xs
xsm
sm
md
lg

คาโอหวนสังเวียนแชมพูพรีเมียม ปั้น “เอเชียนซ์” หลังคู่แข่งทิ้งไม่เห็นฝุ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คาโอ หวนคืนตลาดแชมพูพรีเมียม ปั้นแบรนด์ “เอเชียนซ์” ลุยตลาดแทนลาวีนัสหลังออกจากตลาดไปร่วม 4 ปี ชูคอนเซปต์เป็นแชมพูความงามเอเชีย ปูพรมสูตรเดียวทะลวงสาวไทย หวังสร้างความแข็งแกร่งกลุ่มธุรกิจแชมพูไล่บี้ ยูนิลีเวอร์-พีแอนด์จี หลังโดนคู่แข่งทิ้งห่างคอร์ปอเรต แชร์ ไม่เห็นฝุ่น

แหล่งข่าวจากบริษัท คาโอ คอมเมอร์เชียล ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแชมพูและครีมนวดผมแฟซ่า เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวแชมพูและครีมนวดผมแบรนด์ใหม่ “เอเชียนซ์ ดีพนูริช” ลงสู่ตลาด โดยเป็นแชมพูระดับพรีเมียม ภายใต้คอนเซปต์ความงามแบบเอเชีย ปฏิวัติสู่มาตรฐานความงามใหม่  

ขณะนี้ได้วางจำหน่ายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรดและห้างสรรพสินค้าทั่วไปมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางโทรทัศน์ ในการสร้างการรับรู้ในวงกว้าง ทั้งนี้ บริษัทได้วางราคาจำหน่ายแชมพูเอเชียนซ์ ขนาด 220 มล.ราคา 138 บาท นำร่องเพียงสูตรเดียวก่อน หลังจากนั้น จึงจะมีสูตรใหม่ๆ ตามออกมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดตัวแชมพูและครีมนวดผมเอเชียนซ์ในครั้งนี้ นับว่า เป็นการเคลื่อนไหวทางการตลาดครั้งใหญ่ในกลุ่มของสินค้าแชมพูของคาโอ ซึ่งจะส่งผลให้สินค้ากลุ่มแชมพูมีสินค้าที่ครบพอร์ตโฟลิโอมากยิ่งขึ้น คือ แฟซ่าเป็นแชมพูที่เจาะตลาดระดับแมส และล่าสุดเปิดตัวเอเชียนซ์เพื่อจับกลุ่มตลาดแชมพูระดับพรีเมียม ที่เข้ามาเติมเต็มธุรกิจแชมพูของคาโอให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถทำตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถต่อสู้กับคู่แข่งในตลาดนี้ได้อย่างดีกว่าเดิมกว่าที่เป็นมา

ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับค่ายคู่แข่งอย่าง  ยูนิลีเวอร์ ซึ่งเป็นรายใหญ่ในตลาดก็มีทั้งโดฟที่เป็นแชมพูระดับพรีเมียม ซันซิลที่เป็นแชมพูเพื่อความงามระดับแมส คลีนิค เคลียร์ เป็นแชมพูขจัดรังแค และ ซันซิล ฟรุตตามิน ขณะที่ พีแอนด์จี มีแพนทีนเป็นแชมพูระดับพรีเมียม รีจ้อยส์ แชมพูเพื่อความงามระดับแมส แชมพูขจัดรังแคเฮดแอนด์โชว์เดอร์ และ เฮอร์บัล เอสเซ้นส์ ที่ถื่อว่ามีครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย

นับว่าเป็นการความพยายามกลับเข้ามาทำตลาดแชมพูพรีเมียมอีกครั้งของคาโอ เพราะก่อนหน้านี้ คาโอได้เปิดตัวลาวีนัส แชมพูระดับพรีเมียมที่มีจุดขายสำหรับผู้หญิงที่ผมเสียมากเข้ามาทำตลาดเมื่อปี 2541 เนื่องจากในช่วงนั้นเทรนด์การทำสีผมกำลังมาแรง ตำแหน่งการตลาดที่วางส่งผลให้ในช่วงเวลา 2 ปี ลาวีนัส มีส่วนแบ่ง 4% จากมูลค่าตลาดแชมพู 6,000 ล้านบาท ถือว่าประสบความสำเร็จมากพอสมควร

อย่างไรก็ตาม คาโอก็เพลี่ยงพล้ำให้สินค้าคู่แข่งโดยเมื่อปี 2546 ลาวีนัส มีส่วนแบ่ง 5% ขณะที่แพนทีนผู้นำตลาดกลับมีส่วนแบ่งถึง 40% และ โดฟ 20% กระทั่งเมื่อปี 2547 คาโอตัดสินใจเลิกทำตลาดแบรนด์ลาวีนัสไปในที่สุด เนื่องจากสินค้าไม่ได้รับการตอบรับที่ดี จึงหันมาโฟกัสแบรนด์หลักอย่างแฟซ่า ซึ่งเป็นสินค้าเรือธงและกลุ่มธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งอย่างผงซักฟอกแอคแทคแทน

สำหรับภาพรวมตลาดแชมพูและผลิตภัณฑ์บำรุงผมมูลค่า  10,700 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมาเติบโต 4.5% แบ่งเป็น ตลาดแชมพู 7,500 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์บำรุงผม 3,200 ล้านบาท โดยยูนิลีเวอร์เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง  49.4% แบ่งเป็น โดฟ 9% คลีนิค เคลียร์ 13.4%  และ ซันซิล 27% ขณะที่พีแอนด์จี 31% ส่วน คาโอ ประมาณ 8.5% และเอลแซฟ 3%
กำลังโหลดความคิดเห็น