คลังเผยจัดเก็บรายได้รัฐบาล 11 เดือน 1.42 ล้านล.สูงกว่าเป้าหมาย 2.28 หมื่นล.พร้อมคาดทั้งปีเกินเป้าที่ตั้งไว้ที่ 1.495 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 2-2.5%
วันนี้ (8 ก.ย.) นายสมชัย สัจจพงษ์ โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาล เดือน ส.ค.มีทั้งสิ้น 181,405 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 19,794 ล้านบาท คิดเป็น 9.8% และต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 13.2% เนื่องมาจากกรมสรรพากร จัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล ต่ำกว่าเป้าหมาย 13,085 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงภาษีเหลื่อมเดือน ที่วันสุดท้ายของการชำระภาษี ภ.ง.ด.51 เป็นวันหยุดราชการ จึงมายื่นชำระภาษีในวันจันทร์ที่ 1 ก.ย.เช่นเดียวกับการชำระภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ที่มีภาษีเหลื่อมเดือน ทำให้จัดเก็บภาษีต่ำกว่าเป้าหมาย 3,469 ล้านบาท
นอกจากนี้ การเก็บภาษีน้ำมัน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และ ดีเซล ทำให้เก็บภาษีน้ำมันต่ำกว่าเป้าหมาย 5,159 ล้านบาท แต่การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจและส่วนราชการอื่น และการจัดเก็บอากรขาเข้า ภาษีเบียร์ ยังสูงกว่าเป้าหมาย
สำหรับการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 (ต.ค.50-ส.ค.51) มีทั้งสิ้น 1.423 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 22,757 ล้านบาท คิดเป็น 1.6% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.3% เป็นผลจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม และอากรขาเข้า ที่สูงกว่าประมาณการ
โดยการจัดเก็บรายได้ช่วง 11 เดือน แยกเป็น กรมสรรพากร จัดเก็บได้รวม 1.136 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 29,668 ล้านบาท หรือ 2.7% / กรมสรรพสามิต จัดเก็บได้รวม 260,161 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 8,701 ล้านบาท หรือ 3.2% / กรมศุลกากร จัดเก็บได้รวม 90,751 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 10,171 ล้านบาท หรือ 12.6% / รัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้รวม 91,607 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 1,088 ล้านบาท คิดเป็น 1.2% และหน่วยงานอื่น นำส่งรายได้รวม 79,891 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย1,460 ล้านบาท คิดเป็น 1.8%
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ช่วงเดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ 2551 รัฐบาลจะจัดเก็บรายได้สูงกว่าป้าหมายที่ตั้งไว้ แม้จะได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาล แต่จะมีรายได้จากภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้ปิโตรเลียมที่เหลื่อมเดือน และ บมจ.ปตท.(PTT) นำส่งรายได้ก่อนกำหนด ดังนั้น ในปีงบประมาณ 2551 จึงมั่นใจว่า รัฐบาลจะจัดเก็บรายได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1.495 ล้านล้านบาท ประมาณ 2-2.5%
วันนี้ (8 ก.ย.) นายสมชัย สัจจพงษ์ โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาล เดือน ส.ค.มีทั้งสิ้น 181,405 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 19,794 ล้านบาท คิดเป็น 9.8% และต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 13.2% เนื่องมาจากกรมสรรพากร จัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล ต่ำกว่าเป้าหมาย 13,085 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงภาษีเหลื่อมเดือน ที่วันสุดท้ายของการชำระภาษี ภ.ง.ด.51 เป็นวันหยุดราชการ จึงมายื่นชำระภาษีในวันจันทร์ที่ 1 ก.ย.เช่นเดียวกับการชำระภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ที่มีภาษีเหลื่อมเดือน ทำให้จัดเก็บภาษีต่ำกว่าเป้าหมาย 3,469 ล้านบาท
นอกจากนี้ การเก็บภาษีน้ำมัน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และ ดีเซล ทำให้เก็บภาษีน้ำมันต่ำกว่าเป้าหมาย 5,159 ล้านบาท แต่การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจและส่วนราชการอื่น และการจัดเก็บอากรขาเข้า ภาษีเบียร์ ยังสูงกว่าเป้าหมาย
สำหรับการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 (ต.ค.50-ส.ค.51) มีทั้งสิ้น 1.423 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 22,757 ล้านบาท คิดเป็น 1.6% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.3% เป็นผลจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม และอากรขาเข้า ที่สูงกว่าประมาณการ
โดยการจัดเก็บรายได้ช่วง 11 เดือน แยกเป็น กรมสรรพากร จัดเก็บได้รวม 1.136 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 29,668 ล้านบาท หรือ 2.7% / กรมสรรพสามิต จัดเก็บได้รวม 260,161 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 8,701 ล้านบาท หรือ 3.2% / กรมศุลกากร จัดเก็บได้รวม 90,751 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 10,171 ล้านบาท หรือ 12.6% / รัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้รวม 91,607 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 1,088 ล้านบาท คิดเป็น 1.2% และหน่วยงานอื่น นำส่งรายได้รวม 79,891 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย1,460 ล้านบาท คิดเป็น 1.8%
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ช่วงเดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ 2551 รัฐบาลจะจัดเก็บรายได้สูงกว่าป้าหมายที่ตั้งไว้ แม้จะได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาล แต่จะมีรายได้จากภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้ปิโตรเลียมที่เหลื่อมเดือน และ บมจ.ปตท.(PTT) นำส่งรายได้ก่อนกำหนด ดังนั้น ในปีงบประมาณ 2551 จึงมั่นใจว่า รัฐบาลจะจัดเก็บรายได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1.495 ล้านล้านบาท ประมาณ 2-2.5%
