาสปอนเซอร์ร่วม หรือมุ่งเน้นด้านการจัดการศิลปินใหม่ๆ จากเดิมที่ออกอัลบัม จะต้องมีการบริหารจัดการด้านอื่นๆเพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เช่น โปงลางสะออน กับโปรเจกต์ปีนี้ ที่มีการจัดคอนเสิร์ตออนทัวร์ไปต่างประเทศถึง 7 ประเทศ ถือเป็นโครงการนำร่อง ที่มีการตอบรับค่อนข้างสูง”
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ส่วนแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง บริษัทได้ปรับทิศทางการดำเนินงานเข้าสู่กลุ่มกิจกรรมการตลาด อาทิ โชว์บิท, คอนเสิร์ต และออนทัวร์ต่างประเทศ เนื่องจากมีกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจเริ่มให้ความสนใจในการใช้กลุ่มศิลปินลูกทุ่งในการโปรโมตสินค้า เพราะสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน และเม็ดเงินลงทุนก็ไม่ได้สูงมาก ซึ่งบริษัทตั้งเป้าเติบโตในกลุ่มกิจกรรมการตลาดในปี 2552 ไว้ที่ 100% หรือคิดเป็นมูลค่า 100 ล้านบาท ซึ่งปี 2551 คาดว่าจะทำรายได้อยู่ที่ 50 ล้านบาท
ล่าสุด บริษัทเตรียมที่จะเริ่มแผนบริหารจัดการศิลปินเพื่อเพิ่มรายได้ช่องทางอื่นๆมาทดแทนในส่วนของยอดขายซีเพลงเพลงที่ลดลงแล้ว โดยมีทั้งเรื่องของการเจรจากับทางผู้จัดละคร หรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโชว์บิซ และมิวสิกเคิล ซึ่งปีหน้าคาดว่า น่าจะได้เห็นความคืบหน้ามากกว่า นี้ รวมทั้งอาจจะเริ่มมีการจัดมิวสิกเคิลจากศิลปินคนอื่นๆ ในค่ายอาร์สยามมากยิ่งขึ้น ส่วนโปงลางสะออนนั้น ปีหน้าจะเริ่มแผนออนทัวร์ต่างประเทศอย่างจริงจัง เบื้องต้นจะจัดทัวร์ทั้ง 3 ทวีป เชื่อมั่นว่าจะช่วยผลักดันให้รายได้ในปีหน้าสุงกว่าปีนี้ค่อนข้างมาก หรือประมาณ 650 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย
สำหรับวงโปงลางสะออน ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา กับการเป็นศิลปินของอาร์สยาม สามารถสร้างรายได้จากเพลงและวีซีดีคอนเสิร์ตกว่า 600 ล้านบาท จากช่องทางดิจิตัล 40 ล้านบาท จากโชว์บิซ ที่รวมคอนเสิร์ต อีเว้นท์ และพรีเซนเตอร์ 100 ล้านบาท และจากช่องทางภาพยนตร์ และซีรี่ย์ทางโทรทัศน์อีกกว่า 200 ล้านบาท
ขณะที่ปัจจุบัน อาร์สยาม มีศิลปินในสังกัดไม่ต่ำกว่า 84 คน ต่อปีมีการผลิตอัลบัมเพลง (อัลบัมเดี่ยวของแต่ละศิลปิน) ออกมาไม่ต่ำกว่า 40 อัลบัม
นายศุภชัย นิลวรรณ รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ค่ายเพลงอาร์สยาม (ค่ายเพลงลูกทุ่ง) บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า สถานการณ์เพลงลูกทุ่งขณะนี้ ยอมรับว่าผู้ฟังที่เป็นแฟนเพลง จากที่เคยซื้อผลงานอัลบัมเพลงศิลปินที่ชื่นชอบเก็บไว้ ขณะนี้เริ่มคิดมากขึ้นก่อนที่จะตัดสินใจซื้อลงไป สาเหตุมาจากการเมืองและเศรษฐกิจเป็นหลัก ที่ส่งผลต่อค่าครองชีพของกลุ่มผู้ฟังกลุ่มนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มรากหญ้า ใช้แรงงาน ดังนั้น จากต้นปีที่คาดการณ์ว่า อาร์สยาม จะมีรายได้ในปีนี้ถึง 600 ล้านบาท คาดว่า ถึงสิ้นปี ดีที่สุดคงไม่เกิน 500 ล้านบาท
