“อากู๋” ย้ำชัด ปลายปีลุยทีวีดาวเทียม ออนฟรีทูแอร์ วางตัวเองเป็นคอนเทนต์โพไวเดอร์ หากคณะกรรมการ กสทช.เกิดพร้อมเข้าขอใบอนุญาต เดินหน้าทำทีวีดาวเทียมเต็มกำลัง ล่าสุด ผุดโปรเจกต์ใหญ่ ร่วมกับ ดีแทค คลอดแคมเปญ “Happy Vampires *333” ชูบริการเพียง 20 บาทต่อเดือน ดาวน์โหลดเพลงแกรมมี่แบบไม่ยั้ง หวังต้านการละเมิดลิขสิทธิ์เพลง มั่นใจสัดส่วนรายได้จากกลุ่มดิจิตอลดีขึ้นพร้อมดันเป้ารวมทะลุ 8,000 ล้านบาท เติบโตไม่ต่ำกว่า 10%
นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ บริษัทมีความพร้อมในการทำทีวีดาวเทียม ในลักษณะของการเป็นคอนเทนต์โพรไวเดอร์ หรือการเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ให้กับเจ้าของสถานีที่มีอยู่ทั้งในกลุ่มทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวีลักษณะฟรีทูแอร์ที่สนใจ คาดว่า ในช่วงไตรมาสสี่จะสามารถดำเนินการได้ โดยจะมีต่ำกว่า 3 ช่อง ที่ตั้งใจจะเข้าไปทำ
“แกรมมี่มีความสนใจที่จะทำแซทเทิลไลท์ทีวี แต่ติดที่ กสทช.ยังไม่เกิด ต้องรอให้มีการสรรหาคณะกรรมการทั้ง 22 คนเกิดขึ้นก่อน ซึ่งถ้า กสทช.เกิดขึ้น บริษัทพร้อมที่จะเข้าไปขอใบอนุญาตในการทำแซทเทิลไลท์ทีวีอย่างเต็มรูปแบบต่อไป ทั้งนี้ มองว่า งบประมาณในการทำสถานีแซทเทิลไลท์ทีวีนั้น ใช้ไม่สูงมาก ประมาณ 10 ล้านบาทต่อช่องเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทจะเริ่มเข้าไปทำธุรกิจในกลุ่มทีวีดาวเทียมไปก่อน ในลักษณะของการเป็นคอนเทนต์โพรไวเดอร์ ทำคอนเทนต์ป้อนให้กับเจ้าของสถานีเคเบิลทีวีไปก่อน ปลายปีนี้คาดว่าจะเห็นไม่ต่ำกว่า 3 ช่อง”
นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมรายได้ของแกรมมี่ในไตรมาส 1 พบว่า เติบโตขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่วนไตรมาส 2 คาดว่า จะดีเช่นกัน ขณะที่ครึ่งปีหลังทางแกรมมี่ยังจะมีโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกหลายโครงการ โดยบริษัทในเครือจะเริ่มมีการทำแคมเปญของตัวเองเกิดขึ้น
ทั้งนี้ สถานการณ์รายได้จากกลุ่มซีดี และ วีซีดีเพลง พบว่า ดีขึ้น โดยเฉพาะซีดีที่เป็นคอนเสิร์ต ส่วนภาพรวมการดาวน์โหลดเพลงผ่านเว็บไซต์ หรือทางมือถือ พบว่า ลดลง อาจเนื่องมาจากการละเมิดของการดาวน์โหลดเกิดขึ้นสูง
ล่าสุด ทางแกรมมี่ได้ร่วมกับทางดีแทค เปิดให้บริการใหม่ “Happy Vampires *333” บริการการดาวน์โหลดเพลงจากแกรมมี่แบบไม่ยั้ง เพื่อต้องการปลุกกระแสการดาวน์โหลดเพลงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้เกิดความเป็นธรรมต่อคนทำงานเพลง นักแต่งเพลง และทีมงานคนทำเพลง และที่สำคัญ เพื่อลดพฤติกรรมการละเมิดลิขสิทธิ์ อย่างแผ่นผี และการดาวน์โหลดที่ผิดกฎหมาย ซึ่งบริการดังกล่าวถือว่าถูกมาก เพียง 20 บาทต่อเดือน ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดเพลงได้ทั้งเพลงใหม่และเพลงเก่า รวมถึงรูปแบบคอนเท้นท์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบบเต็มเพลง ริงโทน หรือเสียงรอสาย
