xs
xsm
sm
md
lg

ปัดฝุ่น “มักกะสันคอมเพล็กซ์” 2 แสนล.“ลูกกรอก” ลูบปากซู้ด!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ร.ฟ.ท.เตรียมปัดฝุ่นโครงการมักกะสันคอมเพล็กซ์ เนื้อที่ 571 ไร่ มูลค่าการลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท คาด ใช้เวลาทบทวน 6 เดือน และเปิดประมูลได้ในปี 52

วันนี้ (20 ส.ค.) นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยโครงการลงทุนในปี 2552 โดยระบุว่า ร.ฟ.ท.ได้เตรียมเปิดประมูลโครงการพัฒนาที่ดินบริเวณสถานีมักกะสัน หรือโครงการมักกะสันคอมเพล็กซ์ ได้ภายในปี 2552 ตามแผนงานที่กำหนดไว้ ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างทบทวนแผนงานให้เหมาะสม ซึ่งน่าจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน

“สถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยนไปจึงได้นำโครงการดังกล่าวมาศึกษาความเหมาะสมในการลงทุนอีกครั้ง คาดว่า จะใช้เวลาศึกษาประมาณ 6 เดือน หลังจากนั้น จะเริ่มเปิดประกวดราคา เพื่อคัดเลือกเอกชนเข้ามาลงทุนประมาณปี 2552 ได้แน่นอน”

ทั้งนี้ การดำเนินโครงการดังกล่าวจะดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 ส่วนรูปแบบการลงทุนจะให้เอกชนรายเดียว หรือหลายรายพัฒนาที่ดินนั้น คงต้องรอผลการศึกษาก่อน

สำหรับโครงการพัฒนาที่ดินบริเวณย่านโรงงานมักกะสัน มีเนื้อที่ 571 ไร่ สามารถพัฒนาที่ดินเพื่อรองรับกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น ศูนย์การค้า โรงแรม สถานบันเทิง ร้านค้าปลอดภาษี คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน โรงพยาบาล ซึ่งทำเลที่ตั้งถือว่าอยู่ใจกลางเมือง และในอนาคตเมื่อโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง หรือโครงการแอร์พอร์ตเรลลิงค์ เปิดให้บริการ บริเวณดังกล่าวก็จะเป็นจุดเชื่อมระหว่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับศูนย์กลางเมืองธุรกิจ

ส่วนเรื่องการพัฒนารายได้จากการขนส่งสินค้านั้น ขณะนี้ ร.ฟ.ท.อยู่ระหว่างการเสนอ ครม.อนุมัติจัดซื้อหัวรถจักรอีก 20 คัน มูลค่า 3,000 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในโครงการรถไฟทางคู่สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ตอนฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2553 โดยเมื่อโครงการรถไฟทางคู่เปิดให้บริการ และมีหัวรถจักรที่เพียงพอกับการให้บริการ ก็จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการขนส่งสินค้าได้มากขึ้น

นายยุทธนา กล่าวว่า ตนเองตั้งเป้าเพิ่มรายได้จากการบริหารทรัพย์สินอีก 1,000 ล้านบาท ในปี 2552 ซึ่งจะทำให้รายได้จากการบริหารทรัพย์สินเป็น 2,200 ล้านบาท จากเดิมที่มีรายได้ปีละประมาณ 1,200-1,300 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการติดตามหนี้สินเดิม และการต่อสัญญาเช่าเดิม ซึ่งคาดว่ารายได้จากส่วนนี้จะมีประมาณ 500 ล้านบาท นอกจากนั้น จะมีรายได้เพิ่มจากการพัฒนาสถานีรถไฟตามชานเมืองสายสีแดง
กำลังโหลดความคิดเห็น