โดยมาจากกลุ่มเพลงลูกทุ่งซีดี และวีซีดีถือเป็นรายได้หลักซึ่งมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 60% จากช่องทางดิจิตอล 20% และกิจกรรมการตลาด 20% ซึ่งแนวโน้มเทคโนโลยีกำลังเข้าหากลุ่มผู้ฟังลูกทุ่งมากขึ้น โดยในปี 2552 คาดว่า รายได้จากกลุ่มเพลงลูกทุ่งที่มาจากช่องทางดิจิตอลจะเพิ่มขึ้นมาที่ 30-35% ในขณะที่ช่องทางซีดี และ วีซีดี จะปรับลดลงมาที่ 35% และจากกิจกรรมการตลาดเพิ่มขึ้นมาที่ 30%
“แนวโน้มการซื้อซีดี และวีซีดี เพลงลูกทุ่ง ยอมรับว่า มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ส่งผลให้บริษัทต้องหาแนวทางเพิ่มรายได้ใหม่ๆ เข้ามาเสริม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการหาสปอนเซอร์ร่วม หรือมุ่งเน้นด้านการจัดการศิลปินใหม่ๆ จากเดิมที่ออกอัลบัม จะต้องมีการบริหารจัดการด้านอื่นๆเพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เช่น โปงลางสะออน กับโปรเจกต์ปีนี้ ที่มีการจัดคอนเสิร์ตออนทัวร์ไปต่างประเทศถึง 7 ประเทศ ถือเป็นโครงการนำร่อง ที่มีการตอบรับค่อนข้างสูง”
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ส่วนแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง บริษัทได้ปรับทิศทางการดำเนินงานเข้าสู่กลุ่มกิจกรรมการตลาด อาทิ โชว์บิท, คอนเสิร์ต และออนทัวร์ต่างประเทศ เนื่องจากมีกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจเริ่มให้ความสนใจในการใช้กลุ่มศิลปินลูกทุ่งในการโปรโมตสินค้า เพราะสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน และเม็ดเงินลงทุนก็ไม่ได้สูงมาก ซึ่งบริษัทตั้งเป้าเติบโตในกลุ่มกิจกรรมการตลาดในปี 2552 ไว้ที่ 100% หรือคิดเป็นมูลค่า 100 ล้านบาท ซึ่งปี 2551 คาดว่าจะทำรายได้อยู่ที่ 50 ล้านบาท
ล่าสุด บริษัทเตรียมที่จะเริ่มแผนบริหารจัดการศิลปินเพื่อเพิ่มรายได้ช่องทางอื่นๆมาทดแทนในส่วนของยอดขายซีเพลงเพลงที่ลดลงแล้ว โดยมีทั้งเรื่องของการเจรจากับทางผู้จัดละคร หรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโชว์บิซ และมิวสิกเคิล ซึ่งปีหน้าคาดว่า น่าจะได้เห็นความคืบหน้ามากกว่า นี้ รวมทั้งอาจจะเริ่มมีการจัดมิวสิกเคิลจากศิลปินคนอื่นๆ ในค่ายอาร์สยามมากยิ่งขึ้น ส่วนโปงลางสะออนนั้น ปีหน้าจะเริ่มแผนออนทัวร์ต่างประเทศอย่างจริงจัง เบื้องต้นจะจัดทัวร์ทั้ง 3 ทวีป เชื่อมั่นว่าจะช่วยผลักดันให้รายได้ในปีหน้าสุงกว่าปีนี้ค่อนข้างมาก หรือประมาณ 650 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย
สำหรับวงโปงลางสะออน ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา กับการเป็นศิลปินของอาร์สยาม สามารถสร้างรายได้จากเพลงและวีซีดีคอนเสิร์ตกว่า 600 ล้านบาท จากช่องทางดิจิตัล 40 ล้านบาท จากโชว์บิซ ที่รวมคอนเสิร์ต อีเว้นท์ และพรีเซนเตอร์ 100 ล้านบาท และจากช่องทางภาพยนตร์ และซีรี่ย์ทางโทรทัศน์อีกกว่า 200 ล้านบาท
ขณะที่ปัจจุบัน อาร์สยาม มีศิลปินในสังกัดไม่ต่ำกว่า 84 คน ต่อปีมีการผลิตอัลบัมเพลง (อัลบัมเดี่ยวของแต่ละศิลปิน) ออกมาไม่ต่ำกว่า 40 อัลบัม