สำหรับแคมเปญดังกล่าว เป็นการร่วมกันทำให้การดาวน์โหลดเพลงแบบถูกฎหมายเกิดขึ้นให้ได้ ซึ่งทั้งทางแกรมมี่ และ ดีแทค มีการใช้งบการตลาดสำหรับประชาสัมพันธ์บริการดังกล่าวรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท โดยทางแกรมมี่จะใช้มีเดียที่มีอยู่ และให้ศิลปินช่วยช่วยในการประชาสัมพันธ์ร่วมด้วย ส่วนทางดีแทคจะมีการใช้สื่อโฆษณา รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 200 คน เพื่อแนะนำวิธีการสมัครและดาวน์โหลดในบริการดังกล่าว ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน เชื่อมั่นว่า 6 เดือนนี้ จะมีผู้ใช้บริการดังกล่าวกว่า 1 ล้านคน ซึ่งถ้าบริการนี้ประสบความสำเร็จ คาดว่าทางแกรมมี่จะมีความร่วมมือในลักษณะดังกล่าวกับทางโอเปอเรเตอร์รายอื่นต่อไป
อย่างไรก็ตาม ค่าบริการ 20 บาทต่อเดือนนี้ ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ว่าจะมีการแบ่งกันในฝ่ายละเท่าไร เพราะต่างมุ่งหวังที่จะทำให้ตลาดการดาวน์โหลดแบบถูกกฎหมายเกิดขึ้นให้ได้มากกว่า
ปัจจุบันรายได้ในส่วนธุรกิจดิจิตอลของแกรมมี่ คิดเป็น 25% ของรายได้รวมทั้งหมด ซึ่งแคมเปญดังกล่าว เชื่อว่า จะทำให้รายได้ของกลุ่มดิจิตอลเติบโตได้เป็นอย่างดี หรือมีสัดส่วนของกำไรมากกว่า 50% จากกำไรที่มาจากธุรกิจเพลงทั้งหมด รวมทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันรายได้รวมปีนี้ เติบโต 10% ตามเป้า หรือไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท
นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ บริษัทมีความพร้อมในการทำทีวีดาวเทียม ในลักษณะของการเป็นคอนเทนต์โพรไวเดอร์ หรือการเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ให้กับเจ้าของสถานีที่มีอยู่ทั้งในกลุ่มทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวีลักษณะฟรีทูแอร์ที่สนใจ คาดว่า ในช่วงไตรมาสสี่จะสามารถดำเนินการได้ โดยจะมีต่ำกว่า 3 ช่อง ที่ตั้งใจจะเข้าไปทำ
“แกรมมี่มีความสนใจที่จะทำแซทเทิลไลท์ทีวี แต่ติดที่ กสทช.ยังไม่เกิด ต้องรอให้มีการสรรหาคณะกรรมการทั้ง 22 คนเกิดขึ้นก่อน ซึ่งถ้า กสทช.เกิดขึ้น บริษัทพร้อมที่จะเข้าไปขอใบอนุญาตในการทำแซทเทิลไลท์ทีวีอย่างเต็มรูปแบบต่อไป ทั้งนี้ มองว่า งบประมาณในการทำสถานีแซทเทิลไลท์ทีวีนั้น ใช้ไม่สูงมาก ประมาณ 10 ล้านบาทต่อช่องเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทจะเริ่มเข้าไปทำธุรกิจในกลุ่มทีวีดาวเทียมไปก่อน ในลักษณะของการเป็นคอนเทนต์โพรไวเดอร์ ทำคอนเทนต์ป้อนให้กับเจ้าของสถานีเคเบิลทีวีไปก่อน ปลายปีนี้คาดว่าจะเห็นไม่ต่ำกว่า 3 ช่อง”
นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมรายได้ของแกรมมี่ในไตรมาส 1 พบว่า เติบโตขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่วนไตรมาส 2 คาดว่า จะดีเช่นกัน ขณะที่ครึ่งปีหลังทางแกรมมี่ยังจะมีโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกหลายโครงการ โดยบริษัทในเครือจะเริ่มมีการทำแคมเปญของตัวเองเกิดขึ้น
ทั้งนี้ สถานการณ์รายได้จากกลุ่มซีดี และ วีซีดีเพลง พบว่า ดีขึ้น โดยเฉพาะซีดีที่เป็นคอนเสิร์ต ส่วนภาพรวมการดาวน์โหลดเพลงผ่านเว็บไซต์ หรือทางมือถือ พบว่า ลดลง อาจเนื่องมาจากการละเมิดของการดาวน์โหลดเกิดขึ้นสูง
ล่าสุด ทางแกรมมี่ได้ร่วมกับทางดีแทค เปิดให้บริการใหม่ “Happy Vampires *333” บริการการดาวน์โหลดเพลงจากแกรมมี่แบบไม่ยั้ง เพื่อต้องการปลุกกระแสการดาวน์โหลดเพลงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้เกิดความเป็นธรรมต่อคนทำงานเพลง นักแต่งเพลง และทีมงานคนทำเพลง และที่สำคัญ เพื่อลดพฤติกรรมการละเมิดลิขสิทธิ์ อย่างแผ่นผี และการดาวน์โหลดที่ผิดกฎหมาย ซึ่งบริการดังกล่าวถือว่าถูกมาก เพียง 20 บาทต่อเดือน ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดเพลงได้ทั้งเพลงใหม่และเพลงเก่า รวมถึงรูปแบบคอนเท้นท์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบบเต็มเพลง ริงโทน หรือเสียงรอสาย
สำหรับแคมเปญดังกล่าว เป็นการร่วมกันทำให้การดาวน์โหลดเพลงแบบถูกฎหมายเกิดขึ้นให้ได้ ซึ่งทั้งทางแกรมมี่ และ ดีแทค มีการใช้งบการตลาดสำหรับประชาสัมพันธ์บริการดังกล่าวรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท โดยทางแกรมมี่จะใช้มีเดียที่มีอยู่ และให้ศิลปินช่วยช่วยในการประชาสัมพันธ์ร่วมด้วย ส่วนทางดีแทคจะมีการใช้สื่อโฆษณา รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 200 คน เพื่อแนะนำวิธีการสมัครและดาวน์โหลดในบริการดังกล่าว ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน เชื่อมั่นว่า 6 เดือนนี้ จะมีผู้ใช้บริการดังกล่าวกว่า 1 ล้านคน ซึ่งถ้าบริการนี้ประสบความสำเร็จ คาดว่าทางแกรมมี่จะมีความร่วมมือในลักษณะดังกล่าวกับทางโอเปอเรเตอร์รายอื่นต่อไป
อย่างไรก็ตาม ค่าบริการ 20 บาทต่อเดือนนี้ ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ว่าจะมีการแบ่งกันในฝ่ายละเท่าไร เพราะต่างมุ่งหวังที่จะทำให้ตลาดการดาวน์โหลดแบบถูกกฎหมายเกิดขึ้นให้ได้มากกว่า
ปัจจุบันรายได้ในส่วนธุรกิจดิจิตอลของแกรมมี่ คิดเป็น 25% ของรายได้รวมทั้งหมด ซึ่งแคมเปญดังกล่าว เชื่อว่า จะทำให้รายได้ของกลุ่มดิจิตอลเติบโตได้เป็นอย่างดี หรือมีสัดส่วนของกำไรมากกว่า 50% จากกำไรที่มาจากธุรกิจเพลงทั้งหมด รวมทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันรายได้รวมปีนี้ เติบโต 10% ตามเป้า หรือไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท
